แม่นจัด ! ย้อนรอย 10 นักเตะที่ยิง ชนเสา ชนคาน มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก


10. เฟร์นันโด ตอร์เรส 21 ครั้ง


ลงเล่นในลีกทั้งหมด 212 เกม 
ทำได้ 85 ประตู 
โอกาสยิงทั้งหมด 581 ครั้ง 
ยิงชนเสา-คาน 21 ครั้ง 

ศูนย์หน้าจาก แดนกระทิงดุ รายนี้ ย้ายมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก ในปี 2007 กับ ลิเวอร์พูล และกลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลเดอะค็อป ก่อนสร้างวีรกรรมสุดช็อคโดยการย้ายไปอยู่ เชลซี คู่ปรับร่วมลีกช่วงหน้าหนาวปี 2011 และประสบความสำเร็จอย่างสูงกับเชลซี ก่อนหอบข้าวของออกจากถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในซัมเมอร์ปี 2014   

9. โลเมลู ลูกากู 21 ครั้ง


ลงเล่นในลีกทั้งหมด 252 เกม 
ทำได้ 113 ประตู 
โอกาสยิงทั้งหมด 681 ครั้ง 
ยิงชนเสา-คาน 21 ครั้ง 

ดาวยิงชาว เบลเยียม ถูก เชลซี  กระชากตัวมาในช่วงหน้าร้อนปี 2011 ก่อนจะพเนจรไปหาประสบการณ์กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และ เอฟเวอร์ตัน จากนั้นเป็น ท็อฟฟีสีน้ำเงิน ที่ซื้อขาดในปี 2014 ซึ่งศูนย์หน้าร่างยักษ์รายนี้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รีบจัดการคว้าตัวสู่ โรงละครแห่งความฝัน เมื่อซัมเมอร์ปี 2017 แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรและถูกขายให้ อินเตอร์ มิลาน ในตลาดซื้อขายนักเตะรอบที่ผ่านมา   

8. แฮร์รี เคน 21 ครั้ง


ลงเล่นในลีกทั้งหมด 181 เกม
ทำได้ 125 ประตู
โอกาสยิงทั้งหมด 698 ครั้ง
ยิงชนเสา-คาน 21 ครั้ง

ศูนย์หน้าเชื้อสายผู้ดีรายนี้ เป็นผลผลิตจากศูนย์ฝึกเยาวชนของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และแจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ จนปัจจุบันเป็นกองหน้าตัวความหวังของทั้งทีม ไก่เดือยทอง และ ทีมชาติอังกฤษ แถมได้รับรางวัลดาวซัลโว 2 ปีติดต่อกันในฤดูกาล 2015/16 และ 2016/17

7. ปีเตอร์ เคราช์ 22 ครั้ง


ลงเล่นในลีกทั้งหมด 468 เกม
ทำได้ 108 ประตู
โอกาสยิงทั้งหมด 643 ครั้ง
ยิงชนเสา-คาน 22 ครั้ง

เคราช์ เพิ่งจะประกาศแขวนสตัตต์ไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยอดีตหัวหอก ลิเวอร์พูล เริ่มต้นการค้าแข้งกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในปี 1999 แต่กว่าจะได้ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกต้องรอจนถึงฤดูกาล 2001/02 กับทีม แอสตัน วิลลา และย้ายมาอยู่กับ เชาธ์แฮมตัน ในปี 2004 ช่วงซัมเมอร์ปี 2005 ลิเวอร์พูล ดึงตัวกองหน้าร่างโยงรายนี้มาร่วมทัพ ทำให้ชื่อของอดีตศูนย์หน้าทีมชาติ อังกฤษ เริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่ตอนนั้น  จากนั้นเขาย้ายไปค้าแข้งกับอีกหลายทีม และสุดท้ายเป็น เบิร์นลีย์ ในปี 2019 ก่อนจะวางมือไป

6. เจอร์เมน เดโฟ 23 ครั้ง


ลงเล่นในลีกทั้งหมด 496 เกม
ทำได้ 162 ประตู
โอกาสยิงทั้งหมด 871 ครั้ง
ยิงชนเสา-คาน 23 ครั้ง

เดโฟ เติบโตมาในศูนย์ฝึกเยาวชนของ เวสต์แฮม ก่อนจะมาโด่งดังเป็นที่รู้จักกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์  ในฤดูกาล 2003/04 ต่อมาหัวหอกร่างเล็ก ย้ายไปเล่นกับ พอร์ทสมัธ ในปี 2008 เพียงแค่ 1 ปีจากนั้นเขาย้ายกลับ สเปอร์ส อีกครั้ง จนถึงปี 2014 ดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ ออกไปหาความท้าทายใหม่ สหรัฐอเมริกา และกลับมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก  อีกรอบกับ ซันเดอร์แลนด์ ในปี 2015 และเป็น บอร์นมัธ ที่คว้าตัวเขามาหลังจากทีม แมวดำ ตกชั้นในปี 2017 ซึ่งขณะนี้ถูกปล่อยให้กับ กลาสโกว เรนเจอร์ส ด้วยสัญญายืมตัว

5. หลุยส์ ซัวเรซ 26 ครั้ง


ลงเล่นในลีกทั้งหมด 110 เกม
ทำได้ 69 ประตู
โอกาสยิงทั้งหมด 551 ครั้ง
ยิงชนเสา-คาน 26 ครั้ง

