ต้องเล่าเรื่องนิดนึงครับ ว่าด้วยเรื่อง Apple MacBook Pro เครื่องนี้
กระผมซื้อ MacBook Pro 13 นิ้ว รุ่นปี 2018 (touchbar) เป็นรุ่น 512GB มาไม่นานนี้ครับ ซื้อมาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมานี้ จาก powerbuy สาขาเซ็นทรัลพระราม 9 ครับ
ซื้อมาสองสามวันแรกก็เหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรครับ เสียเวลาไปกับการ update software เสียมากกว่า เริ่มใช้เครื่องจริงๆจังๆเอาก็วันที่ 4 กับ วันที่ 5 ที่ซื้อเครื่องมาคือราวๆวันที่ 24-25 กรกฎาคม ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆครับ อาจจะเพราะยังไม่สังเกต แต่พอสังเกตเท่านั้นก็เห็นว่า หน้าจอ LCD ส่วนที่เป็นาสีขาวมันมีการเปลี่ยนสีไปมาระหว่างสีขาวนวล และขาวอมเขียว สลับไปมา เป็นๆ หยุดๆ
ด้วยความที่เครื่องรุ่นนี้มี feature ที่ชื่อว่า true tone ผมก็เลยไม่ได้ใส่ใจแล้วคิดว่ามันคงเป็นปกติที่สีปรับไปมา ก็ไม่ได้คิดอะไร พอใช้ไปอีก สองสามวัน อาการดังกล่าวยังมาๆ หายๆ แม้จะอยู่ในที่แสงเสมอตลอดเวลา จึงเริ่มเอะใจ แต่อาการดังกล่าวก็ยังอยู่ ผมจึงติดต่อและนัดกับ apple ในวันที่ 31 กรกฎาคม เพื่อเข้าไปที่ apple store iconsiam อันเป็น apple store สาขาเดียวของประเทศไทย ณ ขณะนี้ ในวันเดียวกันนั้นเจ้าหน้าที่ที่ apple ก็ให้บริการเป็นอย่างดีและทำการแนะนำให้ reset บางอย่างของเครื่อง ทั้ง NVRAM และ SMC ซึ่งก่อนหน้านั้นขณะคุยกับเจ้าหน้าที่ apple support บนหน้าเว็บได้ทำการรีเซ็ต NVRAM ไปก่อนแล้ว 1 ครั้งแต่อาการก็ยังไม่หาย
กระผมไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใดจึงนำเครื่องกลับมาใช้เพียงวันเดียวก็พบความจริงว่า หน้าจอของเราไม่ได้มีปัญหาเพียงแค่สีสลับกลับไปกลับมา แต่มีปัญหาสีไม่เท่ากันทั้งแผนหน้าจออีกด้วย จากการสังเกตุจะพบได้ว่าด้านซ้ายของจอจะมีความเป็นสีขาวนวลอมชมพู ส่วนฝั่งขวาจะอมเขียว ผมจึงรีบทำนัดกับ apple อีกครั้งหนึ่งแล้ววิ่งเข้าไปให้เร็วที่สุด ไปถึงเจ้าหน้าที่ก็น่ารักมากครับเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างดิบดี และแจ้งว่าผมคงต้องเปลี่ยนหน้าจอทั้งจอ แต่เนื่องจากเครื่องเพิ่งซื้อมาผมจึงไม่ประสงค์ซ่อม และขอเปลี่ยนใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าสามารถเปลี่ยนได้ 14 วันหลังซื้อ (วันนั้นที่ไปคือวันที่ 13 คือในวันที่ 2 สิงหาคม) แต่เมื่อเจ้าหน้าที่หรือช่างเห็นว่าเครื่องไม่ได้ซื้อมาจาก apple store จึงโยนเรื่องกลับไปให้ผมติดต่อกับทาง powerbuy
ผมรีบโทรติดต่อฝ่ายลูกค้าของ powerbuy ที่แจ้งว่าสินค้าของ apple ไม่รับเปลี่ยนหรือคืนในทุกกรณี ทำให้ผมต้องหันหน้ากลับมาที่ เจ้าหน้าที่ apple อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถช่วยได้มากกว่าการซ่อมให้ตามประกันที่มีกับ apple แม้เครื่องจะเพิ่งซื้อมาก็ตาม
