ปกติก็ไม่ค่อยจะเขียนอะไรอยู่แล้ว เลยรอจังหวะที่จะเขียนมาระยะหนึ่ง กับช่วงครึ่งแรกของอะนิเมที่คิดว่าน่าจะเป็นอะนิเมเพลงที่ดีที่สุดของปี 2019 อะนิเมทำฉลองครบรอบ 20 ปีของค่าย Bones กับ 10 ปีของค่ายเพลง Flying Dog (หรือ JVC Kenwood Victor Entertainmentในตลาดต่างประเทศ) โดยความร่วมมือกับ Netflix เพื่อฉายทั่วโลก ทั้งหมด 24 ตอน (ไม่รวมภาคภาพยนตร์ที่จะทำตามมาอีก) โดยจะออกฉายนอกญี่ปุ่นวันที่ 30 ส.ค. นี้ ส่วนของญี่ปุ่นฉายมาตั้งแต่เดือน เม.ย. ทางช่องฟูจิทีวีแบบเสียเงิน และ Netflix ในญี่ปุ่น
อะนิเมเรื่องนี้กล่าวถึงเรื่องราวของ ทิวส์เดย์ ซิมมอนส์ ลูกสาวนักการเมืองในดาวอังคารที่แอบหนีออกจากบ้านมายังเมืองใหญ่เพื่อใช้ชีวิตอิสระ โดยมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าและกีตาร์โปร่งยี่ห้อกิ๊บสันอีกหนึ่งตัว
ตัดมาอีกด้าน ในเมืองใหญ่มีสาวน้อยกำพร้าชื่อ แครอล สแตนลี่ กำลังใช้ชีวิตอยู่และเพิ่งจะโดนไล่ออกจากงาน แต่สิ่งที่โอบอุ้มเธอไว้จนถึงปัจจุบันก็คือการเล่นดนตรีกับคีย์บอร์ดนอร์ดคู่ใจ แม้ว่าเธออยากจะทำให้ดนตรีกลายเป็นเพลงแต่ก็ยังขาดอะไรบางอย่างในชีวิตอยู่จึงทำให้มันเกิดออกมาไม่ได้ จนในที่สุดทั้งแครอลและทิวส์เดย์ ก็มาเจอกันด้วยความบังเอิญและได้แต่งเพลงร่วมกันเพลงแรกที่บ้านของแครอล
ด้วยความคึกคะนองตามวัย ทั้งคู่จึงแอบเอาเพลงที่แต่งขึ้นไปเล่นที่หอประชุมแห่งชาติของดาวอังคาร และมี โรดี้ เอไอโอเปอเรเตอร์ด้านดนตรีแอบบันทึกการแสดงนั้นอัพขึ้นไปบนอินเตอร์เน็ต จนทั้งสองคนได้มีโอกาสเข้าไปร่วมแข่งขันการประกวดร้องเพลงรายการใหญ่รายการหนึ่งโดยผู้ที่ชนะเลิศรายการนี้จะได้รับการการันตีเพื่อเซ็นสัญญาออดิชั่นต่อไปในอนาคต แต่จุดสูงสุดของรายการแข่งขันนี้ ก็มีคู่แข่งเก่งๆรออยู่ โดยเฉพาะ ซุปเปอร์โมเดลแห่งดาวอังคาร แองเจลล่า คาร์เพนเตอร์ ที่มีเป้าหมายเป็นนักร้องผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน
ถ้าจะว่ากันตรงๆเนื้อหาของอะนิเมเรื่องนี้ มันก็แนววัยรุ่นร้องเพลงธรรมดาๆครับ ไม่มีอะไรหวือหวามากนัก นอกจากจะมีเรื่องการเมืองสอดแทรกเข้ามานิดๆหน่อยๆ แต่เท่าที่ดู อะนิเมเรื่องนี้ผู้กำกับพยายามจะสอดแทรกถึงสภาพสังคมโลกปัจจุบันอยู่ไม่ใช่น้อย ทั้งเรื่องการไม่ปิดกันเรื่องความรักของเพศเดียวกัน การเปิดเผยของเพศทางเลือก(LGBT) ความเหลื่อมล้ำของสังคมคนรวยและคนจน เกมการเมือง และหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในแวดวงดนตรี คุณภาพงานวาดเองก็ระดับสูงเอาการ ผู้กำกับก็มีฝีมือ แถมเอานักพากย์ชื่อดังมาพากย์ซะหลายคนเหมือนกัน
