สวัสดีครับทุกท่าน
หลายๆ คนที่ใช้รถจักรยานยนต์ออกทริปกัน คงจะมีกลุ่มที่ขี่ท่องเที่ยวกันเป็นประจำอยู่แล้ว
ซึ่งในการออกทริปแต่ละกลุ่ม ก็มักจะมี Marshal (มาแชล) ของกลุ่มคอยควบคุมดูแลในการขี่ออกทริป
รวมถึงในการแข่งขันกีฬาบางประเภท เช่นการแข่งขันวิ่ง ไตรกีฬา หรือจักรยานทางไกล
ก็มักจะมีผู้ที่ทำหน้าที่ Marshal อยู่ในการแข่งขันด้วยเช่นกัน
แต่เราเคยสงสัยกันมั้ยว่า แท้จริงแล้ว Marshal คือใคร วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก
และเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ และคุณสมบัติของ Marshal กันครับ
ก่อนอื่นเลยมาทำความเข้าใจกับคำว่า Marshal กันก่อน
Marshal หากแปลกันตรงๆ เลย จะมีความหมายที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากำลังพูดถึงกันเท่าไหร่
แต่จะมีความหมายใกล้เคียงที่สามารถนำมาใช้ได้ เป็น Noun คือ “ผู้คุมการเดินแถว”
และหากเป็น Transitive verb จะหมายถึง “จัดให้เหมาะสม”
เมื่อเรานำมาใช้กับการขับขี่ออกทริป หรือการจัดกลุ่มเพื่อเดินทางบนถนนสาธารณะ
ก็จะแปลให้พอเข้าใจได้ว่า “ผู้คุมการเดินแถวให้เหมาะสม” (ดูดิบๆ ไปหน่อยแฮะ !!)
แต่คำที่ผมนิยมใช้เวลาพูดคุยกับสมาชิกทริปหรือลูกค้าที่ทำการจ้างงาน
จะใช้คำว่า “ผู้ดูแลความปลอดภัยในการจัดกิจกรรมบนถนนสาธารณะ”
ซึ่งจะสามารถทำความเข้าใจ ถึงบทบาทหน้าที่ได้ชัดเจนมากกว่า
ทีนี้เรามาดูกันว่า คุณสมบัติของ Marshal นั้นมีอะไรกันบ้างครับ
สิ่งที่จำเป็นของ Marshal จะประกอบไปด้วยคุณสมบัติทั้ง 5 ข้อดังนี้
1. ทัศนคติ
2. ทักษะในการขับขี่และชั่วโมงบิน ( Flight Hours )
3. Riding Gear
4. Equipment
5. Vehicle
เรามาไล่ดูกันทีละหัวข้อกันครับ
1. ทัศนคติ
สิ่งแรกที่จำเป็นของการเป็น Marshal คือเรื่องทัศนติ หรือแนวความคิดที่มีต่อการใช้ถนนร่วมกันกับผู้อื่น
เราต้องมีชุดความคิดเรื่องความปลอดภัย ฝังรากลึกอยู่ในแนวคิด ทุกสิ่งอย่างที่กระทำขึ้นขณะที่ปฏิบัติหน้าที่
จะต้องกระทำเพื่อสอดคล้อง และรองรับในเรื่องความปลอดภัย “เพียงอย่างเดียว”
หากมีอะไรที่ทำแล้วทำให้ขบวนปลอดภัย แม้จะเพียงแม้สักเล็กน้อยก็ต้องกระทำโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
ภาพบรรยากาศ Safety Biefing ก่อนการเดินทาง
เสียเวลาจำแนกสมาชิกตาม Level การขับขี่ และทดลองใช้สัญญาณมือ
การกระทำบางอย่าง อาจส่งผลกระทบต่อความไม่สะดวกสบายของลูกกลุ่ม หรือในบางครั้ง
เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฏหมายในบางข้อ หากจำเป็นก็ต้องกระทำ*
เพราะหากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น ความสูญเสียจะมีมากกว่าอย่างแน่นอน ซึ่งผู้ที่เป็น Marshal จะต้องระลึก
อยู่ตลอดเวลา ว่าเราคือผู้ที่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในขบวน ดังนั้นในทุกการตัดสินใจจะต้องถูกต้องที่สุด
