คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ขอแสดงความเห็นแบบนี้นะครับ
1. คุณสมาชิก ได้วงเงินความคุ้มครองเพิ่มขึ้นหรือไม่ จากการซื้อประกันทั้ง 2 ที่? ถ้าคุณเห็นด้วยให้อ่านข้อต่อไป
2. จากข้อ 1 ต้องแยกความคุ้มครองออกเป็น 2 ประเภท นั่นคือ
2.1 ความคุ้มครองด้านการรักษาพยาบาล : สามารถเบิกได้ตามสิทธิ์และตามจริง ทีละเจ้า ทีละเจ้า
2.2 ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ เงินชดเชย : เบิกได้ทั้งหมด มีกี่ที่ ทำงานหมด
3. การทำประกันหลายๆแบบ หลายๆที่ หลายๆแผน มันคือการซื้อสิทธิ์ความคุ้มครองที่มากขึ้น ขออธิบายแบบนี้ เพราะบริษัทประกันก็ไม่รู้นะครับ ว่าคุณสมาชิกมีสิทธิ์สวัสดิการอะไรบ้าง มีความคุ้มครองจากที่อื่นอย่างไร ดังนั้นการมีหลายๆแผน ก็คือการเพิ่มสิทธิ์ความคุ้มครองให้กับตัวเอง ตัวอย่าง ถ้าผมถือแผน 10000 บาท แต่ผมประสบเหตุ จ่ายค่ารักษาไป 30000 บาท เบิกประกันได้ 10000 เข้าเนื้อไป 20000 อันนี้ผมไปร้องเรียนได้มั้ยครับ? เพราะผมก็ไม่เคยเคลมมาหลายปี ทำไมกรณีแบบนี้ จะจ่ายไม่ได้ => นั่นคือสิทธิ์ผมมีแค่นี้ มันเลยได้เท่านี้
4. จากข้อ 3 ในทางกลับกัน ผมถือแผนความคุ้มครองที่เดียวกับคุณสมาชิกเลย ผมประสบอุบัติเหตุ จ่ายไป 30000 บาท แต่เบิกที่แรกได้ 10000 และที่ที่สองก็เบิกได้อีก 20000 ทำให้ไม่ได้เข้าเนื้อสักบาท => คำถามคือ สิทธิ์ในการรักษาพยาบาลของผมมันมากขึ้นใช่หรือไม่? ถ้าผมไม่จ่ายเงินซื้อสิทธิ์ในเจ้าที่ 2 ผมคงเข้าเนื้อไป 20000 เหมือนข้อ 3
5. เงินค่าเบี้ยประกันที่จ่ายให้บริษัทประกัน เทียบได้กี่ % ของการเคลม ใน 1 ครั้งครับ? แล้วอยากเคลมมั้ยครับ จะได้คุ้ม?
6. จากกรณีดังกล่าว ถ้าเป็นข้อ 2.2 มันเบิกได้ทุกที่เลยนะครับ ทุนประกันทำงานเลย อันนี้ทำทุกที่ ขอให้ผู้รับผลประโยชน์ไปยื่นเคลมเถอะ ได้หมดแน่ๆ ไม่ต้องกลัวไม่คุ้ม และเบิกได้ทุกที่จริงๆ ผู้รับผลประโยชน์ รวยไปเลย
7. หลักการแบบนี้ เป็นหลักสากล ที่ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยถือปฏิบัตินะครับ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็ใช้หลักการนี้เช่นกันในเรื่องของการเรียกร้องสินไหม
8. ถ้าที่ผมอธิบาย ยังมีข้อสงสัย ผมขอยกเคสเพิ่มว่า ถ้ามันเบิกได้ทุกเจ้าในกรณีที่เป็นแบบ 2.1 คุณคิดว่าจะมีการเบิกซ้ำซ้อนมากน้อยขนาดไหน อาจจะตั้งตัวได้เลยล่ะ ทั้งๆที่มีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้ว คุณหายแล้ว แต่คุณได้เงินมาจ่ายเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลจากอีกหลายบริษัท
9. จากข้อ 8 เงินที่บริษัทตั้งใจจะจ่ายให้ คือเงินรักษาตัว ไม่ใช่เงินชดเชย ดังนั้นเค้าให้เพื่อรักษาตัว รักษาตัวอย่างเดียวนะ ส่วนถ้าบริษัทจงใจมอบให้เป็นเงินประกันชีวิต คือสินไหมมรณะกรรม มันก็จะได้จ่ายทุกที่ เพราะแต่ละบริษัทจงใจจะให้เป็นสินไหมมรณกรรม
#ให้รักดูแลชีวิต
P.
