สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
ชื่อตำแหน่งของคุณคืออะไร แล้ว job description คืออะไรครับ เพราะผมอาจจะเข้าผิดเรื่องขอบเขตงาน
ผมเองเคยโดนให้แก้ปัญหาคล้ายๆกับของคุณ
ถ้าให้ผมเดาคือ หน้าที่หลักของคุณคือ ทำยังไงก็ได้ ให้ทีมสามารถสร้าง"ผลงาน/ผลลัพธ์"ได้มากขึ้น โดยมีอำนาจปรับเปลี่ยน culture หรือเสนอเปลี่ยนตำแหน่งของบุคลากรได้
อันนี้คือสรุปย่อๆของสิ่งที่ผมจะทำถ้ายืนอยู่ที่เดียวกับคุณในตอนนี้
1. เก็บ requirement จากผู้ว่าจ้าง แล้ว list ผลลัพธ์ทั้งหมดที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้ผู้ว่าจ้างอ่านแล้วขออำนาจตามที่จำเป็นต้องใช้มา
2. เรียกประชุมทุกคนในทีม เพื่อบอกวัตถุประสงค์และขอบเขตงานของเราให้ทุกคนในทีมรับรู้ จุดนี้สำคัญมากว่าถ้าคุณปล่อยให้เค้าบอกกันเองปากต่อปาก มีโอกาสสูงมากที่คนรับสารคนหลังๆจะเข้าใจผิด หรือถ้าใช้วิธีหนังสือเวียนแจ้งก็ต้องจัดประชุมร่วมกันเพื่อชี้แจงและหาข้อเสนอแนะร่วมกัน
3. ทำความเข้าใจกับพฤติกรรมของบุคลากรในทีมทุกคน ย้ำนะครับว่าทุกคน แล้วพยายามกลั่นออกมาว่า สภาพภายในทีมตอนนี้ มีความร่วมมือ/ขัดแย้งกันในตรงจุดไหนบ้าง
4. ทุกครั้งที่คุณเห็นว่าพฤติกรรมที่เค้าทำ "ไม่โอเค" ในสายตาของคุณ คุณต้องตรงเข้าไปจัดการกับพฤติกรรมนั้นทันที ถ้าเค้าไม่ตั้งใจในเวลาทำงาน หรือลาบ่อยผิดปกติ หรือมาสายมากจนเกินเวลา เพื่อเก็บข้อมูลว่า "เหตุผล"ในการทำพฤติกรรมนั้นๆ เหมาะสมแค่ไหน คุยกันได้มั้ย แล้วหาทางปรับปรุงแก้ไข การที่คุณเห็นพฤติกรรมตั้งแต่ต้นหรือกลางเดือน แล้วเก็บไปบอกตอนปลายเดือนทีเดียว มันเหมือนว่าหน้าที่ของคุณคือคนคอยจดอย่างเดียว เพราะคุณโอเคที่จะปล่อยให้ performance ของทีมเสียไปทั้งเดือน คุณอาจจะไม่อยากทำงานเยอะหรือคุณอาจจะคิดว่าการเผชิญหน้าเพื่อแก้ปัญหามันยาก สู้จดๆแล้วเอาไป report ก็พอ ง่ายดี บริษัทจะ performance เสียระหว่างนี้ก็ช่างมัน ซึ่งไม่ว่าแบบไหน ผมคิดว่าอันนี้เป็นข้อบกพร่องของคุณที่ชัดเจนมาก
5. คุณเองต้องทำพฤติกรรมให้เป็นที่ยอมรับได้จากทุกคนในทีมด้วย ถ้าคุณไม่โอเคกับการมาสาย คุณเองก็ห้ามสายเด็ดขาด
6. การทำงานร่วมกันหลายคนโดยที่ทุกคนสามารถตกลงกันได้ key point ที่สำคัญมากคือ fair กับ transparency ผมแนะนำให้คุณเขียนออกมาเป็นกฎให้ชัดเจนว่าแบบไหนคือ โอเคและไม่โอเค โดยถ้าจะทำการรวบรวมพฤติกรรม คุณก็ต้องรวบรวมในลักษณะที่เจ้าตัวสามารถเห็นและโต้แย้งคุณได้ภายในวันถัดไปหรืออาทิตย์ถัดไป ไม่ใช่ปลายเดือนทีเดียว