และต้องเด็ดขาด จนในบางครั้งอาจทำให้ดูเหมือนจะมีความแข็งกร้าว เหมือนเผด็ดการ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี
ภาพการพาขบวนออกวิ่งเลนขวาสุด เพื่อหลีกเลี่ยงรถบรรทุก
ภาพการปิดการจราจร เพื่อให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นเรื่องทัศนคติ สิ่งที่จำเป็นของผู้ทำหน้าที่ Marshal คือสำนึกความปลอดภัย ความเด็ดขาด
กล้าตัดสินใจ และมีความเป็นเผด็ดการหน่อยๆ ก็จะดี แต่อย่าให้มากเกินไปนะ ^^
2. ทักษะในการขับขี่ และชั่วโมงบิน ( Flight Hours )
สำหรับ Marshal แล้ว การมีทักษะการขับขี่ และมีชั่วโมงบินที่มากพอ เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันกับข้อแรก
เพราะในบางสถานการณ์ เราอาจเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมีการขี่ทำความเร็วขึ้นไป เพื่อทำหน้าที่สำคัญบางอย่าง
อาทิ Marshal หัวขบวนต้องการกำลังสนับสนุนเพื่อเคลียร์ทาง หรือตรวจเช็คเส้นทางความเรียบร้อยต่างๆ
ซึ่งลักษณะของเส้นทางย่อมแตกต่างกัน บ้างมีความลาดชัน หรือโค้งแคบๆ ต้องขี่ให้เร็วเพื่อไปด้านหน้า
ต้องขี่แซงสมาชิกในขบวนด้วยความเร็ว ดังนั้นทักษะการขับขี่จึงมีความจำเป็นอย่างมาก
การเร่งแซงลูกขบวน เพื่อไปปิดแยกด้านหน้า
การใช้สายตา การใช้คันเร่ง การใช้คลัช การใช้เบรค ท่าทางการขับขี่ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้
เหล่า Marshal ที่ดีและใส่ใจ มักจะหมั่นฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำ ถึงแม้จะมีความชำนาญแล้วก็ตามที
แต่เพื่อความปลอดภัยที่ยังสามารถทำให้ดีได้ขึ้นไปอีก การฝึกทักษะต่างๆ จึงจำเป็นต้องทบทวน
ฝึกฝน และเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ
บรรยากาศการพูดคุย ปรับทัศนคติเรื่องการขับขี่
บรรยากาศการฝึกการใช้เบรค
ในการขับขี่บนถนนสาธารณะนั้น เราจะพบผู้ร่วมใช้ทางเป็นจำนวนมาก ซึ่งในบางครั้งจำเป็นที่จะต้องรบกวน
หรืออำนวยความสะดวกให้ผู้ร่วมทาง การมีชั่วโมงบิน ( Flight Hours ) ที่มากพอ จะช่วยให้การตัดสินใจในเรื่องนั้นๆ
มีความแม่นยำมากขึ้น เช่น ในสภาพการจราจรเช่นนี้ เราควรต้องบล็อกรถยนต์หรือควรเปิดทางให้ไปก่อน
หรือเมื่อขบวนไม่สามารถทำความเร็วได้เลย และมีผู้ร่วมทางต่อท้ายขบวนเป็นจำนวนมาก จนรถเริ่มหนาแน่น
เราควรจะต้องเปิดทางและนำรถยนต์ผู้ร่วมทางแซงขบวนขึ้นไปก่อนหรือไม่ หรือแม้กระทั่งในเรื่องของเส้นทาง
ที่ Masrshal จะต้องมีความรู้และแม่นยำเป็นอย่างดี ไม่พาเข้าผิดเลน ผิดทาง บางที GPS ก็พึ่งพาไม่ได้
ซึ่งเราเองต้องมีความชำนาญเส้นทาง จะมีได้ก็ต่อเมื่อมีชั่วโมงบินมากพอ
ดังนั้น ทักษะการขับขี่สำหรับ Marshal จำเป็นต้องมีในระดับสูง และชั่วโมงบินต้องมากพอ
เพื่อให้ประเมินสถาณการณ์ต่างๆ ได้ดีและแม่นยำยิ่งขึ้น
3. Riding Gear
เราเคยเห็นพระใส่กางเกงขาสั้นมาบิณฑบาต ทหารใส่เสื้อยืดไปรบ หรือพยาบาลใส่ยีนส์มาดูแลคนป่วยมั้ยครับ ?
