#ทีมหมูฝอย อมยิ้มทั้งโลกโซเชียลฯ กับภาพ 2 ฮีโร่สี่ขา “เบน-โรโบ” สุนัข K-9 กำลังซุกหน้าดมถุงหมูฝอย ขณะปฏิบัติงานอย่างมุ่งมั่นกับการค้นหาวัตถุต้องสงสัยป่วนกรุงบนรถไฟฟ้า สร้างความน่ารักน่าเอ็นดูแก่ผู้พบเห็นอย่างแรง “เขาคือเพื่อน ผมเชื่อว่าเราทำบุญร่วมกันมา” เปิดใจผู้ดูแล “โรโบ” กับความผูกพัน จนแยกจากกันไม่ได้!
บัดดี้ผู้กล้าสี่ขา รวมกันเป็นหนึ่ง!
กลายเป็นเซเลบไปแล้ว “เบน” และ “โรโบ” สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทีฟเวอร์ (Labrador Retriever) หน่วยปฏิบัติการชุดสุนัขตรวจค้นพัสดุภัณฑ์ระเบิดของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) หรือ MRTA K-9 สุนัขตรวจตราบนระบบรถไฟฟ้า MRT โดยจะทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ผู้โดยสาร
“เราจะปฏิบัติงานร่วมกัน ดูแลกันและกัน รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ในลักษณะบัดดี้ ผู้บังคับ 1 คนกับสุนัข 1 ตัว เราจะไม่จูงสุนัขของผู้บังคับคนอื่น เนื่องจากงานของสุนัขตรวจพัสดุภัณฑ์ระเบิดจะค่อนข้างมีความละเอียดอ่อน หากเราไปจูงสุนัขฝึกตัวอื่นเวลาเขาเจอวัตถุต้องสงสัยเราจะมองไม่ออก
เพราะในส่วนของการเตือนภัยจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่เหมือนกัน และสุนัขเขาจะไม่มีความเชื่อใจนอกจากเจ้าของเขาเองโดยตรง”
(ซ้าย)เจมส์ - จ่าเอก ธนภพ พูลเกษม ผู้บังคับสุนัข K-9 ผู้ทำหน้าที่ดูแล “เจ้าโรโบ” (ขวา) พี่ติ่ง ผู้ทำหน้าที่ดูแล เจ้าเบน
เจมส์ - จ่าเอก ธนภพ พูลเกษม ผู้บังคับสุนัข K-9 ผู้ทำหน้าที่ดูแล “เจ้าโรโบ” สุนัขตัวสีน้ำตาลอ่อน อายุ 1 ปี 3 เดือน เปิดฉากสนทนากับทีมข่าว MGR Live
ส่วนสุนัขตัวสีดำ หรือเจ้าเบน นั้น ปัจจุบันมีอายุ 1 ปี 6 เดือน โดยมีครูฝึกผู้ดูแลคือ “พี่ติ่ง” นั่นเอง ทว่า เบน และโรโบ จบการฝึกฝนจากกองกำกับการสุนัข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลักสูตร 4 เดือน ปัจจุบันปฏิบัติภารกิจมาแล้ว 8 เดือน
สำหรับภาพที่โลกโซเชียลฯ แห่แชร์คือ การที่เจ้าเบน และเจ้าโรโบ เอาหน้าไปซุกถุงหมูฝอย จนเกิดความน่าเอ็นดูนั้น จ่าเอกธนภพ เล่าว่า โดยทั่วไปเซลล์ในการรับกลิ่นของสุนัขจะมากกว่าคน ประมาณ 40 เท่า รวมถึงสุนัขแต่ละสายพันธุ์จะแตกต่างกัน แต่ลาบราดอร์ รีทีฟเวอร์จะมีลักษณะของจมูกที่ยาว และมีทักษะดมกลิ่นมากกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่น โดยรับกลิ่นได้มากถึง 220 เซลล์ และอย่างที่ใครๆ ก็ทราบกันคือ สุนัขกับเนื้อสัตว์ ก็คือของคู่กันนั่นเอง
“การที่เขาเอาหน้าไปซุกตรงถุงหมูฝอยเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะจมูกเขาไวกว่าคนถึง 40 เท่า แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เขาซุกอยู่นิ่งๆ แต่เขาไม่ได้ทำอย่างอื่น ไม่กัด ไม่ตะกุย”
อย่างไรก็ตาม สุนัขประเภทค้นหาวัตถุต้องสงสัย วัตถุระเบิด ยาเสพติด จะต้องมีลักษณะของความกล้าหาญ เฟรนด์ลี่ ไม่ก้าวร้าวกับคน เพราะลักษณะงานต้องไปใกล้ชิดกับผู้โดยสาร เจอกับผู้คนมากมาย
นอกจากนี้ ต้องมีคุณสมบัติ “เป็นกลาง” เช่น ความกระตือรือร้น ต้องไม่มากจนเกินไป ไม่น้อยไป เพราะหน้าที่ของสุนัขเหล่านี้ต้องมีความสุขุม และต้องไม่ซนมากจนเกินไปเช่นกัน
เขาทำให้เรามีความสุข...คงทำบุญร่วมกันมา
“สุนัขคือสิ่งมีชีวิต ในวันหนึ่งเขาจะมี Good Day และ Bad Day เสมอ อย่างตอนเช้าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับเขา แต่พอช่วงบ่าย เขาอาจจะไม่ทำงานเลยก็มี ดังนั้น ก่อนที่เราจะนำสุนัขออกปฏิบัติหน้าที่เราจึงต้องมีการทดสอบเขาว่าเขาพร้อมที่จะทำงานไหม ถ้าไม่พร้อมเราก็จะไม่นำเขาออกมาปฏิบัติงานในวันนั้น”
แนะอย่าตีสุนัข การทำโทษด้วยการตี ก็เหมือนเด็ก ถ้าทำโทษครั้งหนึ่งเขาจะจำ อาจจะแก้เป็นเดือนให้เขาลืม!
