รีวิวการทำเลสิกแบบ Monovision ด้วยวิธี Relex
วันนี้จะมาเล่าการไปทำเลสิกแบบ monovision ให้ฟังกันค่ะ เนื่องด้วยตัวเองเป็นคนสายตาสั้นมาตั้งแต่ ม.2 แล้ว ก็ใส่แว่นสลับกับคอนแทคเลนส์มาเรื่อยๆ จนเริ่มรำคาญก็เลยนิมิตรว่าไปทำเลสิกดีกว่า หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ตัดสินใจจะทำแล้วปรากฏดันท้องโต อดทำ อ่ะคลอดแล้วค่อยว่ากัน ปรากฏหลังคลอดจะไปทำก็ไม่ได้ อีก เพราะให้นมลูกก็ยังทำเลสิกไม่ได้อีก เพราะตาจะแห้ง อดอีก ผ่านมานานหลายปีจนมีตายาวมาประกอบด้วยอ่ะกว่าจะได้ทำ คราวนี้ไม่พูดมาก บอกผู้ชายที่บ้านว่า จะไปทำเลสิกนะ ว่างวันนี้ๆ มั้ย ขอสองวันช่วยไปรับส่งให้ด้วย (ไม่ถามความเห็นแล้ว เพราะคราวก่อนถามแล้วโดนว่า ให้ใส่แว่นไป)
นัดตรวจตา
เราเลือกทำเลสิกที่ TRSC ค่ะ เนื่องจากชื่อเสียงก่อนมาเป็นอันดับแรก และมีเพื่อนทำที่นี่ด้วย (และเพื่อนให้ voucher มาเป็นส่วนลดในการตรวจตา และทำเลสิกด้วย) ประกอบกับใกล้บ้าน จึงเลือกทำที่นี่ เราเริ่มจากโทรไปนัดวันตรวจตาก่อน เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าต้องถอดคอนแทคก่อนมาตรวจตาอย่างน้อย 3 วัน วันตรวจมาถึง TRSC แต่เช้า กรอกข้อมูล ถ่ายรูปทำประวัติ เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ให้ไปนั่งฟังข้อมูลการทำเลสิกแบบต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่พาไปตรวจตาตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อวันความสามารถในการมองเห็น เสร็จแล้วจึงพาไปหยอดตาเพื่อขยายม่านตา และรอพบคุณหมอ เราเลือกทำกับคุณหมอสุกานดา คุณหมอตรวจประเมินเสร็จก็บอกว่าเราสามารถทำเลสิกได้ จะทำด้วยวิธีไหนก็ได้แล้วแต่เราจะเลือก เราเลือกทำด้วยวิธี Relex (แผลเล็ก เจ็บน้อย) ค่าสายตาของเราที่วัดได้นั้น คือ สั้น 375 และยาว 125 คุณหมอแนะนำให้ทำเลสิกแบบ Monovision คือ ให้ขจัดสายตาสั้นในตาข้างที่ถนัดออกให้หมด เพื่อใช้มองไกล (ของเราคือตาขวา) และเหลือค่าสายตาสั้น (ตาซ้าย) ไว้ที่ สั้น 125 เพื่อเอาไว้มองใกล้ ใช้อ่านหนังสือ เสร็จจากการตรวจแล้ว จะมีที่ปรึกษาส่วนตัวของเราพาเราออกมาให้คำแนะนำอีกที น้องเค้าแนะนำว่า เราจะทำเลสิกแบบ monovision หรือแบบ full correction (คือ แก้สายตาสั้นทั้งสองข้างออกหมด) ก็ได้ แล้วแต่เราจะเลือก