ผมกำลังพูดถึงเรื่อง “เครื่องแบบที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่” เราจะไม่มีทางได้เห็นในสิ่งที่ผมกล่าวมาแน่ๆ
ในการทำหน้าที่ Marshal ก็เช่นกันการแต่ง Riding Gear คือการสะท้อนความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ และในขณะเดียวกัน
ก็ถือเป็นการแสดงความเป็นมืออาชีพ และให้เกียรติผู้ว่าจ้างด้วยเช่นกัน
ตัวอย่าง Riding Gear ขณะปฏิบิตหน้าที่
ไล่ดูกันมาตั้งแต่บนลงล่าง หมวกนิรภัย เสื้อ ถุงมือ กางเกง รองเท้า หากคุณคือ Marshal แล้ว
ข้อแรกเรื่องทัศนคติที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้า ว่าด้วยเรื่องของความปลอดภัย ดังนั้น
Riding Gear จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีครบ ซึ่งเน้นย้ำไว้ได้เลยว่าไม่จำเป็นต้องแพง
แต่ต้องใช้งานได้จริง เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น
สิ่งที่สำคัญ ผู้ที่ทำหน้าที่ Marshal จะต้องไม่ปล่อยให้ความสะดวกสบายมาเป็นตัวกำหนด
ในการใช้งาน Riding Gear ไม่ว่าจะเป็นแค่การขับขี่สำรวจเส้นทาง ก็จะต้องใส่ให้ครบเสมอ
หรือขับขี่เพื่อเคลื่อนย้ายกำลังพลระยะทางสั้นๆ 100-200 เมตร ก็ต้องใส่ให้ครบ
ซึ่งเราต้องระลึกไว้ตลอดเวลาว่าเมื่อเราขี่รถ อุบัติเหตุย่อมสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
ดังนั้น Riding Gear เป็นสิ่งที่จำเป็น และจะต้องติดตัว Marshal อยู่ตลอดเวลา
เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์และความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่
4. Equipment
สำหรับอุปกรณ์ที่ Marshal จำเป็นต้องมีเพื่อใช้ในการทำหน้าที่หลักๆ จะมีเพียง 3 อย่าง ดังนี้
a. อุปกรณ์สื่อสาร
ถือเป็นหลักสากลในการทำหน้าที่ Marshal ที่มักจะนิยมใช้ วิทยุสื่อสาร CB (Citizen Band)
หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า ว.แดง ซึ่งมีความสะดวก เราสามารถขอใบอนุญาติเพื่อนำมาใช้งานได้เลยทันที
ไม่ต้องสอบอะไร และควรต้องศึกษาวิธีการใช้งานอย่างถูกวิธี
b. อุปกรณ์ปฐมพยาบาล
จำเป็นต้องจัดเตรียมไว้เผื่ออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น และ Marshal ก็ควรต้องรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
เพื่อทำการช่วยเหลือขั้นต้น ก่อนที่หน่วยพยาบาลมาถึง
c. สํญญาณไฟ (ว.9)
ในการใช้งานเมื่อปฏิบัติหน้าที่ เราจะต้องไม่ใช้เองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติจากหน่วยงานราชการ
ส่วนมากในการจัดกิจกรรมบนถนนสาธารณะ ผู้จัดจะมีการขออนุญาติการใช้สัญญานไฟ ว.9
กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้ให้แล้ว ซึ่งเราจะสามารถใช้งานได้ตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น
นอกจากนี้ ในการเกิดอุบัติเหตุ สัญญาณไฟ ว.9
ยังสามารถใช้ทำ Scene Safety ในการป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้ด้วย
5. Vehicle
ด้วยเหตุผลหลายๆ ข้อในการทำหน้าที่ ทั้งสภาพภูมิประเทศ สภาพอากาศ รูปแบบการปฏิบิตงาน
ทำให้หลักสากลของ Marshal ถูกกำหนดพิกัดรถให้มีขนาด 1000cc.ขึ้นไป จึงจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
แต่เรายังไม่จำเป็นต้องไปดูเมืองนอกครับ เอาเฉพาะบ้านเรา ขนาดพิกัดที่เหมาะสำหรับทำหน้าที่ Marshal