1. คุณสมาชิก ได้วงเงินความคุ้มครองเพิ่มขึ้นหรือไม่ จากการซื้อประกันทั้ง 2 ที่? ถ้าคุณเห็นด้วยให้อ่านข้อต่อไป
2. จากข้อ 1 ต้องแยกความคุ้มครองออกเป็น 2 ประเภท นั่นคือ
2.1 ความคุ้มครองด้านการรักษาพยาบาล : สามารถเบิกได้ตามสิทธิ์และตามจริง ทีละเจ้า ทีละเจ้า
2.2 ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ เงินชดเชย : เบิกได้ทั้งหมด มีกี่ที่ ทำงานหมด
3. การทำประกันหลายๆแบบ หลายๆที่ หลายๆแผน มันคือการซื้อสิทธิ์ความคุ้มครองที่มากขึ้น ขออธิบายแบบนี้ เพราะบริษัทประกันก็ไม่รู้นะครับ ว่าคุณสมาชิกมีสิทธิ์สวัสดิการอะไรบ้าง มีความคุ้มครองจากที่อื่นอย่างไร ดังนั้นการมีหลายๆแผน ก็คือการเพิ่มสิทธิ์ความคุ้มครองให้กับตัวเอง ตัวอย่าง ถ้าผมถือแผน 10000 บาท แต่ผมประสบเหตุ จ่ายค่ารักษาไป 30000 บาท เบิกประกันได้ 10000 เข้าเนื้อไป 20000 อันนี้ผมไปร้องเรียนได้มั้ยครับ? เพราะผมก็ไม่เคยเคลมมาหลายปี ทำไมกรณีแบบนี้ จะจ่ายไม่ได้ => นั่นคือสิทธิ์ผมมีแค่นี้ มันเลยได้เท่านี้
4. จากข้อ 3 ในทางกลับกัน ผมถือแผนความคุ้มครองที่เดียวกับคุณสมาชิกเลย ผมประสบอุบัติเหตุ จ่ายไป 30000 บาท แต่เบิกที่แรกได้ 10000 และที่ที่สองก็เบิกได้อีก 20000 ทำให้ไม่ได้เข้าเนื้อสักบาท => คำถามคือ สิทธิ์ในการรักษาพยาบาลของผมมันมากขึ้นใช่หรือไม่? ถ้าผมไม่จ่ายเงินซื้อสิทธิ์ในเจ้าที่ 2 ผมคงเข้าเนื้อไป 20000 เหมือนข้อ 3
5. เงินค่าเบี้ยประกันที่จ่ายให้บริษัทประกัน เทียบได้กี่ % ของการเคลม ใน 1 ครั้งครับ? แล้วอยากเคลมมั้ยครับ จะได้คุ้ม?
6. จากกรณีดังกล่าว ถ้าเป็นข้อ 2.2 มันเบิกได้ทุกที่เลยนะครับ ทุนประกันทำงานเลย อันนี้ทำทุกที่ ขอให้ผู้รับผลประโยชน์ไปยื่นเคลมเถอะ ได้หมดแน่ๆ ไม่ต้องกลัวไม่คุ้ม และเบิกได้ทุกที่จริงๆ ผู้รับผลประโยชน์ รวยไปเลย
7. หลักการแบบนี้ เป็นหลักสากล ที่ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยถือปฏิบัตินะครับ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็ใช้หลักการนี้เช่นกันในเรื่องของการเรียกร้องสินไหม
8. ถ้าที่ผมอธิบาย ยังมีข้อสงสัย ผมขอยกเคสเพิ่มว่า ถ้ามันเบิกได้ทุกเจ้าในกรณีที่เป็นแบบ 2.1 คุณคิดว่าจะมีการเบิกซ้ำซ้อนมากน้อยขนาดไหน อาจจะตั้งตัวได้เลยล่ะ ทั้งๆที่มีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้ว คุณหายแล้ว แต่คุณได้เงินมาจ่ายเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลจากอีกหลายบริษัท
9. จากข้อ 8 เงินที่บริษัทตั้งใจจะจ่ายให้ คือเงินรักษาตัว ไม่ใช่เงินชดเชย ดังนั้นเค้าให้เพื่อรักษาตัว รักษาตัวอย่างเดียวนะ ส่วนถ้าบริษัทจงใจมอบให้เป็นเงินประกันชีวิต คือสินไหมมรณะกรรม มันก็จะได้จ่ายทุกที่ เพราะแต่ละบริษัทจงใจจะให้เป็นสินไหมมรณกรรม
#ให้รักดูแลชีวิต
P.