รออีกนิด เดี๋ยว Netflix ไทย ก็จะฉายแล้ว
https://www.netflix.com/th/title/80992137
กลับมาเนื้อหาหลักเรื่องเพลง เนื่องจากอะนิเมเรื่องนี้ "เน้นขายเพลง" จึงค่อนข้างลงทุนในการจ้างนักแต่งเพลงและนักร้องจำนวนมากมาใช้ร้องเพลงประกอบ เพลงทั้งหมดที่ฟังมา ไม่มีภาษาญี่ปุ่นเลย นับเป็นความกล้าอย่างหนึ่งของค่ายเพลง Flying Dog ที่ต้องการจะเน้นขายอะนิเมเรื่องนี้ไปในระดับอินเตอร์โดยตรง ผมเองก็บินไปญี่ปุ่นได้ถูกจังหวะกับการวางขาย CD รวมเพลงชุดที่ 1 พอดี แม้ว่าเพลงจะมีขายแบบดิจตัลและราคาถูกกว่าก็ตาม แต่คนโบราณอย่างผมนี่ยังไงก็ต้องเ ซื้อแผ่นเท่านั้นครับ แม้จะเป็นยุคที่เครื่องเล่นเริ่มหาได้ยากขึ้นทุกวันๆและจะกลายเป็นของล้าสมัยไปแล้ว
เพลงๆหลายๆเพลงในเรื่องนี้ ถูกจริตผมมาก ได้ยินครั้งแรกคือจากโฆษณาในยูทูป แค่นั้นแหละ....จัดไป ไม่มีเหตุผลอื่น
Kiss me
เป็นเพลงเปิด 12 ตอนแรก ของอะนิเมเรื่องนี้ ร้องนำโดย Nai Br.XX (ร้องเสียงแครอล) กับ Celeina Ann (ร้องเสียงทิวส์เดย์)
Hold me now
เป็นเพลงปิด 12 ตอนแรก ร้องโดยนักร้องคนเดิมทั้งคู่เช่นกัน เป็นเพลงสนุกๆ เสียงเครื่องดนตรีค่อนข้างจะเด่นชัดกว่าปกติ
ทั้งสองเพลงนี้แยกขายใน Single แรก ที่ชื่อว่า Kissme/ Hold me now วางจำหน่ายไปเมื่อเดิน พ.ค. ที่ผ่านมา ผมไปซื้อที่ญี่ปุ่น หาเจอแค่สองแผ่น....
คราวนี้มาถึงแผ่นรวมเพลง Vol.1 ที่เพิ่งจำหน่ายไปเมื่อปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาทั้งแบบแผ่นและแบบดิจิตอลดาวน์โหลด (ที่ญี่ปุ่นมีแบบแผ่นเสียงอนาล็อคขายด้วย) มีทั้งหมด 18 เพลง หลากหลายแนวเพลงฟังกันจุใจไปเลย
ส่วน Single เพลงเปิดปิด 12 ตอนหลัง จะวางจำหน่ายช่วงปลายเดือน สิงหาคมนี้ และ แผ่นรวมเพลง Vol.2 จะวางจำหน่ายเดือนตุลาคม ส่วนแผ่น BD/DVD ก็วางจำหน่ายเป็นสองชุด วางจำหน่ายตอนช่วงเดือนตุลาคม ปีนี้ กับ เดือนมกราคม ปีหน้า ที่ญี่ปุ่น.... แต่ราคาขายค่อนข้างหนักใจ เพราะขายเป็นชุด ราคาชุดละกว่า 38000 เยน ราคาเท่าเครื่อง PS4 เครื่องหนึ่งเลย....