ผมได้ติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือกับทาง apple เพิ่มเติมซึ่งทาง apple ก็ได้พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้มากกว่าการซ่อมเนื่องจากมีเงื่อนไขบางประการกับ retailer หรือในกรณีนี้คือ powerbuy นั่นเอง ผมติดต่อไปทาง powerbuy อีกครั้งแจ้งว่าขอเปลี่ยนไม่งั้นผมขอเงินคืน ทาง powerbuy ก็ได้ต่อให้ผมคุยกับพนักงานสาขา พระราม 9 ที่ช่วยเหลือด้วยดีตลอดมา ภายในเวลา 1 วันผมสามารถได้รับคำตอบว่าไม่สามารถเปลี่ยนหรื อคืนได้เพราะเกิน 7 วันแล้ว (ในตอนแรกบอกว่าไม่รับเปลี่ยนหรือคืนทุกกรณีให้ไปเคลมกับ apple เองเท่านั้น แต่ตอนหลังเปลี่ยนเป็นเกิน 7 วันแล้ว) ผมงงไปหมดตกลงว่าต้องทำอย่างไร ผลก็คือ powerbuy ไม่รับเปลี่ยน และไม่คืนเงินด้วย ผมจึงมาเขียนเรื่องนี้เพื่อสอบถามความเห็นว่ามีใครเคยมีประสบการณ์ลักษณะเดียวกันอย่างนี้หรือไม่
การซื้อเครื่องใหม่ราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นหลายเท่าแต่ว่าเมื่อมีปัญหาตั้งแต่สัปดาห์แรกกลับขอเปลี่ยนเครื่องไม่ได้และต้องบังคับให้ซ่อมเท่านั้น มันไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่น่ารับฟังสำหรับผู้บริโภค ส่วนตัวผมใช้สินค้า apple มาตลอดและนี่เป็นครั้งแรกที่เคยมีปัญหาเรื่องการเคลม ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆเคยมีใครเคยมีประสบการณ์ถูกบังคับซ่อมแต่แรกหรือไม่ และคิดว่ามันสมควรจะเป็นแบบนี้หรือไม่ (ถ้าผมจำไม่ผิดกฎหมายต่างประเทศให้เวลาถึง 30 วันด้วยซ้ำ) ดังนี้น่าจะต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงมากกว่าว่าเครื่องใหม่และกรณีนี้ผมเจอมันเป็นกรณีที่ลูกค้าจะต้องมารับกับความซวยที่เกิดขึ้นจากการซื้อแล้วเจอเครื่องที่ไม่สมประกอบหรือควรรีบเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้
*สังเกตจอด้านซ้ายกับขวานะครับ คนละสี*
โดยส่วนตัวแล้วครั้งที่ผมค่อนข้างผิดหวังเป็นอย่างมากกับทั้งบริการของ apple และทาง powerbuy เองที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรลูกค้าได้เลยนอกจากโยนกันไปโยนกันมาเป็นลูกบอล ซึ่งไม่ดูเป็นมืออาชีพเลย
อย่างไรก็ดีผมก็ยังแอบชื่นชมที่ทาง apple ยังแสดงท่าทีที่จะช่วยเหลือและดูแลลูกค้าเป็นอย่างดีมากกว่า powerbuy ที่ภายใน 1 วันสามารถให้คำตอบผมได้เลยว่า ไม่ ไม่ ไม่ ไม่สามารถทำอะไรให้ได้ทั้งนั้น ผมในฐานะลูกค้าพูดได้เต็มปากว่า ไม่รู้สึกว่าจะได้รับความช่วยเหลืออะไรเลย
อยากเอามาแชร์ครับ คราวหน้าจะซื้อสินค้า apple ก็ต้องพิจารณาดีๆ ว่าควรจะซื้อที่ไหน หรือจะเลิกซื้อก็เป็นดุลพินิจของแต่ละท่านเลยครับ