“ลักษณะการฝึกสุนัขจะมี 2 แบบ คือ แบบเก่า จะเป็นการฝึกเชิงบังคับ แต่การฝึกแบบใหม่ จะเป็นเชิงบวก ไม่มีการบังคับ จะให้สุนัขคิดเอง โดยให้ “ของรางวัล” ใช้แรงขับจากอาหาร คุณทำดี ก็ได้รับรางวัล หากคุณทำไม่ถูกต้อง ก็ไม่ได้อาหาร เน้นปลูกฝังว่าทำสิ่งไหนถูกหรือผิด
ในแต่ละวันสุนัข K-9 จะปฏิบัติหน้าที่ 8 ชั่วโมง โดยมีครูฝึกเช็กความพร้อมก่อนปฏิบัติภารกิจ
“ก่อนจะปฏิบัติงานเราต้องไปที่คอกเขาก่อน ให้เขากินอาหาร เช็กสุขภาพทั่วไป หู ตา คอ จมูก ว่า เหงือกซีด จมูกแห้งมั้ย เดินปกติหรือเปล่า จากนั้นเราก็แปรงขนให้สุนัข บางวันก็อาบน้ำ เป่าขน พาเดินเล่นออกกำลังกาย ดูแลการขับถ่าย เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสุนัขกับครูฝึก เขาจะรู้ว่า คนนี้เป็นเจ้านายเขานะ ดีกับเขา มาแปรงขนให้เขา ให้อาหารเขา ทำให้เกิดความผูกพัน เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ”
ด้วยความน่ารัก น่าเอ็นดู ตอนนี้แฟนคลับของเจ้าเบน และเจ้าโรโบ จึงเยอะเป็นพิเศษ หลายคนอยากจะเข้าหา เล่นด้วย แนะวิธีการเข้าหาสุนัขอย่างถูกต้อง
“ก่อนอื่นควรจะต้องถามผู้บังคับสุนัขก่อนว่า “สุนัขตัวนี้จับได้มั้ย” และการเข้าหาสุนัขผมแนะนำควรเข้าจาก “ข้างหน้า” ไม่ใช่ “ข้างหลัง” หรือหากเราเข้าไปข้างๆ และไปลูบด้านข้าง เขาอาจจะตกใจ และควรลูบหัวแทนการลูบสีข้าง เขาต้องการให้เราเล่นบนหัวเขามากกว่าบริเวณอื่น”
แน่นอน หลายคนอยากทราบว่า สุนัขเหล่านี้เมื่อถึงอายุ 9-10 ปี ต้องปลดประจำการแล้วจะไปอยู่ไหน
“เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์จะอยู่กับครูฝึก เพราะมีความผูกพัน เขาอยู่กับเรามา 7-8 ปี เหมือนกับเป็นเพื่อนกันไปแล้ว
ผมฝึกสุนัข K-9 มาแล้วทั้งหมด 4 ตัว พอปลดประจำการก็เอามาเลี้ยงทุกตัว จะให้เขาอยู่กับเรา จนถึงวันที่เขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว
เขาทำประโยชน์ให้เราเยอะ หากเราให้เขาไปอยู่ที่อื่น เขาก็จะมองหาแต่เรา เช่นเดียวกับผู้สูงอายุแหละ ที่ต้องไปอยู่สถานดูแลคนชรา เขาก็จะเฉา ไม่มีความสุข
เวลาอยู่กับสุนัขเราก็มีความสุข บางทีเราอารมณ์ไม่ดีไปเจอเขา เขามาเล่นกับเรา จนทำเราลืมความทุกข์นั้นไปได้
หรืออย่างช่วงหยุดยาว เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ อย่างเราครูฝึก K-9 ทั้งหลาย ก็จะไปทำกิจกรรมกับครอบครัว พบญาติ สังสรรค์ แต่สุนัขเขาไม่มีใคร เขาก็รอเจ้าของคนเดียว ก็คิดถึงเพราะผูกพัน
ผมเชื่อว่า ผมกับโรโบน่าจะทำบุญมาด้วยกัน เพราะมีตั้งหลายตัวทำไมผมไม่เลือก มาเลือกเจ้าโรโบ”
ข่าวโดย ทีม MGR Live
ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Street Hero Project
“เขาจะอยู่กับเราจนวันตาย!” สัมผัสพลังรักครูฝึก “โรโบ” ฮีโร่สี่ขาหน้าซุกหมูฝอย!