7. ชี้แจงให้คนในทีมรับทราบถึงผลการดำเนินงานของคุณทุกๆสองอาทิตย์หรือหนึ่งเดือน โดยอาจจะเขียนเป็นไฟล์ให้ส่งต่อกันอ่าน หรือเรียกประชุมสั้นๆ 30 - 60 นาที โดยต้องเปิดช่องทางให้คนในทีมมีส่วนร่วมในการเสนอแนะร่วมกันด้วย ซึ่งช่องทางที่ว่าจะเป็น fb group, mail list, line ก็แล้วแต่ culture ของทีมเลย
8. อย่าเขินที่จะชื่นชมการปรับปรุงตัวหรือการทำงานได้ดีของคนในทีม แล้วก็อย่ามากเกินไปจนกลายเป็นการประชด
แต่ทั้งนี้ ตอนนี้คุณมีเรื่องด่วนที่ต้องทำคือ เรื่องการพูดคุยเพื่อหาข้อตกลงให้เค้ายอมกลับมาทำงานกันให้ได้ ที่ต้องไปนั่งคิดตอนนี้เลยคือ เท่าที่คุณอ่านจากข้างบนที่ผมพิมพ์ไป คุณเห็นด้วยมากน้อยขนาดไหน คุณมีข้อบกพร่องเองด้วยรึเปล่า ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่ได้บกพร่องเลยก็ลองเขียนกิจวัตรประจำวันของคุณให้คนในทีมอ่านโดยละเอียดแล้วชี้ให้เค้าเห็นว่าคุณทำงานเพื่อทีมอยู่จริงๆ
ถ้าคุณ Fair พอ และกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำ คนส่วนมากอยากทำงานกับคนที่จริงใจครับ ไม่ว่าคุณจะโหดแค่ไหนก็ตาม ถ้าไม่กล้าเผชิญหน้าทันที ผมแนะนำให้เขียนเป็นไฟล์ให้เค้าส่งต่อกันอ่านก่อนแล้วค่อยนัดประชุมตามข้อสองข้างบนอีกรอบ ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ดีกว่าไม่เริ่มเดินหน้าแก้ไขปัญหาเลย
ผมเองเคยโดนให้แก้ปัญหาคล้ายๆกับของคุณ
ถ้าให้ผมเดาคือ หน้าที่หลักของคุณคือ ทำยังไงก็ได้ ให้ทีมสามารถสร้าง"ผลงาน/ผลลัพธ์"ได้มากขึ้น โดยมีอำนาจปรับเปลี่ยน culture หรือเสนอเปลี่ยนตำแหน่งของบุคลากรได้
อันนี้คือสรุปย่อๆของสิ่งที่ผมจะทำถ้ายืนอยู่ที่เดียวกับคุณในตอนนี้
1. เก็บ requirement จากผู้ว่าจ้าง แล้ว list ผลลัพธ์ทั้งหมดที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้ผู้ว่าจ้างอ่านแล้วขออำนาจตามที่จำเป็นต้องใช้มา
2. เรียกประชุมทุกคนในทีม เพื่อบอกวัตถุประสงค์และขอบเขตงานของเราให้ทุกคนในทีมรับรู้ จุดนี้สำคัญมากว่าถ้าคุณปล่อยให้เค้าบอกกันเองปากต่อปาก มีโอกาสสูงมากที่คนรับสารคนหลังๆจะเข้าใจผิด หรือถ้าใช้วิธีหนังสือเวียนแจ้งก็ต้องจัดประชุมร่วมกันเพื่อชี้แจงและหาข้อเสนอแนะร่วมกัน