จะอยู่ที่ 300cc ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมในแต่ละครั้งว่ามีการใช้ความเร็วมากน้อยอย่างไร
ส่วนมากในการปฏิบัติงาน จำเป็นต้องใช้กำลังเครื่องยนต์เพื่อเร่งแซง หรือวิ่งนำไปไม่ค่อยบ่อยหรอกครับ
แต่เมื่อจำเป็นที่ต้องใช้กำลังเครื่องยนต์ ก็ต้องพร้อมที่จะใช้งาน รถจึงควรต้องมีกำลังเครื่องยนต์ที่สูงกว่าลูกขบวน
เพื่อการใช้งานดังกล่าว มันไม่มีสูตรตายตัวว่าลักษณะงานแบบไหน ต้องใช้รถพิกัดใด แต่ต้องดูที่วัตถุประสงค์
ในการดูแลขบวนว่ามีการใช้ความเร็วอย่างไร เพื่อสามารถกำหนดรถของ Marshal ที่ใช้ดูแลได้อย่างเหมาะสม
ตัวอย่าง การแข่งขันวิ่ง เราสามารถใช้รถพิกัด 300cc.ได้อย่างสบาย เพราะความเร็วไม่มาก
ในทางกลับกันหากมีการแข่งขันจักรยาน อาจต้องมาพิจารณาถึงรถที่สมรรถนะ หรือ cc.ที่สูงขึ้น เป็นต้น
หรือการดูแลขบวนการท่องเที่ยวออกทริปลูกขบวนใช้รถพิกัด 500cc. อาจต้องพิจารณารถที่ cc. สูงกว่า
เพื่อมาดูแลขบวน 300cc. อาจจะไม่เหมาะสม เป็นต้น
(ลิงค์)
ดังนั้น Motorcycle Marshal ในบ้านเรา ควรต้องดูวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมก่อน
เพื่อพิจารณารถที่เหมาะสมในการทำหน้าที่ Marshal เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการจัดกิจกรรมนั้นๆ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ข้อครับ
1. เพื่อทำความเข้าใจกับผู้ว่าจ้าง ให้เข้าใจขอบเขตหน้าที่มาแชล
ว่าอะไรต้องทำ และอะไรที่ไม่ต้องทำ ซึ่งในบ้านเรามักจะให้ทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเสมอ
2. เพื่อให้ผู้ที่เป็นมาแชลเอง พัฒนาตนเองให้มากขึ้น ยังมี Marshal หลายๆ กลุ่ม
ที่ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอในการเป็นมาแชล หลักๆ คือเรื่องสำนึกความปลอดภัยมีที่น้อยเกินไป
ท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมหรือข้อสงสัยสามารถพูดคุยกันได้เลยนะครับ
หรือหากต้องการจัดกิจกรรมบนถนนสาธารณะ ทั้งการจัดการแข่งขัน การออกทริปท่องเที่ยวทำบุญ หลังไมค์มาได้ครับ
Motorcycle Marshal คืออะไร
หลายๆ คนที่ใช้รถจักรยานยนต์ออกทริปกัน คงจะมีกลุ่มที่ขี่ท่องเที่ยวกันเป็นประจำอยู่แล้ว
ซึ่งในการออกทริปแต่ละกลุ่ม ก็มักจะมี Marshal (มาแชล) ของกลุ่มคอยควบคุมดูแลในการขี่ออกทริป
รวมถึงในการแข่งขันกีฬาบางประเภท เช่นการแข่งขันวิ่ง ไตรกีฬา หรือจักรยานทางไกล
ก็มักจะมีผู้ที่ทำหน้าที่ Marshal อยู่ในการแข่งขันด้วยเช่นกัน
แต่เราเคยสงสัยกันมั้ยว่า แท้จริงแล้ว Marshal คือใคร วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก
และเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ และคุณสมบัติของ Marshal กันครับ
ก่อนอื่นเลยมาทำความเข้าใจกับคำว่า Marshal กันก่อน
Marshal หากแปลกันตรงๆ เลย จะมีความหมายที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากำลังพูดถึงกันเท่าไหร่
แต่จะมีความหมายใกล้เคียงที่สามารถนำมาใช้ได้ เป็น Noun คือ “ผู้คุมการเดินแถว”
และหากเป็น Transitive verb จะหมายถึง “จัดให้เหมาะสม”
เมื่อเรานำมาใช้กับการขับขี่ออกทริป หรือการจัดกลุ่มเพื่อเดินทางบนถนนสาธารณะ
ก็จะแปลให้พอเข้าใจได้ว่า “ผู้คุมการเดินแถวให้เหมาะสม” (ดูดิบๆ ไปหน่อยแฮะ !!)
