ผมมีโอกาสได้มาอยู่ในประเทศเยอรมันประมาณครึ่งปีครับ เคยดื่มร่วมกับคนหลายประเทศที่อาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนน้อยจะเป็นคนเอเชีย และส่วนมากจะเป็นชาวยุโรปครับ ในวงเหล้าส่วนใหญ่เวลาเมาแล้วจะชอบชวนคุย ถามนู่นถามนี่ ทำความรู้จักกัน ต่อให้เดินเหยียบเท้ากัน แค่บอกขอโทษ ยิ้มให้ ชนหมัดหรือจับมือกันก็หายแล้วครับ บางคนออกไปเจอหน้าร้านยังทักกันอีกด้วยซ้ำ
แตกต่างจากคนไทยโดยสิ้นเชิง ยังไม่ทันโดนตัว แค่มองหน้า หรือเผลอสบตา ก็เข้ามาหาเรื่องซะแล้ว ฝรั่งเจอกันนอกร้านจะทัก ชวนคุยเป็นชั่วโมง แต่คนไทยเจอกันนอกร้านดันจะต่อยกันซะอย่างนั้น แถมคนไทยเวลาดื่มเหล้าด้วยกันชอบพูดว่า "ชนแล้วต้องหมดนะ" "หมดแก้ววววว" แต่ฝรั่งชนแล้วจิบพอเป็นมารยาทก็จบแล้ว ไม่มีการทักท้วงให้หมดแก้ว
เวลาคนไทยเมา จะชอบทำเหมือนดูถูกคนอื่น ประมาณว่า "กินแค่นี้เองหรอ" "คออ่อนอะ" "แก้วยุงมาไข่หมดแล้ว" "กินแค่นี้อย่ากินเลย กลับบ้านไปสวดมนต์นอนดีกว่า" เป็นต้น ถ้าเป็นคนไม่ยอมคน หรือหัวอ่อนก็จะบ้าจี้ไปหมดแก้วตามกับคนท้าอีก แล้วก็จะเกิดปัญหาตามมาเพราะขาดสติ
ในขณะที่ฝรั่ง ดื่มเพื่อสังสรรค์ สร้างเพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ ไม่ดื่มเอาเมา ต่อให้เมาก็ไม่กร่าง เมาแล้วทำผิดก็ขอโทษเพราะรู้ตัวว่าเมา
แต่
คนไทย ดื่มเพื่อเมา เมาแล้วก็กร่าง หาเรื่อง เป็นปัญหาสังคม ไม่เมาไม่กลับ แต่ตอนกลับก็เป็นภาระเพื่อนร่วมวง หรือสังคมอีก
ประเทศที่ไม่ใช่เมืองพุทธ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งวันตามซุบเปอร์ เมาตั้งแต่กลางวัน เดินไปมาทั่วเมือง มีเครื่องดื่มมึนเมาในทุกร้านอาหาร แต่ไม่มีปัญหาเรื่องตีกันหรือทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นบ่อยนัก
กลับกัน ประเทศเมืองพุทธ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามเวลา มีทั้งปัญหาเรื่องทะเบาะวิวาท และเมาแล้วขับอยู่บ่อยครั้ง และไม่ได้ลดลงเลย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ครับ เหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุหรือเปล่า
ปล. คนไทยในที่นี้หมายถึงคนไทยส่วนใหญ่ และฝรั่งในที่นี้หมายถึงฝรั่งส่วนใหญ่เช่นกัน
EDIT เพิ่มเติมนะครับ
จุดประสงค์หลักที่ผมมาตั้งคำถามนี้ เพราะผมสงสัยในเรื่อง กรอบความคิด,ศาสนา,ทวีปที่อยู่อาศัย หรือภูมิภาค,วัฒนธรรม,สภาพอากาศ ตัวแปรพวกนี้มีแนวโน้มที่จะกระทบผลที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นหรือเปล่าอย่างไร ประมาณนี้ครับ
ทำไมเวลาคนไทยส่วนใหญ่เมาแล้วกร่าง ไม่เหมือนต่างชาติ?
แตกต่างจากคนไทยโดยสิ้นเชิง ยังไม่ทันโดนตัว แค่มองหน้า หรือเผลอสบตา ก็เข้ามาหาเรื่องซะแล้ว ฝรั่งเจอกันนอกร้านจะทัก ชวนคุยเป็นชั่วโมง แต่คนไทยเจอกันนอกร้านดันจะต่อยกันซะอย่างนั้น แถมคนไทยเวลาดื่มเหล้าด้วยกันชอบพูดว่า "ชนแล้วต้องหมดนะ" "หมดแก้ววววว" แต่ฝรั่งชนแล้วจิบพอเป็นมารยาทก็จบแล้ว ไม่มีการทักท้วงให้หมดแก้ว
เวลาคนไทยเมา จะชอบทำเหมือนดูถูกคนอื่น ประมาณว่า "กินแค่นี้เองหรอ" "คออ่อนอะ" "แก้วยุงมาไข่หมดแล้ว" "กินแค่นี้อย่ากินเลย กลับบ้านไปสวดมนต์นอนดีกว่า" เป็นต้น ถ้าเป็นคนไม่ยอมคน หรือหัวอ่อนก็จะบ้าจี้ไปหมดแก้วตามกับคนท้าอีก แล้วก็จะเกิดปัญหาตามมาเพราะขาดสติ
ในขณะที่ฝรั่ง ดื่มเพื่อสังสรรค์ สร้างเพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ ไม่ดื่มเอาเมา ต่อให้เมาก็ไม่กร่าง เมาแล้วทำผิดก็ขอโทษเพราะรู้ตัวว่าเมา
แต่
คนไทย ดื่มเพื่อเมา เมาแล้วก็กร่าง หาเรื่อง เป็นปัญหาสังคม ไม่เมาไม่กลับ แต่ตอนกลับก็เป็นภาระเพื่อนร่วมวง หรือสังคมอีก
ประเทศที่ไม่ใช่เมืองพุทธ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งวันตามซุบเปอร์ เมาตั้งแต่กลางวัน เดินไปมาทั่วเมือง มีเครื่องดื่มมึนเมาในทุกร้านอาหาร แต่ไม่มีปัญหาเรื่องตีกันหรือทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นบ่อยนัก
กลับกัน ประเทศเมืองพุทธ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามเวลา มีทั้งปัญหาเรื่องทะเบาะวิวาท และเมาแล้วขับอยู่บ่อยครั้ง และไม่ได้ลดลงเลย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ครับ เหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุหรือเปล่า
ปล. คนไทยในที่นี้หมายถึงคนไทยส่วนใหญ่ และฝรั่งในที่นี้หมายถึงฝรั่งส่วนใหญ่เช่นกัน
EDIT เพิ่มเติมนะครับ
จุดประสงค์หลักที่ผมมาตั้งคำถามนี้ เพราะผมสงสัยในเรื่อง กรอบความคิด,ศาสนา,ทวีปที่อยู่อาศัย หรือภูมิภาค,วัฒนธรรม,สภาพอากาศ ตัวแปรพวกนี้มีแนวโน้มที่จะกระทบผลที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นหรือเปล่าอย่างไร ประมาณนี้ครับ