บัดดี้ผู้กล้าสี่ขา รวมกันเป็นหนึ่ง!
“เราจะปฏิบัติงานร่วมกัน ดูแลกันและกัน รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ในลักษณะบัดดี้ ผู้บังคับ 1 คนกับสุนัข 1 ตัว เราจะไม่จูงสุนัขของผู้บังคับคนอื่น เนื่องจากงานของสุนัขตรวจพัสดุภัณฑ์ระเบิดจะค่อนข้างมีความละเอียดอ่อน หากเราไปจูงสุนัขฝึกตัวอื่นเวลาเขาเจอวัตถุต้องสงสัยเราจะมองไม่ออก
เพราะในส่วนของการเตือนภัยจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่เหมือนกัน และสุนัขเขาจะไม่มีความเชื่อใจนอกจากเจ้าของเขาเองโดยตรง”
ส่วนสุนัขตัวสีดำ หรือเจ้าเบน นั้น ปัจจุบันมีอายุ 1 ปี 6 เดือน โดยมีครูฝึกผู้ดูแลคือ “พี่ติ่ง” นั่นเอง ทว่า เบน และโรโบ จบการฝึกฝนจากกองกำกับการสุนัข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลักสูตร 4 เดือน ปัจจุบันปฏิบัติภารกิจมาแล้ว 8 เดือน
สำหรับภาพที่โลกโซเชียลฯ แห่แชร์คือ การที่เจ้าเบน และเจ้าโรโบ เอาหน้าไปซุกถุงหมูฝอย จนเกิดความน่าเอ็นดูนั้น จ่าเอกธนภพ เล่าว่า โดยทั่วไปเซลล์ในการรับกลิ่นของสุนัขจะมากกว่าคน ประมาณ 40 เท่า รวมถึงสุนัขแต่ละสายพันธุ์จะแตกต่างกัน แต่ลาบราดอร์ รีทีฟเวอร์จะมีลักษณะของจมูกที่ยาว และมีทักษะดมกลิ่นมากกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่น โดยรับกลิ่นได้มากถึง 220 เซลล์ และอย่างที่ใครๆ ก็ทราบกันคือ สุนัขกับเนื้อสัตว์ ก็คือของคู่กันนั่นเอง
“การที่เขาเอาหน้าไปซุกตรงถุงหมูฝอยเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะจมูกเขาไวกว่าคนถึง 40 เท่า แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เขาซุกอยู่นิ่งๆ แต่เขาไม่ได้ทำอย่างอื่น ไม่กัด ไม่ตะกุย”
อย่างไรก็ตาม สุนัขประเภทค้นหาวัตถุต้องสงสัย วัตถุระเบิด ยาเสพติด จะต้องมีลักษณะของความกล้าหาญ เฟรนด์ลี่ ไม่ก้าวร้าวกับคน เพราะลักษณะงานต้องไปใกล้ชิดกับผู้โดยสาร เจอกับผู้คนมากมาย
นอกจากนี้ ต้องมีคุณสมบัติ “เป็นกลาง” เช่น ความกระตือรือร้น ต้องไม่มากจนเกินไป ไม่น้อยไป เพราะหน้าที่ของสุนัขเหล่านี้ต้องมีความสุขุม และต้องไม่ซนมากจนเกินไปเช่นกัน
“สุนัขคือสิ่งมีชีวิต ในวันหนึ่งเขาจะมี Good Day และ Bad Day เสมอ อย่างตอนเช้าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับเขา แต่พอช่วงบ่าย เขาอาจจะไม่ทำงานเลยก็มี ดังนั้น ก่อนที่เราจะนำสุนัขออกปฏิบัติหน้าที่เราจึงต้องมีการทดสอบเขาว่าเขาพร้อมที่จะทำงานไหม ถ้าไม่พร้อมเราก็จะไม่นำเขาออกมาปฏิบัติงานในวันนั้น”
แนะอย่าตีสุนัข การทำโทษด้วยการตี ก็เหมือนเด็ก ถ้าทำโทษครั้งหนึ่งเขาจะจำ อาจจะแก้เป็นเดือนให้เขาลืม!