แต่คำที่ผมนิยมใช้เวลาพูดคุยกับสมาชิกทริปหรือลูกค้าที่ทำการจ้างงาน
จะใช้คำว่า “ผู้ดูแลความปลอดภัยในการจัดกิจกรรมบนถนนสาธารณะ”
ซึ่งจะสามารถทำความเข้าใจ ถึงบทบาทหน้าที่ได้ชัดเจนมากกว่า
ทีนี้เรามาดูกันว่า คุณสมบัติของ Marshal นั้นมีอะไรกันบ้างครับ
สิ่งที่จำเป็นของ Marshal จะประกอบไปด้วยคุณสมบัติทั้ง 5 ข้อดังนี้
1. ทัศนคติ
2. ทักษะในการขับขี่และชั่วโมงบิน ( Flight Hours )
3. Riding Gear
4. Equipment
5. Vehicle
เรามาไล่ดูกันทีละหัวข้อกันครับ
1. ทัศนคติ
สิ่งแรกที่จำเป็นของการเป็น Marshal คือเรื่องทัศนติ หรือแนวความคิดที่มีต่อการใช้ถนนร่วมกันกับผู้อื่น
เราต้องมีชุดความคิดเรื่องความปลอดภัย ฝังรากลึกอยู่ในแนวคิด ทุกสิ่งอย่างที่กระทำขึ้นขณะที่ปฏิบัติหน้าที่
จะต้องกระทำเพื่อสอดคล้อง และรองรับในเรื่องความปลอดภัย “เพียงอย่างเดียว”
หากมีอะไรที่ทำแล้วทำให้ขบวนปลอดภัย แม้จะเพียงแม้สักเล็กน้อยก็ต้องกระทำโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
ภาพบรรยากาศ Safety Biefing ก่อนการเดินทาง
เสียเวลาจำแนกสมาชิกตาม Level การขับขี่ และทดลองใช้สัญญาณมือ
การกระทำบางอย่าง อาจส่งผลกระทบต่อความไม่สะดวกสบายของลูกกลุ่ม หรือในบางครั้ง
เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฏหมายในบางข้อ หากจำเป็นก็ต้องกระทำ*
เพราะหากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น ความสูญเสียจะมีมากกว่าอย่างแน่นอน ซึ่งผู้ที่เป็น Marshal จะต้องระลึก
อยู่ตลอดเวลา ว่าเราคือผู้ที่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในขบวน ดังนั้นในทุกการตัดสินใจจะต้องถูกต้องที่สุด
และต้องเด็ดขาด จนในบางครั้งอาจทำให้ดูเหมือนจะมีความแข็งกร้าว เหมือนเผด็ดการ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี
ภาพการพาขบวนออกวิ่งเลนขวาสุด เพื่อหลีกเลี่ยงรถบรรทุก
ภาพการปิดการจราจร เพื่อให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นเรื่องทัศนคติ สิ่งที่จำเป็นของผู้ทำหน้าที่ Marshal คือสำนึกความปลอดภัย ความเด็ดขาด
กล้าตัดสินใจ และมีความเป็นเผด็ดการหน่อยๆ ก็จะดี แต่อย่าให้มากเกินไปนะ ^^
2. ทักษะในการขับขี่ และชั่วโมงบิน ( Flight Hours )
สำหรับ Marshal แล้ว การมีทักษะการขับขี่ และมีชั่วโมงบินที่มากพอ เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันกับข้อแรก
เพราะในบางสถานการณ์ เราอาจเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมีการขี่ทำความเร็วขึ้นไป เพื่อทำหน้าที่สำคัญบางอย่าง
อาทิ Marshal หัวขบวนต้องการกำลังสนับสนุนเพื่อเคลียร์ทาง หรือตรวจเช็คเส้นทางความเรียบร้อยต่างๆ
ซึ่งลักษณะของเส้นทางย่อมแตกต่างกัน บ้างมีความลาดชัน หรือโค้งแคบๆ ต้องขี่ให้เร็วเพื่อไปด้านหน้า
ต้องขี่แซงสมาชิกในขบวนด้วยความเร็ว ดังนั้นทักษะการขับขี่จึงมีความจำเป็นอย่างมาก