ไม่น่าเชื่อว่านานทีปีหนถึงจะมีอะนิเมเพลง ที่ทำให้ต้องเขียนได้ถึงขนาดนี้...
[พูดถึง] Carole&Tuesday ครึ่งแรก
อะนิเมเรื่องนี้กล่าวถึงเรื่องราวของ ทิวส์เดย์ ซิมมอนส์ ลูกสาวนักการเมืองในดาวอังคารที่แอบหนีออกจากบ้านมายังเมืองใหญ่เพื่อใช้ชีวิตอิสระ โดยมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าและกีตาร์โปร่งยี่ห้อกิ๊บสันอีกหนึ่งตัว
ตัดมาอีกด้าน ในเมืองใหญ่มีสาวน้อยกำพร้าชื่อ แครอล สแตนลี่ กำลังใช้ชีวิตอยู่และเพิ่งจะโดนไล่ออกจากงาน แต่สิ่งที่โอบอุ้มเธอไว้จนถึงปัจจุบันก็คือการเล่นดนตรีกับคีย์บอร์ดนอร์ดคู่ใจ แม้ว่าเธออยากจะทำให้ดนตรีกลายเป็นเพลงแต่ก็ยังขาดอะไรบางอย่างในชีวิตอยู่จึงทำให้มันเกิดออกมาไม่ได้ จนในที่สุดทั้งแครอลและทิวส์เดย์ ก็มาเจอกันด้วยความบังเอิญและได้แต่งเพลงร่วมกันเพลงแรกที่บ้านของแครอล
ด้วยความคึกคะนองตามวัย ทั้งคู่จึงแอบเอาเพลงที่แต่งขึ้นไปเล่นที่หอประชุมแห่งชาติของดาวอังคาร และมี โรดี้ เอไอโอเปอเรเตอร์ด้านดนตรีแอบบันทึกการแสดงนั้นอัพขึ้นไปบนอินเตอร์เน็ต จนทั้งสองคนได้มีโอกาสเข้าไปร่วมแข่งขันการประกวดร้องเพลงรายการใหญ่รายการหนึ่งโดยผู้ที่ชนะเลิศรายการนี้จะได้รับการการันตีเพื่อเซ็นสัญญาออดิชั่นต่อไปในอนาคต แต่จุดสูงสุดของรายการแข่งขันนี้ ก็มีคู่แข่งเก่งๆรออยู่ โดยเฉพาะ ซุปเปอร์โมเดลแห่งดาวอังคาร แองเจลล่า คาร์เพนเตอร์ ที่มีเป้าหมายเป็นนักร้องผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน
ถ้าจะว่ากันตรงๆเนื้อหาของอะนิเมเรื่องนี้ มันก็แนววัยรุ่นร้องเพลงธรรมดาๆครับ ไม่มีอะไรหวือหวามากนัก นอกจากจะมีเรื่องการเมืองสอดแทรกเข้ามานิดๆหน่อยๆ แต่เท่าที่ดู อะนิเมเรื่องนี้ผู้กำกับพยายามจะสอดแทรกถึงสภาพสังคมโลกปัจจุบันอยู่ไม่ใช่น้อย ทั้งเรื่องการไม่ปิดกันเรื่องความรักของเพศเดียวกัน การเปิดเผยของเพศทางเลือก(LGBT) ความเหลื่อมล้ำของสังคมคนรวยและคนจน เกมการเมือง และหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในแวดวงดนตรี คุณภาพงานวาดเองก็ระดับสูงเอาการ ผู้กำกับก็มีฝีมือ แถมเอานักพากย์ชื่อดังมาพากย์ซะหลายคนเหมือนกัน