ระวังซื้อ Apple MacBook Pro 13 จาก power buy
กระผมซื้อ MacBook Pro 13 นิ้ว รุ่นปี 2018 (touchbar) เป็นรุ่น 512GB มาไม่นานนี้ครับ ซื้อมาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมานี้ จาก powerbuy สาขาเซ็นทรัลพระราม 9 ครับ
ซื้อมาสองสามวันแรกก็เหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรครับ เสียเวลาไปกับการ update software เสียมากกว่า เริ่มใช้เครื่องจริงๆจังๆเอาก็วันที่ 4 กับ วันที่ 5 ที่ซื้อเครื่องมาคือราวๆวันที่ 24-25 กรกฎาคม ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆครับ อาจจะเพราะยังไม่สังเกต แต่พอสังเกตเท่านั้นก็เห็นว่า หน้าจอ LCD ส่วนที่เป็นาสีขาวมันมีการเปลี่ยนสีไปมาระหว่างสีขาวนวล และขาวอมเขียว สลับไปมา เป็นๆ หยุดๆ
ด้วยความที่เครื่องรุ่นนี้มี feature ที่ชื่อว่า true tone ผมก็เลยไม่ได้ใส่ใจแล้วคิดว่ามันคงเป็นปกติที่สีปรับไปมา ก็ไม่ได้คิดอะไร พอใช้ไปอีก สองสามวัน อาการดังกล่าวยังมาๆ หายๆ แม้จะอยู่ในที่แสงเสมอตลอดเวลา จึงเริ่มเอะใจ แต่อาการดังกล่าวก็ยังอยู่ ผมจึงติดต่อและนัดกับ apple ในวันที่ 31 กรกฎาคม เพื่อเข้าไปที่ apple store iconsiam อันเป็น apple store สาขาเดียวของประเทศไทย ณ ขณะนี้ ในวันเดียวกันนั้นเจ้าหน้าที่ที่ apple ก็ให้บริการเป็นอย่างดีและทำการแนะนำให้ reset บางอย่างของเครื่อง ทั้ง NVRAM และ SMC ซึ่งก่อนหน้านั้นขณะคุยกับเจ้าหน้าที่ apple support บนหน้าเว็บได้ทำการรีเซ็ต NVRAM ไปก่อนแล้ว 1 ครั้งแต่อาการก็ยังไม่หาย
กระผมไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใดจึงนำเครื่องกลับมาใช้เพียงวันเดียวก็พบความจริงว่า หน้าจอของเราไม่ได้มีปัญหาเพียงแค่สีสลับกลับไปกลับมา แต่มีปัญหาสีไม่เท่ากันทั้งแผนหน้าจออีกด้วย จากการสังเกตุจะพบได้ว่าด้านซ้ายของจอจะมีความเป็นสีขาวนวลอมชมพู ส่วนฝั่งขวาจะอมเขียว ผมจึงรีบทำนัดกับ apple อีกครั้งหนึ่งแล้ววิ่งเข้าไปให้เร็วที่สุด ไปถึงเจ้าหน้าที่ก็น่ารักมากครับเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างดิบดี และแจ้งว่าผมคงต้องเปลี่ยนหน้าจอทั้งจอ แต่เนื่องจากเครื่องเพิ่งซื้อมาผมจึงไม่ประสงค์ซ่อม และขอเปลี่ยนใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าสามารถเปลี่ยนได้ 14 วันหลังซื้อ (วันนั้นที่ไปคือวันที่ 13 คือในวันที่ 2 สิงหาคม) แต่เมื่อเจ้าหน้าที่หรือช่างเห็นว่าเครื่องไม่ได้ซื้อมาจาก apple store จึงโยนเรื่องกลับไปให้ผมติดต่อกับทาง powerbuy
ผมรีบโทรติดต่อฝ่ายลูกค้าของ powerbuy ที่แจ้งว่าสินค้าของ apple ไม่รับเปลี่ยนหรือคืนในทุกกรณี ทำให้ผมต้องหันหน้ากลับมาที่ เจ้าหน้าที่ apple อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถช่วยได้มากกว่าการซ่อมให้ตามประกันที่มีกับ apple แม้เครื่องจะเพิ่งซื้อมาก็ตาม
