คนนิจิวะค่าเพื่อนๆ !  วันนี้เราะมาขอแชร์ความประทับใจจากการไปเที่ยวญีปุ่นกัน ในทริป “เซนได - ยะมะกะตะ 4 วัน 3 คืน”  ทั้งสองเมืองนี้อยู่ในภูมิภาค Tohoku ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น แพลนคร่าวๆ ของเราในทริปนี้ คือการไปชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของเมืองเซนได บุก Ginzan Onsen เสพย์วิวธรรมชาติสวยๆ ให้อิ่มใจ  ตบท้ายทริปด้วยลิ้นวัวรสเลิศ !

วี๊ดดด ! เสียง  เป่านกหวีดเริ่ม  

เราออกเดินทางจาก Tokyo สู่จุดหมายปลายทางคือสถานี Sendai  (เดินทางโดย Tohoku Shinkansen Tokyo Station ⇒ Sendai Station 90 นาที)  นั่งเหม่อมองวิวธรรมชาติข้างทางรถไฟสวยๆ ไม่นานก็ถึงแล้ว

เราเลือกเช่ารถแถวๆ สถานีเซนได แล้วเดินทางไปกันที่ วัดโจกิ เนียวไร ไซโฮจิ (Jogi Nyorai Saiho-ji Temple) วัดนี้เรียกได้ว่าเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองเซนได คนที่มาท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้ท่านอามิดะ เนียวไร บุคคลสำคัญที่อยู่คู่กับวัดมากว่า 800 ปี ส่วนมากจะขอพรกันในเรื่องการงาน และขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิตค่ะ

นอกจากนั้นที่นี่ยังมีต้นไม้ศักดิสิทธิ์ ที่เค้าว่ากันว่าให้โชคในเรื่องความรักด้วยนะ  สาวโสดแบบเรารีบเข้าไปไหว้แทบไม่ทัน

สถานีถัดไปเราไปกันที่ ซาคุนามิ ออนเซน  (Sakunami Onsen)  ซึ่งเป็นออนเซ็นที่อยู่ในภูเขา ถูกค้นพบในปี ค.ศ.  721 (เก่าแก่มาก) ความพิเศษสุดๆ ของที่นี่ คือ น้ำในบ่อมีคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องโรคผิวหนังและระบบทางเดินอาหารได้ และที่พักบางแห่งยังมีก็ห้องอาบหินร้อนให้บริการอยู่ด้วยนะ

ระหว่างทางที่ไปเมืองออนเซน  เรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณน้ำตกโฮเมชิจูฮะชิ-ตะคิ (Homei Shijuhashi-taki) ซึ่งมีความสูงถึง 25 เมตรด้วยล่ะ

เดินไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณปลายแม่น้ำฮิโรเสะ จะเจอกับโรงกลั่นวิสกี้นิกกะ (Nikka Whisky Distillery) เป็นโรงกลั่นวิสกี้ของญี่ปุ่นอีก 1 แห่งที่เราสามารถเข้าไปศึกษากระบวนการการผลิต “Miyagikyo”  วิสกี้ของญี่ปุ่น ที่มีรสนุ่มสีเหลืองอำไพ มีความหวานเล็กน้อย

หลังจากเที่ยวเสร็จ ท๊าดาม ! คืนนี้เราขับรถกลับมานอนที่นี่ Hotel  Metropolitan Sendai เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟ JR Sendai  ที่เราเลือกพักที่นี่ เพราะว่าสะดวกในการเดินทาง ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง และร้านค้าแบรนด์เนมเพียบ  การตกแต่งของโรงแรมก็สวยงามมีสไตล์  ปลอดภัย น่าพักผ่อนเป็นที่สุด ที่สำคัญคือในบริเวณโรงแรมยังมี Wifi ฟรีสำหรับลูกค้าที่มาพักด้วย เลิศมาก  

และนี่คือหน้าตาที่พักของเราในคืนนี้ เป็นห้องพัก Standard Twin การตกแต่งภายในห้องสวยงาม  ขนาดห้องใหญ่กว้างขวาง  อุปกรณ์ภายในห้องก็พร้อมมากไม่ว่าจะเป็น LCD ทีวี, ตู้เย็น  ส่วนเตียงกว้างมาก กลิ้งได้ไม่ต้องกลัวตกเตียง อิอิ

สามารถกดจองห้องพักได้ที่ https://secure.reservation.jp/jrhotel-m/stay_pc/rsv/index.aspx?hi_id=6&lang=en-US&__utma=209944343.1663518947.1512627342.1512633528.1512691687.4&__utmb=209944343.5.10.1512691687&__utmc=209944343&__utmx=-&__utmz=209944343.1512633528.3.2.utmcsr=google%7Cutmccn=(organic)%7Cutmcmd=organic%7Cutmctr=(not%20provided)&__utmv=-&__utmk=57794473&clientId=1663518947.1512627342

เช้าวันที่ 2  ตื่นมาด้วยความเฟรชแบบสุดๆ เพราะเมื่อคืนหลับสบายมาก จะบอกว่าอากาศยามเช้าที่เมืองเซนไดนี่สดชื่น ดีต่อปอดเว่อร์ๆ เช้านี้เราเติมพลังกันด้วยบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าซึ่งมีให้เลือกทั้ง “ชุดอาหารญี่ปุ่น” และ “บุฟเฟ่ต์สไตล์ตะวันตก” และยังมีห้องอาหาร  “เซเรนิตี้” (Restaurant & Cafe Serenity)  ของทางโรงแรม จะบอกว่าวัตถุดิบที่นี่สดใหม่ อร่อยสุดๆ  เพราะเค้าคัดสรรของดีที่ส่งตรงมาจากท้องถิ่นของที่นี่เลย

อิ่มหนำกันเต็มที่แล้ว เราก็วาร์ปมาเที่ยวที่เมืองยะมะกะตะกันด้วยรถบัสความเร็วสูง ใช้เวลาประมาณ 60 นาที  จากนั้นพุ่งปรี่ไปที่ไร่ “ซากุรัมโบะ”  ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเมืองยะมะกะตะ  และที่นี่ยังเป็นแหล่งปลูกซากุรัมโบะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นด้วยล่ะ

Next Station เราแวะไป Mudafukaido แหล่งรวมร้านอร่อยขึ้นชื่อต้องลอง โดยเฉพาะขนม “ฟุมันจู”  ที่กำลังได้รับความนิยมมากๆ เลย

และแล้วก็ได้เวลาช้อปปิ้ง เรานั่งรถไฟมาลงที่สถานี Tendo Minami Station แล้วพุ่งปรี่มาที่ Tendo  Aeon Mall  เป็นช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดยามากาตะ  ตัวห้างด้านนอกเค้าดีไซน์ด้วยลวดลายตัวหมากรุกญี่ปุ่น (Hidariuma) ซึ่งเป็นงานฝีมือแบบดั้งเดิมของเมืองเทนโด  สวยงาม (แชะภาพได้หลายช็อตเชียว)

ภายในช้อปปิ้งมอลล์ใหญ่อลังมาก  ที่นี่มีร้านค้าให้ช้อปกว่า 130 ร้านเชียวนะ

เดินช้อปกันจนเมื่อย เลยขอแวะเติมพลังด้วยโซบะเนื้อเย็นต่อ