รออีกนิด เดี๋ยว Netflix ไทย ก็จะฉายแล้ว
https://www.netflix.com/th/title/80992137
กลับมาเนื้อหาหลักเรื่องเพลง เนื่องจากอะนิเมเรื่องนี้ "เน้นขายเพลง" จึงค่อนข้างลงทุนในการจ้างนักแต่งเพลงและนักร้องจำนวนมากมาใช้ร้องเพลงประกอบ เพลงทั้งหมดที่ฟังมา ไม่มีภาษาญี่ปุ่นเลย นับเป็นความกล้าอย่างหนึ่งของค่ายเพลง Flying Dog ที่ต้องการจะเน้นขายอะนิเมเรื่องนี้ไปในระดับอินเตอร์โดยตรง ผมเองก็บินไปญี่ปุ่นได้ถูกจังหวะกับการวางขาย CD รวมเพลงชุดที่ 1 พอดี แม้ว่าเพลงจะมีขายแบบดิจตัลและราคาถูกกว่าก็ตาม แต่คนโบราณอย่างผมนี่ยังไงก็ต้องเ ซื้อแผ่นเท่านั้นครับ แม้จะเป็นยุคที่เครื่องเล่นเริ่มหาได้ยากขึ้นทุกวันๆและจะกลายเป็นของล้าสมัยไปแล้ว
เพลงๆหลายๆเพลงในเรื่องนี้ ถูกจริตผมมาก ได้ยินครั้งแรกคือจากโฆษณาในยูทูป แค่นั้นแหละ....จัดไป ไม่มีเหตุผลอื่น
Kiss me
เป็นเพลงเปิด 12 ตอนแรก ของอะนิเมเรื่องนี้ ร้องนำโดย Nai Br.XX (ร้องเสียงแครอล) กับ Celeina Ann (ร้องเสียงทิวส์เดย์)
Hold me now
เป็นเพลงปิด 12 ตอนแรก ร้องโดยนักร้องคนเดิมทั้งคู่เช่นกัน เป็นเพลงสนุกๆ เสียงเครื่องดนตรีค่อนข้างจะเด่นชัดกว่าปกติ
ทั้งสองเพลงนี้แยกขายใน Single แรก ที่ชื่อว่า Kissme/ Hold me now วางจำหน่ายไปเมื่อเดิน พ.ค. ที่ผ่านมา ผมไปซื้อที่ญี่ปุ่น หาเจอแค่สองแผ่น....
คราวนี้มาถึงแผ่นรวมเพลง Vol.1 ที่เพิ่งจำหน่ายไปเมื่อปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาทั้งแบบแผ่นและแบบดิจิตอลดาวน์โหลด (ที่ญี่ปุ่นมีแบบแผ่นเสียงอนาล็อคขายด้วย) มีทั้งหมด 18 เพลง หลากหลายแนวเพลงฟังกันจุใจไปเลย
ส่วน Single เพลงเปิดปิด 12 ตอนหลัง จะวางจำหน่ายช่วงปลายเดือน สิงหาคมนี้ และ แผ่นรวมเพลง Vol.2 จะวางจำหน่ายเดือนตุลาคม ส่วนแผ่น BD/DVD ก็วางจำหน่ายเป็นสองชุด วางจำหน่ายตอนช่วงเดือนตุลาคม ปีนี้ กับ เดือนมกราคม ปีหน้า ที่ญี่ปุ่น.... แต่ราคาขายค่อนข้างหนักใจ เพราะขายเป็นชุด ราคาชุดละกว่า 38000 เยน ราคาเท่าเครื่อง PS4 เครื่องหนึ่งเลย....
ไม่น่าเชื่อว่านานทีปีหนถึงจะมีอะนิเมเพลง ที่ทำให้ต้องเขียนได้ถึงขนาดนี้...