ผมได้ติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือกับทาง apple เพิ่มเติมซึ่งทาง apple ก็ได้พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้มากกว่าการซ่อมเนื่องจากมีเงื่อนไขบางประการกับ retailer หรือในกรณีนี้คือ powerbuy นั่นเอง ผมติดต่อไปทาง powerbuy อีกครั้งแจ้งว่าขอเปลี่ยนไม่งั้นผมขอเงินคืน ทาง powerbuy ก็ได้ต่อให้ผมคุยกับพนักงานสาขา พระราม 9 ที่ช่วยเหลือด้วยดีตลอดมา ภายในเวลา 1 วันผมสามารถได้รับคำตอบว่าไม่สามารถเปลี่ยนหรื อคืนได้เพราะเกิน 7 วันแล้ว (ในตอนแรกบอกว่าไม่รับเปลี่ยนหรือคืนทุกกรณีให้ไปเคลมกับ apple เองเท่านั้น แต่ตอนหลังเปลี่ยนเป็นเกิน 7 วันแล้ว) ผมงงไปหมดตกลงว่าต้องทำอย่างไร ผลก็คือ powerbuy ไม่รับเปลี่ยน และไม่คืนเงินด้วย ผมจึงมาเขียนเรื่องนี้เพื่อสอบถามความเห็นว่ามีใครเคยมีประสบการณ์ลักษณะเดียวกันอย่างนี้หรือไม่
การซื้อเครื่องใหม่ราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นหลายเท่าแต่ว่าเมื่อมีปัญหาตั้งแต่สัปดาห์แรกกลับขอเปลี่ยนเครื่องไม่ได้และต้องบังคับให้ซ่อมเท่านั้น มันไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่น่ารับฟังสำหรับผู้บริโภค ส่วนตัวผมใช้สินค้า apple มาตลอดและนี่เป็นครั้งแรกที่เคยมีปัญหาเรื่องการเคลม ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆเคยมีใครเคยมีประสบการณ์ถูกบังคับซ่อมแต่แรกหรือไม่ และคิดว่ามันสมควรจะเป็นแบบนี้หรือไม่ (ถ้าผมจำไม่ผิดกฎหมายต่างประเทศให้เวลาถึง 30 วันด้วยซ้ำ) ดังนี้น่าจะต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงมากกว่าว่าเครื่องใหม่และกรณีนี้ผมเจอมันเป็นกรณีที่ลูกค้าจะต้องมารับกับความซวยที่เกิดขึ้นจากการซื้อแล้วเจอเครื่องที่ไม่สมประกอบหรือควรรีบเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้*สังเกตจอด้านซ้ายกับขวานะครับ คนละสี*
โดยส่วนตัวแล้วครั้งที่ผมค่อนข้างผิดหวังเป็นอย่างมากกับทั้งบริการของ apple และทาง powerbuy เองที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรลูกค้าได้เลยนอกจากโยนกันไปโยนกันมาเป็นลูกบอล ซึ่งไม่ดูเป็นมืออาชีพเลย
อย่างไรก็ดีผมก็ยังแอบชื่นชมที่ทาง apple ยังแสดงท่าทีที่จะช่วยเหลือและดูแลลูกค้าเป็นอย่างดีมากกว่า powerbuy ที่ภายใน 1 วันสามารถให้คำตอบผมได้เลยว่า ไม่ ไม่ ไม่ ไม่สามารถทำอะไรให้ได้ทั้งนั้น ผมในฐานะลูกค้าพูดได้เต็มปากว่า ไม่รู้สึกว่าจะได้รับความช่วยเหลืออะไรเลย
อยากเอามาแชร์ครับ คราวหน้าจะซื้อสินค้า apple ก็ต้องพิจารณาดีๆ ว่าควรจะซื้อที่ไหน หรือจะเลิกซื้อก็เป็นดุลพินิจของแต่ละท่านเลยครับ