เค้าให้เราลองใส่แว่นแบบสายตาสองข้างไม่เท่ากัน เพื่อทดส
อบดูว่าจะกระทบกับชีวิตประจำวันมั้ย แต่ด้วยระยะเวลามันสั้นเกินไปคงตอบลำบาก ช่วงระหว่างรอวันที่เข้ารับการทำเลสิก เค้าจึงแนะนำให้เราไปใส่คอนแทคเลนส์ตามค่าสายตาที่เราจะทำเลสิกจริงๆ เพื่อดูว่าการทำเลสิกแบบนี้จะกระทบชีวิตประจำวันเรามั้ย เรารับได้หรือไม่ โดยเราต้องใส่คอนแทคที่ตาขวา คือ สั้น 375 และตาซ้ายสั้น 250 ใส่แรกๆ ไม่ชอบเลย รู้สึกมองไกล ก็ไม่แจ่ม มองใกล้ ก็ไม่ถนัด ใส่ไปได้สามวัน จึงลองใส่แบบเอาสองข้างเท่ากัน คือ สั้น 375 ทั้งสองตาไปเลย ปรากฏหนักกว่าคือ มองมือถือไม่ชัดเลยฮ่ะ กระทบชีวิตแน่นอน เพราะถ้าใส่แบบแรก ยังมองเห็นอ่านได้ แค่ไม่แจ่ม เราจึงลองกลับมาใส่แบบแรก คือ สองข้างไม่เท่ากันต่อไปจนครบระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว แต่จะว่าไป เราว่าถ้าไม่รีบควรลองใส่ให้นานกว่าของเรา เพราะจะได้รู้ว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน เราตัดสินใจทำแบบ monovision เพราะถ้าทำแบบ full correction ก็ยังต้องใส่แว่นสายตายาวเวลาอ่านหนังสือ ทำงาน ร่วมถึงดูมือถืออยู่ดี เรากลับมาหาข้อมูลเกี่ยวกับ monovision เพิ่มเติมอีกหน่อย คือ เค้าบอกว่าร่างกายเราจะสามารถปรับตัวกับการมองเห็นแบบนี้ในระยะเวลาประมาณสามเดือน เราก็เลยโอเคไปที่ monovision เพราะถ้าเกิดไม่ชอบจริงๆ ปรับตัวไม่ได้ เราสามารถมาเติมเลเซอร์ในข้างที่เหลือสั้นไว้ได้
ทำเลสิก
พอถึงวันทำเลสิก ซึ่งห่างจากวัดตรวจประเมินสายตาประมาณ 3 วีค เรารีบกลับบ้านมาอาบน้ำ สระผมก่อนเลย เพราะเราจะล้างหน้า และสระผมเองไม่ได้ไป 3 วันมาถึงเราก็นำผลตรวจเลือด HIV ไปให้เจ้าหน้าที่ (ต้องมีผลตรวจ HIV มาแสดงด้วยว่าไม่ได้เป็น เพราะคนที่เป็นเค้าอาจไม่ทำให้ ต้องให้คุณหมอที่รักษารับรองมาก่อนจึงจะทำได้ อะไรประมาณนี้) นั่งรอเจ้าหน้าที่มาอธิบายขั้นตอนการทำเลสิกเพิ่มเติมนิดหน่อย กินยาคลายเครียด แวเลียมนั่นเองนะฮ่ะ เราเป็นคนแรกของวันนั้น เข้าห้องผ่าตัดประมาณบ่ายสองครึ่ง ใส่ชุดคลุม ใส่หมวก เก็บของเข้าล็อกเกอร์ เจ้าหน้าที่พาไปนอนหยอดยาชา สลับกับยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ หยอดสลับกันไปสามยานี้ สักพักคุณหมอมาคุยด้วย แล้วบอกของเราวันมาตรวจตา กระจกตามีรอยนิดนึง คุณหมอถามว่าตอนนั้นถอดคอนแทคมากี่วัน