แสดงความคิดเห็น
ทำไมถึงเบิกประกันค่ารักษาพยาบาล 2 ที่ไม่ได้ เราจ่ายเงินทั้ง 2 ที่นะ
นี่เป็นกระทู้แรกของผมครับ ผมมีความสงสัย จนเรียกว่าอีดอัดใจเลยก็ได้ ประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุ ที่เป็นค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ทำไมกฏหมายถึงไม่ให้เบิก 2 ที่ ตัวอย่างนะครับ
1. ประกันอุบัติเหตุจากบัตร ATM จ่ายปีละ 700 บาท วงเงินค่ารักษาอุบัติเหตุครั้งละ 10,000 บาท ทุนประกัน150,000
2. ประกันอุบัติเหตุจากบริษัทประกัน จ่ายปีละ 1,670 บาท วงเงินค่ารักษาอุบัติเหตุครั้งละ 20,000 บาท ทุนประกัน 200,000
ผมเกิดอุบัติเหตุ ลื่นล้มคางแตก หาหมอ มีค่าใช้จ่ายครั้งนี้ทั้งหมด 8,500 บาท ผมยื่นบัตรใช้สิทธิ์จาก ประกันอุบัติเหตุจากบัตร ATM จะเห็นว่าวงเงินพอต่อการรักษาในครั้งนั้น ซึ่งถ้าเรามองแบบไม่คิดอะไร มันก็ไม่มีอะไร จริงไหมครับ และกฏหมายก็ให้เบิกได้แค่นั้น ( โทรสอบถาม 1186 คปภ.ให้คำตอบแบบนี้ ) หรือถ้าเราจะเบิกจากบริษัทที่ 2 ได้ก็ต่อเมื่อ วงเงินค่ารักษาในบัตร 1 ไม่พอ และเบิกได้แค่ส่วนต่างที่เหลือ ขาดเท่าไหร่ก็เบิกให้พอกับแค่ที่ขาดไปเท่านั้น ฟังดูก็โอเคดีนะครับ ไม่เสียอะไรเลย แต่ผมว่ามันไม่โอเคนะครับ คนซื้อโดเอาเปรียบ เพราะ
เราเสียเงินทั้ง 2 ที่ เพื่อหวังให้ทั้ง 2 ที่คุ้มครองเราใช่ไหม เราไม่ได้จ่ายเงินแค่ที่ใดที่หนึ่งแล้วให้ทั้ง 2 ที่ไปแบ่งเงินที่เราจ่ายไป แต่เราจ่ายเงินซื้อความคุ้มครองตามที่แต่ละบริษัทออกใบเชิญชวนมา และจ่ายเงินตามที่ระบุมา พร้อมกับความคุ้มครองที่เราจะได้ตามที่ระบุ มันเป็นการรับความเสี่ยงของทั้งคนซื้อและคนขาย พร้อมกัน ❗️❗️คนซื้อ ถ้าปีนั้นไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรเลย เงินที่จ่ายไปก็เป็นเงินทิ้งนะครับ แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา บริษัทที่รับประกันก็ควรดูแลลูกค้าตามที่ระบุทุกประการใช่ไหมครับ
ดังนั้นผมจึงเห็นว่า กฏหมายควรแก้ไขใหม่ครับ ให้ลูกค้าที่ซื้อประกัน สามารถเบิกได้ทุกที่ ที่ตัวเองมีสิทธิ์ เพราะลูกค้าเสียเงินทุกที่ ไม่ใช่เบิกค่ารักษาพยาบาลได้แค่ที่ใดที่หนึ่ง ถ้าไม่พอถึงสามารถเบิกจากอีกบริษัทหนึ่งได้ กฏแบบนี้ผมรู้สึกว่าผู้ยริโภคถูกเอาเปรียบ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวครับ แล้วท่านอื่นๆคืดว่ายังไงบ้างครับ
หมายเหตุ : ใครพอจะมีช่องทางหรือวิธีการใด ที่สามารถร้องเรียน หรือเรียกร้องให้แก้กฏหมายนี้ก็กรุณาแนะนำมาด้วยนะครับ ผมอยากเรียกร้องครับ
ขอบคุณมาก เชิญทุกท่านแสดงความคิดเห็นได้ครับ