รีวิวนี้ มี สปอยล์นะครับ
จริงๆแล้วผมได้ดู Parasite มาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ตอนแรกว่าไม่จะไม่รีวิว แต่เห็นหนังยังฉายอยู่ ขอรรีวิวสักหน่อย ตามมุมมองของผมเอง
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ชอบเลย สำหรับหนังเกาหลีใต้เรื่องนี้ อาจเป็นเพราะส่วนตัวผมนั้นไม่ได้สัมผัสหนังดราม่า จากเกาหลีนานแล้ว ไม่ว่าจะทาง โรงภาพยนตร์หรือทางจอทีวีบ้านเรา พอได้เข้าไปดูเรื่องนี้ ก็ต้องขอบอกอีกทีว่า ชอบ หนังมีหลากหลายรสชาด ทั้ง ตื่นเต้น สนุก อบอุ่น ลุ้นระทึก และ ขำๆในบางช่วง บางตอน
ตัวหนังเริ่มจากเรื่องของครอบครัวๆ ยากจนครอลครัวนึง ซึ่งฉากเริ่มช่วงแรกๆ ดูยากจนมาก มีการยังชีพด้วยการรับกล่องกระดาษใส่พิซซ่ามาทำเป็นรายได้หาเลี้ยงครอบครัว หนังแสดงให้เห็นจุดนึงที่ผมดูแล้วรู้สึกชัดเจนกับฉากทำกล่องพิซซ่า นี้ก็คือ มีคนมาฉีดยาฆ่ายุงหรือแมลง ซึ่งมันเป็นสารอันตรายแน่นอน แม้อาจจะไม่ถึงกับตายทันที แต่สะสมในร่างกายย่อมส่งผลเสีย ในฉากนี้ ตอนแรก ลูกๆบอกว่าจะปิดหน้าต่าง แต่คนเป็นพ่อกลับบอกให้เปิดไว้ เพื่อฆ่ายุงในบ้านด้วย ทั้งที่ มีกล่องกระดาษเตรียมไว้ใส่พิซซ่า เต็มไปหมด ซึ่งนั่นหมายถึง กล่องพิซซ่า ทั้งหมด รมควันยาฆ่าแมลงไปด้วยแล้วเรียบร้อย ซึ่งประเด็นนี้ บอกอย่างแรกเลยคือ เราผู้บริโภค จะรู้ได้อย่างไรว่า กล่องเหล่านี้ ผ่านอะไรมาบ้าง ถ้ามีบริษัท และผมเชื่อว่ามันต้องมีจริงๆ แบบในหนังคือ ไปจ้างคนค่าแรงต่ำทำในสถานที่ไม่เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนตัวเอง ผู้บริโภค ย่อมเสี่ยงกับอาหารนอกบ้านแม้จะ Take home ก็ตาม รวมถึง ในหนังแสดงให้เห็นถึง ว่าครอบครัวคนจน ยอมดมกลิ่นควันเพื่อฆ่ายุง โดยเอาทั้งตัวเอง และเป็นต้นเหตุให้คนอื่นได้รับสารพิษแบบที่ ดูเหมือนตัวเองก็จะไม่ตระหนักกันทั้งบ้านเลยด้วยซ้ำ ( น่ากลัวไหมครับคนเหล่านี้ )
จุดเปลี่ยนของชะตาครอบครัว อยู่ๆ เพื่อนลูกชายก็นำงานดีมาให้ และ ลูกชายของครอบครัวยากจน ก็ได้งานดี ไปสอนภาษาอังกฤษที่บ้านคนรวย ซึ่ง หนังก็แสดงให้เห็นด้วยว่า มีการทดสอบความสามารถจาก ผู้จ้างคน คุณนายคนรวย ก่อนรับเข้าทำงาน แต่หนังก็มีประเด็นคือ พวกคนรวยจะรับคนแบบ ปากต่อปาก คือเพื่อนลูกชายครอบครัวคนจนมีประวัติดี ก็แนะนำกันต่อๆมา หนังแสดงให้เห็นส่วนนึงว่า ความน่าเชื่อถือนั้น คือการผ่านการแนะนำจาก บุคคลที่เราไว้ใจ