เราตอบไปว่า 3 วัน แต่คราวนี้ถอดคอนแทคมาแล้ว 8 วัน สรุป คุณหมอให้ออกไปวัดตาใหม่อีกที คือ ตื่นเต้น อยากทำแล้ว แต่เพื่อความชัวร์ เพราะมันคือ ตาของเรา ตรวจไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็พามานอนหยอดยาต่อ คุณหมอกลับมาคุยด้วยอีกที บอกกระจกตาโอเค เดี๋ยวจะทำตาแล้วนะ คุณหมอก็อธิบายว่า จะมีแสงเป็นจุดสีเขียวให้เราพยายามมองผ่านจุดนั้นไป แบบไกลๆ แล้วจุดเขียวจะหายไป คุณหมอใจดีมาก ถามเราว่าตื่นเต้นมั้ย เราแบบนิดนึงอ่ะนะ สักพัก เจ้าหน้าที่ก็มาพาไปห้องผ่าตัด เครื่องทำใหญ่อยู่ เจ้าหน้าที่ให้นอนลง ทำความสะอาดใบหน้าด้วยน่ำยา ติดสก็อตเทปขึงตาเอาไว้ เจาะรูตรงตา และห่มผ้าให้ เราขอสองผืนเลย ตื่นเต้น แอบหนาว ขั้นตอนนี้เสร็จแล้ว ก็เลื่อนเราเข้าสู่เครื่องเลเซอร์ คุณหมอบอกจะซ้อมก่อนโดยให้มองแสงสีขาวๆ สักพัก คุณหมอบอกโอเคทำเลยนะ แล้วเราก็เจอกับแสงสีเขียวที่คุณหมอบอก โอ้ พอเจอของจริงทั้งๆ ที่มีสก็อตเทปขึงตาอยู่นะ เสียงสีเขียวสั่นมาก ตาเราคงไม่นิ่งอ่ะนะ คุณหมอต้องคอยบอกว่าให้ทำยังไง คุณหมอใจเย็นมาก พอตาเราคงเริ่มนิ่ง ตั้งใจทำตามที่คุณหมอบอก แพรบเดียวเสร็จแล้ว ก็เลื่อนตัวเราออกมา เจอกะแสงสีขาวต่อ ทีนี่เหมือนคุณหมอมาทำอะไรต่อก็ไม่รู้ที่ตาเราอยู่พักนึง ไม่นาน เป็นอันเสร็จ 1 ข้าง และก็ต่อด้วยตาข้างซ้ายด้วยวิธีแบบเดิม แปบเดียวเสร็จแล้วทั้งสองข้าง ออกมานอนหยอดยาแก้อักเสบ ฆ่าเชื้ออีกนิด ปิดฝาครอบตา เจ้าหน้าที่พาออกมาถอดชุดคลุม ใส่รองเท้า เก็บของ แล้วออกมานั่งรอข้างนอกต่อ กินยาแก้ปวด พรุ่งนี้มาเปิดฝาครอบตา เสร็จแล้วดีใจมาก ระหว่างนั้นมองหาคุณสาผ่านฝาครอบตาไม่เจอ ค่อยๆ หยิบมือถือในกระเป๋า หยิบโทรศัพท์โทรมาคุณสาได้อยู่นะ แล้วพากันกลับบ้าน ยังสามารถลงมาซื้อฟูจิกลับไปกินที่บ้านได้อยู่นะ แล้วพากันไปรับลูกที่โรงเรียนต่อ
สำหรับอาการหลังทำเลสิกที่อาจเกิดขึ้นได้คือ อาจมีอาการแสบตา เคืองตา เหมือนมีผงเข้าตามีน้ำตาไหลได้ เป็นมากเป็นน้อยแล้วแต่คน