3. ทำความเข้าใจกับพฤติกรรมของบุคลากรในทีมทุกคน ย้ำนะครับว่าทุกคน แล้วพยายามกลั่นออกมาว่า สภาพภายในทีมตอนนี้ มีความร่วมมือ/ขัดแย้งกันในตรงจุดไหนบ้าง
4. ทุกครั้งที่คุณเห็นว่าพฤติกรรมที่เค้าทำ "ไม่โอเค" ในสายตาของคุณ คุณต้องตรงเข้าไปจัดการกับพฤติกรรมนั้นทันที ถ้าเค้าไม่ตั้งใจในเวลาทำงาน หรือลาบ่อยผิดปกติ หรือมาสายมากจนเกินเวลา เพื่อเก็บข้อมูลว่า "เหตุผล"ในการทำพฤติกรรมนั้นๆ เหมาะสมแค่ไหน คุยกันได้มั้ย แล้วหาทางปรับปรุงแก้ไข การที่คุณเห็นพฤติกรรมตั้งแต่ต้นหรือกลางเดือน แล้วเก็บไปบอกตอนปลายเดือนทีเดียว มันเหมือนว่าหน้าที่ของคุณคือคนคอยจดอย่างเดียว เพราะคุณโอเคที่จะปล่อยให้ performance ของทีมเสียไปทั้งเดือน คุณอาจจะไม่อยากทำงานเยอะหรือคุณอาจจะคิดว่าการเผชิญหน้าเพื่อแก้ปัญหามันยาก สู้จดๆแล้วเอาไป report ก็พอ ง่ายดี บริษัทจะ performance เสียระหว่างนี้ก็ช่างมัน ซึ่งไม่ว่าแบบไหน ผมคิดว่าอันนี้เป็นข้อบกพร่องของคุณที่ชัดเจนมาก
5. คุณเองต้องทำพฤติกรรมให้เป็นที่ยอมรับได้จากทุกคนในทีมด้วย ถ้าคุณไม่โอเคกับการมาสาย คุณเองก็ห้ามสายเด็ดขาด
6. การทำงานร่วมกันหลายคนโดยที่ทุกคนสามารถตกลงกันได้ key point ที่สำคัญมากคือ fair กับ transparency ผมแนะนำให้คุณเขียนออกมาเป็นกฎให้ชัดเจนว่าแบบไหนคือ โอเคและไม่โอเค โดยถ้าจะทำการรวบรวมพฤติกรรม คุณก็ต้องรวบรวมในลักษณะที่เจ้าตัวสามารถเห็นและโต้แย้งคุณได้ภายในวันถัดไปหรืออาทิตย์ถัดไป ไม่ใช่ปลายเดือนทีเดียว
7. ชี้แจงให้คนในทีมรับทราบถึงผลการดำเนินงานของคุณทุกๆสองอาทิตย์หรือหนึ่งเดือน โดยอาจจะเขียนเป็นไฟล์ให้ส่งต่อกันอ่าน หรือเรียกประชุมสั้นๆ 30 - 60 นาที โดยต้องเปิดช่องทางให้คนในทีมมีส่วนร่วมในการเสนอแนะร่วมกันด้วย ซึ่งช่องทางที่ว่าจะเป็น fb group, mail list, line ก็แล้วแต่ culture ของทีมเลย
8. อย่าเขินที่จะชื่นชมการปรับปรุงตัวหรือการทำงานได้ดีของคนในทีม แล้วก็อย่ามากเกินไปจนกลายเป็นการประชด
แต่ทั้งนี้ ตอนนี้คุณมีเรื่องด่วนที่ต้องทำคือ เรื่องการพูดคุยเพื่อหาข้อตกลงให้เค้ายอมกลับมาทำงานกันให้ได้ ที่ต้องไปนั่งคิดตอนนี้เลยคือ เท่าที่คุณอ่านจากข้างบนที่ผมพิมพ์ไป คุณเห็นด้วยมากน้อยขนาดไหน คุณมีข้อบกพร่องเองด้วยรึเปล่า ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่ได้บกพร่องเลยก็ลองเขียนกิจวัตรประจำวันของคุณให้คนในทีมอ่านโดยละเอียดแล้วชี้ให้เค้าเห็นว่าคุณทำงานเพื่อทีมอยู่จริงๆ