“ลักษณะการฝึกสุนัขจะมี 2 แบบ คือ แบบเก่า จะเป็นการฝึกเชิงบังคับ แต่การฝึกแบบใหม่ จะเป็นเชิงบวก ไม่มีการบังคับ จะให้สุนัขคิดเอง โดยให้ “ของรางวัล” ใช้แรงขับจากอาหาร คุณทำดี ก็ได้รับรางวัล หากคุณทำไม่ถูกต้อง ก็ไม่ได้อาหาร เน้นปลูกฝังว่าทำสิ่งไหนถูกหรือผิด
ในแต่ละวันสุนัข K-9 จะปฏิบัติหน้าที่ 8 ชั่วโมง โดยมีครูฝึกเช็กความพร้อมก่อนปฏิบัติภารกิจ
“ก่อนจะปฏิบัติงานเราต้องไปที่คอกเขาก่อน ให้เขากินอาหาร เช็กสุขภาพทั่วไป หู ตา คอ จมูก ว่า เหงือกซีด จมูกแห้งมั้ย เดินปกติหรือเปล่า จากนั้นเราก็แปรงขนให้สุนัข บางวันก็อาบน้ำ เป่าขน พาเดินเล่นออกกำลังกาย ดูแลการขับถ่าย เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสุนัขกับครูฝึก เขาจะรู้ว่า คนนี้เป็นเจ้านายเขานะ ดีกับเขา มาแปรงขนให้เขา ให้อาหารเขา ทำให้เกิดความผูกพัน เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ”
ด้วยความน่ารัก น่าเอ็นดู ตอนนี้แฟนคลับของเจ้าเบน และเจ้าโรโบ จึงเยอะเป็นพิเศษ หลายคนอยากจะเข้าหา เล่นด้วย แนะวิธีการเข้าหาสุนัขอย่างถูกต้อง
“ก่อนอื่นควรจะต้องถามผู้บังคับสุนัขก่อนว่า “สุนัขตัวนี้จับได้มั้ย” และการเข้าหาสุนัขผมแนะนำควรเข้าจาก “ข้างหน้า” ไม่ใช่ “ข้างหลัง” หรือหากเราเข้าไปข้างๆ และไปลูบด้านข้าง เขาอาจจะตกใจ และควรลูบหัวแทนการลูบสีข้าง เขาต้องการให้เราเล่นบนหัวเขามากกว่าบริเวณอื่น”
แน่นอน หลายคนอยากทราบว่า สุนัขเหล่านี้เมื่อถึงอายุ 9-10 ปี ต้องปลดประจำการแล้วจะไปอยู่ไหน
“เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์จะอยู่กับครูฝึก เพราะมีความผูกพัน เขาอยู่กับเรามา 7-8 ปี เหมือนกับเป็นเพื่อนกันไปแล้ว
ผมฝึกสุนัข K-9 มาแล้วทั้งหมด 4 ตัว พอปลดประจำการก็เอามาเลี้ยงทุกตัว จะให้เขาอยู่กับเรา จนถึงวันที่เขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว
เขาทำประโยชน์ให้เราเยอะ หากเราให้เขาไปอยู่ที่อื่น เขาก็จะมองหาแต่เรา เช่นเดียวกับผู้สูงอายุแหละ ที่ต้องไปอยู่สถานดูแลคนชรา เขาก็จะเฉา ไม่มีความสุข
เวลาอยู่กับสุนัขเราก็มีความสุข บางทีเราอารมณ์ไม่ดีไปเจอเขา เขามาเล่นกับเรา จนทำเราลืมความทุกข์นั้นไปได้
หรืออย่างช่วงหยุดยาว เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ อย่างเราครูฝึก K-9 ทั้งหลาย ก็จะไปทำกิจกรรมกับครอบครัว พบญาติ สังสรรค์ แต่สุนัขเขาไม่มีใคร เขาก็รอเจ้าของคนเดียว ก็คิดถึงเพราะผูกพัน
ผมเชื่อว่า ผมกับโรโบน่าจะทำบุญมาด้วยกัน เพราะมีตั้งหลายตัวทำไมผมไม่เลือก มาเลือกเจ้าโรโบ”