พอถึงบ้านก็นอนพัก หลับตาเยอะๆ สักพักมีแสบตาน้ำตาไหลบ้าง เราก็หลับตาเอา ห้ามถอดฝาครอบตาออกเด็ดขาด ต้องไปถอดพรุ่งนี้ที่ TRSC เท่านั้น กินข้าวกินปลาเสร็จ นอนเลย ไม่อาบน้ำแล้ว นอนก็ไม่ค่อยหลับ เลยหยิบยาแก้ปวดมากิน 1 เม็ด และกินแวเลียมอีก 1 เม็ด หวังว่าจะหลับได้ แต่นอนพลิกไปมาอยู่นาน ลองมองนาฬิกาดู โอ้ยยย เริ่มแจ่ม เห็นชัดแบบไม่เคยชัดแบบนี้มาก่อน ตอนนี้สองทุ่มแล้วค่ะ นี่ขนาดมองผ่านฝาครอบตานะ จนสามทุ่มยังไม่หลับเลย นอนไปก็กลัวลูกดิ้นมาฟาดหน้า สรุปหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่ตื่นมาปวดหลังน่าดู สงสัยนอนเกร็งกลัวลูกดิ้นมาฟาดหน้าเอา
เช้ามาอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว และยังสามารถถักเปียให้ลูกได้นะฮ่ะ ไปส่งลูกที่โรงเรียนก่อน แล้วค่อยไปเปิดตา พอถึง TRSC เจ้าหน้าที่พาไปเปิดฝาครอบตา ทำความสะอาดตา และหน้าให้ และทดสอบการมองเห็นด้วยการอ่านชาร์ตตัวเลข การมองเห็นของเราอยู่ในระดับดี รอเจอคุณหมอ พบคุณหมอเพื่อตรวจตาดูว่าแผลปิดสนิทแล้วรึยัง แผลเราปิดสนิทดี อีกวีคนึงกลับมาเจอคุณหมออีกรอบ แฮะๆ แอบอายเราแอบถามคุณหมอว่าเราจะโบท็อกซ์ได้เมื่อไหร่ คุณหมอคงงงกะเรา แทนที่จะถามเรื่องตา คุณหมอบอกควรรออีกสองเดือนนะฮ่ะ
ผ่านการทำมาได้สองวัน การมองเห็นโอเคนะ ไม่เป็นอุปสรรค แต่มีตาแห้งเป็นระยะๆ ต้องคอยหยอดน้ำตาเทียม และยังต้องหยอดยาวันละ 4 ครั้งจนกว่าจะครบหนึ่งวีค ลืมบอกไป ถอดฝาครอบตาเสร็จ ตอนเที่ยงวันนั้นเราก็ขับรถพาแม่ไปซื้อของแล้ว ก็ขับได้นะ ไม่มีปัญหาอะไร แต่การทำเลสิกแบบ monovision นั้น อาจมีอุปสรรคบ้างในการขับรถตอนกลางคืน ตาจะมองเห็นได้ไม่ดีเท่าไหร่อาจต้องใช้แว่นตาช่วยในการขับรถตอนกลางคืน โดยใช้เลนส์เปล่าในตาข้างที่เรากำจัดสายตาสั้นออกหมด และใช้เลนส์ที่มีค่าสายตาในตาข้างที่เหลือสายตาสั้นไว้ ทั้งนี้ คุณหมอจะเป็นคนกำหนดค่าเลนส์สายตาให้เราเพื่อไปตัดแว่นไว้สำหรับขับรถเมื่อเราทำเลสิกครบสามเดือนแล้ว ที่ต้องรอครบสามเดือนเพื่อให้ค่าสายตาหลังการเลสิกคงที่ก่อน จะได้ไม่ต้องไปตัดแว่นหลายรอบค่ะ
ตอนนี้ทำเลสิกครบ 7 วัน ก็กลับมาตรวจตากับคุณหมอ โดยตรวจความสามารถในการมองเห็น และตรวจสภาพตาทั่วไป ผลการตรวจโอเคไม่มีอะไร เห็นชัดแจ่มดี กลับมาทาตา แต่งหน้าได้ตามปกติ และไม่ต้องหยอดยาแล้ว แต่ยังควรต้องหยอดน้ำตาเทียมต่อไปวันละ 4 ครั้ง ตาจะได้ไม่แห้ง หรือจะหยอดถี่กว่านี้ก็ได้ หยอดไปจนครบ 1 เดือน คุณหมอจะนัดตรวจตาอีกทีเมื่อครบ 1 เดือน / 3 เดือน และ 1 ปี
สรุป
มองเห็นได้ดีทั้งไกลและใกล้ พอใจเป็นอย่างยิ่ง
[CR] รีวิวการทำเลสิกแบบ Monovision ด้วยวิธี Relex