และหลังจากได้เข้าไปสอนแล้ว จากครอบครัวคนจนไร้หนทาง แต่อยู่ๆ มีหนทางขึ้นมา ก็ได้มีการวางแผนเล็กๆ พาน้องสาวเข้ามาทำงานด้วย เป็นครูสอนลูกชายบ้านคนรวย จากนั้นก็ พ่อ แล้วก็ แม่ ซึ่ง เป็นการเขียนบทที่ทำให้หนังมีอะไรน่าติดตาม โดยคงจะต้องมองข้ามหลายๆอย่างไป
อย่างนึงเลยที่ค่อนข้างจะทำให้ดูหนังจบแล้วนึกถึงเรื่องราว ที่ครอบครัวคนจนได้เข้ามากันทั้งครอบครัว รับเงินเดือนจากคนรวยนั้น ความจริงแล้วไม่มีอะไรผิดไปจากชีวิตจริงมากเท่าไหร่ อาจจะเกินจริงไปบ้าง แต่เรื่องจริงก็คือ ถ้ามีโอกาสเลือกเพื่อนร่วมงาน เรามักจะดึงคนสนิท เพื่อนหรือญาติพี่น้องมาเหมือนกันนั่นแหล่ะครับ
ในส่วนของการเข้ามาทั้งครอบครัวของคนจน ทำให้ผมคิดว่า ทำไมคนมีความสามารถระดับนี้ ทั้งครอบครัว ถึงได้ยากจน ?
ครับ มันคิดได้หลายอย่าง หากเราจะดูหนังแล้วมองหาข้อคิดอะไรกลับออกจากโรงหนังบ้าง คือ พวกนี้ขี้เกียจ ไม่สู้งาน หรือเหตุผลใดกันแน่ แต่พอได้เข้ามาทำงานให้ บ้านคนรวย กลับทำกันได้ดีทุกคน แปลกไหมครับ ? แต่ถ้าหากมองในแง่ดีสุดโต่ง คือ หนังคงแสดงให้เห็นว่า คนมีความสามารถ แต่หากขาดโอกาส ย่อมตกต่ำได้ และ โอกาส คือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคนเรา
ตัวหนังแสดงการแยกชนชั้น เริ่มตั้งแต่ กลิ่นของคุณพ่อบ้านคนจน ที่โดนคุณพ่อบ้านคนรวย ทักเรื่องกลิ่นในรถก่อน จากนั้น ก็ลูกชายในบ้าน ที่ทักว่า ทั้งครูสอนภาษา ครูสอนศิลป และคนขับรถทำไมกลิ่นเหมือนกันเลย จุดนี้ผมมองว่า คนเราสร้างหน้ากากให้ตัวเองได้ แต่ธาตุแท้นั้น ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้
หนังสร้างให้ครอบครัวคนรวย ดูจะไว้ใจคนง่ายมาก อาจเป็นเพราะถ้ามันไม่ง่าย หนังคงไม่ได้ดำเนินตามที่ คนเขียนบทอยากจะสื่อละมังครับ เพราะชีวิตจริง คนรวย เขี้ยวกว่าในหนังแน่นอน ใครดูแล้วคิดว่า คนรวยจะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนในหนัง คงต้องคิดใหม่น่ะครับ เพราะชีวิตจริง คนรวยหลายคน ก็มาจาก
คนจน และคนรวยหลายคน ไม่รอตั้งรับอย่างเดียว ฉกฉวยผลประโยชน์และหลอกใช้คนจนมากกว่าในหนังเยอะครับ คือทั้งรวย ทั้งจน ก็คนเหมือนกัน