ซัวเรซ เริ่มอาชีพค้าแข้งที่บ้านเกิด ก่อนจะย้ายมาเล่นใน ฮอลแลนด์ เมื่อปี 2006 กับ โกรนิงเกน และ อาแจ็กซ์ ในปีต่อมา จนถึงช่วงหน้าหนาวปี 2011 ลิเวอร์พูล คว้าตัวศูนย์หน้ารายนี้มาร่วมทัพ จากฝีเท้าอันยอดเยี่ยมและความเฉียบคมในการจบสกอร์ ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจคนใหม่ในถิ่น แอนฟิลด์ หลังการจากไปของ เฟร์นันโด ตอร์เรส ได้อย่างรวดเร็ว ฤดูกาล 2014/15 หัวหอกชาว อุรุกวัย ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลนา และยังคงเล่นอยู่กับทีมต่างดาวจนถึงปัจจุบัน

4. สตีเวน เจอร์ราร์ด 26 ครั้ง


ลงเล่นในลีกทั้งหมด 504 เกม
ทำได้ 120 ประตู
โอกาสยิงทั้งหมด 743 ครั้ง
ยิงชนเสา-คาน 26 ครั้ง

อดีตกัปตันทีม ลิเวอร์พูล  และ ทีมชาติอังกฤษ รายนี้ เป็นเด็กปั้นและเติมโตอย่างยิ่งใหญ่ในถิ่น แอนฟิลด์ ตั้งแต่เริ่มเล่นฟุตบอล ในปี 1998 จนถึง ปี 2015 เจอร์ราร์ด ประสบความสำเร็จสูงสุดกับทีม หงส์แดง ในปี 2005 ที่สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 5 ได้แบบโกงความตายร่วมกับสโมสรได้สำเร็จ จนกระทั่งปี 2015 จอมทัพแห่งเมืองผู้ดี รายนี้ เลือกจะใช้เวลาช่วงท้ายชีวิตการค้าแข้งที่ สหรัฐอเมริกา กับ แอลเอ กาแล็คซี และประกาศแขวนสตัตต์ในปี 2016

3. เวย์น รูนีย์ 29 ครั้ง


ลงเล่นในลีกทั้งหมด 491 เกม
ทำได้ 208 ประตู
โอกาสยิงทั้งหมด 1,237 ครั้ง
ยิงชนเสา-คาน 29 ครั้ง

รูนีย์ ตำนานของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับทีม เอฟเวอร์ตัน  ในปี 2002 ก่อนที่ย้ายมา แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2004 ตลอดเวลา 13 ปีที่ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษรายนี้วาดลวดลายอยู่ใน โรงละครแห่งความฝัน นั้นถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุดกับทีม ปีศาจแดง แล้ว ทั้งแชมป์ลีก แชมป์บอลถ้วยในประเทศ หรือแม้แต่ แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในปี 2008 จนกระทั่งปี 2017 เขาย้ายกลับไปอยู่กับ ท็อฟฟีสีน้ำเงิน อีกครั้ง และย้ายไป สหรัฐอเมริกา กับ ดีซี ยูไนเต็ด ปีต่อมา สุดท้าย อดีตกัปตันทีม เร้ดเดวิลส์ จะย้ายกลับมาที่อังกฤษอีกครั้งกับ ดาร์บี้ ในฐานะโค้ชและผู้เล่น ช่วงหน้าหนาวปี 2020 ที่จะถึงนี้

2. เซร์คิโอ อเกวโร 29 ครั้ง


ลงเล่นในลีกทั้งหมด 240 เกม
ทำได้ 165 ประตู
โอกาสยิงทั้งหมด 921 ครั้ง
ยิงชนเสา-คาน 29 ครั้ง

ซุปเปอร์สตาร์ชาว อาเจนไตน์ เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลในบ้านเกิด ก่อนย้ายมาเล่นที่ สเปน ปี 2006 และเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้  ที่คว้าตัวหัวหอกร่างเล็ก สู่ถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อปี 2011 และยังคงอยู่ค้าแข้งที่นั่นจนถึงปัจจุบัน โดยศูนย์หน้าทีมชาติ อาเจนตินา รายนี้ยังเดินหน้าถล่มประตูเป็นกอบเป็นกำ ช่วยให้ทีม เรือใบสีฟ้า ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กวาดแชมป์รายการต่างๆที่พวกเขาลงเล่น รวมไปถึงถ้วยใหญ่ของยุโรป ที่ เดอะซิตี้เซนส์ ต้องการมากที่สุดในตอนนี้

1. โรบิน ฟาน เพอร์ซี 44 ครั้ง


ลงเล่นในลีกทั้งหมด 280 เกม
ทำได้ 144 ประตู
โอกาสยิงทั้งหมด 862 ครั้ง
ยิงชนเสา-คาน 44 ครั้ง

ศูนย์หน้าชาว ฮอลแลนด์ เริ่มต้นค้าแข้งในประเทศบ้านเกิด และเป็น อาร์เซนอล  ซื้อตัวมาร่วมทัพในปี 2004 ก่อนจะขยับขึ้นมาเป็น กองหน้าเบอร์ 1 ในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดียม ได้ในเวลาไม่นาน แต่ในปี 2012 เพชรฆาตชาวดัตช์ เลือกจะย้ายสลับขั่วมาอยู่กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  คู่ปรับร่วมลีก ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง โดยการกด 26 ประตูในปีแรก พา ปีศาจแดง คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ได้สำเร็จ จากนั้นปี 2015 เขาเลือกที่จะย้ายไปเล่นใน ตุรกี กับ เฟเนร์บาห์เช และ ย้ายกลับ ลีกแดนกังหันลม ปี 2017 โดยเล่นอยู่ที่นั่นจนถึงปัจจุบัน

credit : www.90min.com/th
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่