วันนี้จะมาเล่าการไปทำเลสิกแบบ monovision ให้ฟังกันค่ะ เนื่องด้วยตัวเองเป็นคนสายตาสั้นมาตั้งแต่ ม.2 แล้ว ก็ใส่แว่นสลับกับคอนแทคเลนส์มาเรื่อยๆ จนเริ่มรำคาญก็เลยนิมิตรว่าไปทำเลสิกดีกว่า หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ตัดสินใจจะทำแล้วปรากฏดันท้องโต อดทำ อ่ะคลอดแล้วค่อยว่ากัน ปรากฏหลังคลอดจะไปทำก็ไม่ได้ อีก เพราะให้นมลูกก็ยังทำเลสิกไม่ได้อีก เพราะตาจะแห้ง อดอีก ผ่านมานานหลายปีจนมีตายาวมาประกอบด้วยอ่ะกว่าจะได้ทำ คราวนี้ไม่พูดมาก บอกผู้ชายที่บ้านว่า จะไปทำเลสิกนะ ว่างวันนี้ๆ มั้ย ขอสองวันช่วยไปรับส่งให้ด้วย (ไม่ถามความเห็นแล้ว เพราะคราวก่อนถามแล้วโดนว่า ให้ใส่แว่นไป)
นัดตรวจตา
เราเลือกทำเลสิกที่ TRSC ค่ะ เนื่องจากชื่อเสียงก่อนมาเป็นอันดับแรก และมีเพื่อนทำที่นี่ด้วย (และเพื่อนให้ voucher มาเป็นส่วนลดในการตรวจตา และทำเลสิกด้วย) ประกอบกับใกล้บ้าน จึงเลือกทำที่นี่ เราเริ่มจากโทรไปนัดวันตรวจตาก่อน เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าต้องถอดคอนแทคก่อนมาตรวจตาอย่างน้อย 3 วัน วันตรวจมาถึง TRSC แต่เช้า กรอกข้อมูล ถ่ายรูปทำประวัติ เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ให้ไปนั่งฟังข้อมูลการทำเลสิกแบบต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่พาไปตรวจตาตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อวันความสามารถในการมองเห็น เสร็จแล้วจึงพาไปหยอดตาเพื่อขยายม่านตา และรอพบคุณหมอ เราเลือกทำกับคุณหมอสุกานดา คุณหมอตรวจประเมินเสร็จก็บอกว่าเราสามารถทำเลสิกได้ จะทำด้วยวิธีไหนก็ได้แล้วแต่เราจะเลือก เราเลือกทำด้วยวิธี Relex (แผลเล็ก เจ็บน้อย) ค่าสายตาของเราที่วัดได้นั้น คือ สั้น 375 และยาว 125 คุณหมอแนะนำให้ทำเลสิกแบบ Monovision คือ ให้ขจัดสายตาสั้นในตาข้างที่ถนัดออกให้หมด เพื่อใช้มองไกล (ของเราคือตาขวา) และเหลือค่าสายตาสั้น (ตาซ้าย) ไว้ที่ สั้น 125 เพื่อเอาไว้มองใกล้ ใช้อ่านหนังสือ เสร็จจากการตรวจแล้ว จะมีที่ปรึกษาส่วนตัวของเราพาเราออกมาให้คำแนะนำอีกที น้องเค้าแนะนำว่า เราจะทำเลสิกแบบ monovision หรือแบบ full correction (คือ แก้สายตาสั้นทั้งสองข้างออกหมด) ก็ได้ แล้วแต่เราจะเลือก