ถ้าคุณ Fair พอ และกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำ คนส่วนมากอยากทำงานกับคนที่จริงใจครับ ไม่ว่าคุณจะโหดแค่ไหนก็ตาม ถ้าไม่กล้าเผชิญหน้าทันที ผมแนะนำให้เขียนเป็นไฟล์ให้เค้าส่งต่อกันอ่านก่อนแล้วค่อยนัดประชุมตามข้อสองข้างบนอีกรอบ ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ดีกว่าไม่เริ่มเดินหน้าแก้ไขปัญหาเลย
ความคิดเห็นที่ 5
เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ว่าการที่ลูกน้องมาสายและหยุดงานบ่อย จะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทเลย งานไม่เสีย
เพราะมันประเมินความเสียหายเป็นตัวเงินไม่ได้ จึงไม่รู้ค่าความเสียหายมากกว่า เช่น ลูกค้ายกเลิก Order
ลูกค้าไม่พึงพอใจ ลูกค้าหันไปซื้อร้านอื่นแทน พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป, Process งานช้าไป 1 ชม.
ความผิดพลาดของผู้ทำงานร่วมกันสูงขึ้นเนื่องจากรับปริมาณงานเยอะเกินไป เป็นต้น
มันขึ้นอยู่กับว่า คุณอยากให้คนอยู่เหนือระบบ หรือ อยากให้ระบบอยู่เหนือคน ถ้าปล่อยให้คนอยู่เหนือระบบเมื่อไหร่
คนจะเกี่ยงกันทำงาน ไม่มีหน้าที่ใครแน่นอน อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ ผิดไม่รับ รับแต่ชอบ ไร้ระเบียนวินัย
เคยเห็นไหมครับ งานเข้ามา เดินหนีเข้าห้องน้ำเป็นแถว มันมีครับ ไม่ใช่ไม่มี เพราะไม่มีหน้าที่รับผิดชอบแน่นอนไงครับ
พอคนหนึ่งทำได้ อีกคนหนึ่งก็ทำตาม สุดท้ายงานไม่เดิน เงินไม่มา
เพราะมันประเมินความเสียหายเป็นตัวเงินไม่ได้ จึงไม่รู้ค่าความเสียหายมากกว่า เช่น ลูกค้ายกเลิก Order
ลูกค้าไม่พึงพอใจ ลูกค้าหันไปซื้อร้านอื่นแทน พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป, Process งานช้าไป 1 ชม.
ความผิดพลาดของผู้ทำงานร่วมกันสูงขึ้นเนื่องจากรับปริมาณงานเยอะเกินไป เป็นต้น
มันขึ้นอยู่กับว่า คุณอยากให้คนอยู่เหนือระบบ หรือ อยากให้ระบบอยู่เหนือคน ถ้าปล่อยให้คนอยู่เหนือระบบเมื่อไหร่
คนจะเกี่ยงกันทำงาน ไม่มีหน้าที่ใครแน่นอน อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ ผิดไม่รับ รับแต่ชอบ ไร้ระเบียนวินัย
เคยเห็นไหมครับ งานเข้ามา เดินหนีเข้าห้องน้ำเป็นแถว มันมีครับ ไม่ใช่ไม่มี เพราะไม่มีหน้าที่รับผิดชอบแน่นอนไงครับ
พอคนหนึ่งทำได้ อีกคนหนึ่งก็ทำตาม สุดท้ายงานไม่เดิน เงินไม่มา
แสดงความคิดเห็น
โดนลูกน้องไม่พอใจที่ต่อว่าเรื่องมาสาย ทำยังไงดีคะ