อีกส่วนนึงที่ดูแล้วรู้สึกขัดแย้งพอสมควรคือ ครอบครัวคนจน ก็ดูปกติในตอนแรก และแถมมีความอาธรณ์ต่อคนอื่น แต่กลับวางแผนไล่คนขับรถ ไล่แม่บ้านออก เพื่อให้คนในครอบครัวตนเองได้งานทำแทน ซึ่ง หนังยังมีปมของแม่บ้านที่โดนเชิญออกอย่างไม่รู้ตัว มามีปม แอบซ่อนสามีที่เหมือนตอนแรกจะพิการ แต่ตอนหลัง วิ่งไล่ฆ่าคนรอบบ้านได้ คือ มันดูแล้วก็ขัดแย้งกันไปหมด
ที่ผมดูแล้วไม่ค่อยจะอินตามก็คือ พ่อของบ้านคนจน ฆ่าพ่อบ้านคนรวย ตอนจบ ด้วยประเด็น กลิ่นที่ตอกย้ำกันเป็นระยะของการดำเนินเรื่องในหนังนั้น ผมว่า มันไม่ค่อยมีน้ำหนักถึงกับไปลงกับพ่อบ้านคนรวยด้วยการฆ่าเลย จริงอยู่เห็นลูกตายสองคน แต่การหยิบกุญแจจากศพที่เต็มไปด้วยเลือด คิดว่า คนรรมดาทั่วไป เห็นศพก็กลัวครับ พ่อบ้านคนรวยต้องหยิบกุญแจโดยไปพลิกศพก่อน ผมว่า Reaction ของพ่อบ้านคนรวยเวลานั้นคือ คนปกติ กับความกลัวศพและเลือด แต่ต้องกลับมาตายเพราะแสดงอาการหวาดกลัวศพ ซึ่งเหมือนกับกลายเป็นว่า ตอกย้ำการดูถูกคนจนให้พ่อบ้านคนจน สติแตกจนลงมือฆ่า
ภาพรวม การดูหนังนั้น คือการเข้าไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง มากน้อยตามเนื้อหาของแต่ละเรื่อง ส่วนหลักคือการหาความบันเทิง ไม่ว่าจะ ตลก ดราม่าเข้มข้น แอ็คชั่น ตื่นเต้น โรแมนติก ก็แล้วแต่ ในส่วนต่างๆของหนัง ถ้าจะดูให้สนุกคือ ต้องแยกการวิเคราะห์กับ การเดินเรื่องของหนัง ออกจากกัน หนังหลายเรื่อง ไม่สมเหตุสมผล เลย แต่ดูสนุก หนังบางเรื่องสมเหตุสมผล ดูแล้วหลับ และ Parasite ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่ หากมองข้ามจุดต่างๆไปแล้ว การเดินเรื่อง ถือว่า สนุก และตื่นเต้นมากเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะช่วงท้ายเรื่องที่ฆ่ากันตาย แต่สุดท้ายก็มีทางออกซะงั้น ตามแบบฉบับหนังเกาหลี
ส่วนต่างๆที่ผมวิเคราะห์ไป ก็ตามประสาคนดูหนังจบแล้วน่ะครับ แต่ถามว่าหนังดี หนังสนุกไหม ผมก็แนะนำว่า ใครยังไม่ได้ดู ก็แนะนำให้ไปดูครับ เป็นหนังที่แตกต่างจากกระแสหนังซุปเปอร์ฮีโร่ หรือ หนังแอ็คชั่น ซีจี ครองยุคสมัยอยู่ และมีหลากหลายรสให้เราได้สัมผัส เอาไปเลย 7.5 / 10 ครับ
ปล. บทความนี้ เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่การสรุปว่าหนังเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคลล
[CR] Parasite รีวิวช้า หนังทางเลือกรสดี สปอยล์เนื้อหานะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้