เค้าให้เราลองใส่แว่นแบบสายตาสองข้างไม่เท่ากัน เพื่อทดสอบดูว่าจะกระทบกับชีวิตประจำวันมั้ย แต่ด้วยระยะเวลามันสั้นเกินไปคงตอบลำบาก ช่วงระหว่างรอวันที่เข้ารับการทำเลสิก เค้าจึงแนะนำให้เราไปใส่คอนแทคเลนส์ตามค่าสายตาที่เราจะทำเลสิกจริงๆ เพื่อดูว่าการทำเลสิกแบบนี้จะกระทบชีวิตประจำวันเรามั้ย เรารับได้หรือไม่ โดยเราต้องใส่คอนแทคที่ตาขวา คือ สั้น 375 และตาซ้ายสั้น 250 ใส่แรกๆ ไม่ชอบเลย รู้สึกมองไกล ก็ไม่แจ่ม มองใกล้ ก็ไม่ถนัด ใส่ไปได้สามวัน จึงลองใส่แบบเอาสองข้างเท่ากัน คือ สั้น 375 ทั้งสองตาไปเลย ปรากฏหนักกว่าคือ มองมือถือไม่ชัดเลยฮ่ะ กระทบชีวิตแน่นอน เพราะถ้าใส่แบบแรก ยังมองเห็นอ่านได้ แค่ไม่แจ่ม เราจึงลองกลับมาใส่แบบแรก คือ สองข้างไม่เท่ากันต่อไปจนครบระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว แต่จะว่าไป เราว่าถ้าไม่รีบควรลองใส่ให้นานกว่าของเรา เพราะจะได้รู้ว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน เราตัดสินใจทำแบบ monovision เพราะถ้าทำแบบ full correction ก็ยังต้องใส่แว่นสายตายาวเวลาอ่านหนังสือ ทำงาน ร่วมถึงดูมือถืออยู่ดี เรากลับมาหาข้อมูลเกี่ยวกับ monovision เพิ่มเติมอีกหน่อย คือ เค้าบอกว่าร่างกายเราจะสามารถปรับตัวกับการมองเห็นแบบนี้ในระยะเวลาประมาณสามเดือน เราก็เลยโอเคไปที่ monovision เพราะถ้าเกิดไม่ชอบจริงๆ ปรับตัวไม่ได้ เราสามารถมาเติมเลเซอร์ในข้างที่เหลือสั้นไว้ได้
ทำเลสิก
พอถึงวันทำเลสิก ซึ่งห่างจากวัดตรวจประเมินสายตาประมาณ 3 วีค เรารีบกลับบ้านมาอาบน้ำ สระผมก่อนเลย เพราะเราจะล้างหน้า และสระผมเองไม่ได้ไป 3 วันมาถึงเราก็นำผลตรวจเลือด HIV ไปให้เจ้าหน้าที่ (ต้องมีผลตรวจ HIV มาแสดงด้วยว่าไม่ได้เป็น เพราะคนที่เป็นเค้าอาจไม่ทำให้ ต้องให้คุณหมอที่รักษารับรองมาก่อนจึงจะทำได้ อะไรประมาณนี้) นั่งรอเจ้าหน้าที่มาอธิบายขั้นตอนการทำเลสิกเพิ่มเติมนิดหน่อย กินยาคลายเครียด แวเลียมนั่นเองนะฮ่ะ เราเป็นคนแรกของวันนั้น เข้าห้องผ่าตัดประมาณบ่ายสองครึ่ง ใส่ชุดคลุม ใส่หมวก เก็บของเข้าล็อกเกอร์ เจ้าหน้าที่พาไปนอนหยอดยาชา สลับกับยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ หยอดสลับกันไปสามยานี้ สักพักคุณหมอมาคุยด้วย แล้วบอกของเราวันมาตรวจตา กระจกตามีรอยนิดนึง คุณหมอถามว่าตอนนั้นถอดคอนแทคมากี่วัน เราตอบไปว่า 3 วัน แต่คราวนี้ถอดคอนแทคมาแล้ว 8 วัน สรุป คุณหมอให้ออกไปวัดตาใหม่อีกที คือ ตื่นเต้น อยากทำแล้ว แต่เพื่อความชัวร์ เพราะมันคือ ตาของเรา ตรวจไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็พามานอนหยอดยาต่อ คุณหมอกลับมาคุยด้วยอีกที บอกกระจกตาโอเค เดี๋ยวจะทำตาแล้วนะ คุณหมอก็อธิบายว่า จะมีแสงเป็นจุดสีเขียวให้เราพยายามมองผ่านจุดนั้นไป แบบไกลๆ แล้วจุดเขียวจะหายไป คุณหมอใจดีมาก ถามเราว่าตื่นเต้นมั้ย เราแบบนิดนึงอ่ะนะ สักพัก เจ้าหน้าที่ก็มาพาไปห้องผ่าตัด เครื่องทำใหญ่อยู่ เจ้าหน้าที่ให้นอนลง ทำความสะอาดใบหน้าด้วยน่ำยา ติดสก็อตเทปขึงตาเอาไว้ เจาะรูตรงตา และห่มผ้าให้ เราขอสองผืนเลย ตื่นเต้น แอบหนาว ขั้นตอนนี้เสร็จแล้ว ก็เลื่อนเราเข้าสู่เครื่องเลเซอร์ คุณหมอบอกจะซ้อมก่อนโดยให้มองแสงสีขาวๆ สักพัก คุณหมอบอกโอเคทำเลยนะ แล้วเราก็เจอกับแสงสีเขียวที่คุณหมอบอก โอ้ พอเจอของจริงทั้งๆ ที่มีสก็อตเทปขึงตาอยู่นะ เสียงสีเขียวสั่นมาก ตาเราคงไม่นิ่งอ่ะนะ คุณหมอต้องคอยบอกว่าให้ทำยังไง คุณหมอใจเย็นมาก พอตาเราคงเริ่มนิ่ง ตั้งใจทำตามที่คุณหมอบอก แพรบเดียวเสร็จแล้ว ก็เลื่อนตัวเราออกมา เจอกะแสงสีขาวต่อ ทีนี่เหมือนคุณหมอมาทำอะไรต่อก็ไม่รู้ที่ตาเราอยู่พักนึง ไม่นาน เป็นอันเสร็จ 1 ข้าง และก็ต่อด้วยตาข้างซ้ายด้วยวิธีแบบเดิม แปบเดียวเสร็จแล้วทั้งสองข้าง ออกมานอนหยอดยาแก้อักเสบ ฆ่าเชื้ออีกนิด ปิดฝาครอบตา เจ้าหน้าที่พาออกมาถอดชุดคลุม ใส่รองเท้า เก็บของ แล้วออกมานั่งรอข้างนอกต่อ กินยาแก้ปวด พรุ่งนี้มาเปิดฝาครอบตา เสร็จแล้วดีใจมาก ระหว่างนั้นมองหาคุณสาผ่านฝาครอบตาไม่เจอ ค่อยๆ หยิบมือถือในกระเป๋า หยิบโทรศัพท์โทรมาคุณสาได้อยู่นะ แล้วพากันกลับบ้าน ยังสามารถลงมาซื้อฟูจิกลับไปกินที่บ้านได้อยู่นะ แล้วพากันไปรับลูกที่โรงเรียนต่อ
สำหรับอาการหลังทำเลสิกที่อาจเกิดขึ้นได้คือ อาจมีอาการแสบตา เคืองตา เหมือนมีผงเข้าตามีน้ำตาไหลได้ เป็นมากเป็นน้อยแล้วแต่คน
พอถึงบ้านก็นอนพัก หลับตาเยอะๆ สักพักมีแสบตาน้ำตาไหลบ้าง เราก็หลับตาเอา ห้ามถอดฝาครอบตาออกเด็ดขาด ต้องไปถอดพรุ่งนี้ที่ TRSC เท่านั้น กินข้าวกินปลาเสร็จ นอนเลย ไม่อาบน้ำแล้ว นอนก็ไม่ค่อยหลับ เลยหยิบยาแก้ปวดมากิน 1 เม็ด และกินแวเลียมอีก 1 เม็ด หวังว่าจะหลับได้ แต่นอนพลิกไปมาอยู่นาน ลองมองนาฬิกาดู โอ้ยยย เริ่มแจ่ม เห็นชัดแบบไม่เคยชัดแบบนี้มาก่อน ตอนนี้สองทุ่มแล้วค่ะ นี่ขนาดมองผ่านฝาครอบตานะ จนสามทุ่มยังไม่หลับเลย นอนไปก็กลัวลูกดิ้นมาฟาดหน้า สรุปหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่ตื่นมาปวดหลังน่าดู สงสัยนอนเกร็งกลัวลูกดิ้นมาฟาดหน้าเอา
เช้ามาอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว และยังสามารถถักเปียให้ลูกได้นะฮ่ะ ไปส่งลูกที่โรงเรียนก่อน แล้วค่อยไปเปิดตา พอถึง TRSC เจ้าหน้าที่พาไปเปิดฝาครอบตา ทำความสะอาดตา และหน้าให้ และทดสอบการมองเห็นด้วยการอ่านชาร์ตตัวเลข การมองเห็นของเราอยู่ในระดับดี รอเจอคุณหมอ พบคุณหมอเพื่อตรวจตาดูว่าแผลปิดสนิทแล้วรึยัง แผลเราปิดสนิทดี อีกวีคนึงกลับมาเจอคุณหมออีกรอบ แฮะๆ แอบอายเราแอบถามคุณหมอว่าเราจะโบท็อกซ์ได้เมื่อไหร่ คุณหมอคงงงกะเรา แทนที่จะถามเรื่องตา คุณหมอบอกควรรออีกสองเดือนนะฮ่ะ
ผ่านการทำมาได้สองวัน การมองเห็นโอเคนะ ไม่เป็นอุปสรรค แต่มีตาแห้งเป็นระยะๆ ต้องคอยหยอดน้ำตาเทียม และยังต้องหยอดยาวันละ 4 ครั้งจนกว่าจะครบหนึ่งวีค ลืมบอกไป ถอดฝาครอบตาเสร็จ ตอนเที่ยงวันนั้นเราก็ขับรถพาแม่ไปซื้อของแล้ว ก็ขับได้นะ ไม่มีปัญหาอะไร แต่การทำเลสิกแบบ monovision นั้น อาจมีอุปสรรคบ้างในการขับรถตอนกลางคืน ตาจะมองเห็นได้ไม่ดีเท่าไหร่อาจต้องใช้แว่นตาช่วยในการขับรถตอนกลางคืน โดยใช้เลนส์เปล่าในตาข้างที่เรากำจัดสายตาสั้นออกหมด และใช้เลนส์ที่มีค่าสายตาในตาข้างที่เหลือสายตาสั้นไว้ ทั้งนี้ คุณหมอจะเป็นคนกำหนดค่าเลนส์สายตาให้เราเพื่อไปตัดแว่นไว้สำหรับขับรถเมื่อเราทำเลสิกครบสามเดือนแล้ว ที่ต้องรอครบสามเดือนเพื่อให้ค่าสายตาหลังการเลสิกคงที่ก่อน จะได้ไม่ต้องไปตัดแว่นหลายรอบค่ะ
ตอนนี้ทำเลสิกครบ 7 วัน ก็กลับมาตรวจตากับคุณหมอ โดยตรวจความสามารถในการมองเห็น และตรวจสภาพตาทั่วไป ผลการตรวจโอเคไม่มีอะไร เห็นชัดแจ่มดี กลับมาทาตา แต่งหน้าได้ตามปกติ และไม่ต้องหยอดยาแล้ว แต่ยังควรต้องหยอดน้ำตาเทียมต่อไปวันละ 4 ครั้ง ตาจะได้ไม่แห้ง หรือจะหยอดถี่กว่านี้ก็ได้ หยอดไปจนครบ 1 เดือน คุณหมอจะนัดตรวจตาอีกทีเมื่อครบ 1 เดือน / 3 เดือน และ 1 ปี
สรุป
มองเห็นได้ดีทั้งไกลและใกล้ พอใจเป็นอย่างยิ่ง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้