การเร่งแซงลูกขบวน เพื่อไปปิดแยกด้านหน้า
การใช้สายตา การใช้คันเร่ง การใช้คลัช การใช้เบรค ท่าทางการขับขี่ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้
เหล่า Marshal ที่ดีและใส่ใจ มักจะหมั่นฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำ ถึงแม้จะมีความชำนาญแล้วก็ตามที
แต่เพื่อความปลอดภัยที่ยังสามารถทำให้ดีได้ขึ้นไปอีก การฝึกทักษะต่างๆ จึงจำเป็นต้องทบทวน
ฝึกฝน และเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ
บรรยากาศการพูดคุย ปรับทัศนคติเรื่องการขับขี่
บรรยากาศการฝึกการใช้เบรค
ในการขับขี่บนถนนสาธารณะนั้น เราจะพบผู้ร่วมใช้ทางเป็นจำนวนมาก ซึ่งในบางครั้งจำเป็นที่จะต้องรบกวน
หรืออำนวยความสะดวกให้ผู้ร่วมทาง การมีชั่วโมงบิน ( Flight Hours ) ที่มากพอ จะช่วยให้การตัดสินใจในเรื่องนั้นๆ
มีความแม่นยำมากขึ้น เช่น ในสภาพการจราจรเช่นนี้ เราควรต้องบล็อกรถยนต์หรือควรเปิดทางให้ไปก่อน
หรือเมื่อขบวนไม่สามารถทำความเร็วได้เลย และมีผู้ร่วมทางต่อท้ายขบวนเป็นจำนวนมาก จนรถเริ่มหนาแน่น
เราควรจะต้องเปิดทางและนำรถยนต์ผู้ร่วมทางแซงขบวนขึ้นไปก่อนหรือไม่ หรือแม้กระทั่งในเรื่องของเส้นทาง
ที่ Masrshal จะต้องมีความรู้และแม่นยำเป็นอย่างดี ไม่พาเข้าผิดเลน ผิดทาง บางที GPS ก็พึ่งพาไม่ได้
ซึ่งเราเองต้องมีความชำนาญเส้นทาง จะมีได้ก็ต่อเมื่อมีชั่วโมงบินมากพอ
ดังนั้น ทักษะการขับขี่สำหรับ Marshal จำเป็นต้องมีในระดับสูง และชั่วโมงบินต้องมากพอ
เพื่อให้ประเมินสถาณการณ์ต่างๆ ได้ดีและแม่นยำยิ่งขึ้น
3. Riding Gear
เราเคยเห็นพระใส่กางเกงขาสั้นมาบิณฑบาต ทหารใส่เสื้อยืดไปรบ หรือพยาบาลใส่ยีนส์มาดูแลคนป่วยมั้ยครับ ?
ผมกำลังพูดถึงเรื่อง “เครื่องแบบที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่” เราจะไม่มีทางได้เห็นในสิ่งที่ผมกล่าวมาแน่ๆ
ในการทำหน้าที่ Marshal ก็เช่นกันการแต่ง Riding Gear คือการสะท้อนความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ และในขณะเดียวกัน
ก็ถือเป็นการแสดงความเป็นมืออาชีพ และให้เกียรติผู้ว่าจ้างด้วยเช่นกัน
ตัวอย่าง Riding Gear ขณะปฏิบิตหน้าที่
ไล่ดูกันมาตั้งแต่บนลงล่าง หมวกนิรภัย เสื้อ ถุงมือ กางเกง รองเท้า หากคุณคือ Marshal แล้ว
ข้อแรกเรื่องทัศนคติที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้า ว่าด้วยเรื่องของความปลอดภัย ดังนั้น
Riding Gear จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีครบ ซึ่งเน้นย้ำไว้ได้เลยว่าไม่จำเป็นต้องแพง
แต่ต้องใช้งานได้จริง เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น
สิ่งที่สำคัญ ผู้ที่ทำหน้าที่ Marshal จะต้องไม่ปล่อยให้ความสะดวกสบายมาเป็นตัวกำหนด
ในการใช้งาน Riding Gear ไม่ว่าจะเป็นแค่การขับขี่สำรวจเส้นทาง ก็จะต้องใส่ให้ครบเสมอ
หรือขับขี่เพื่อเคลื่อนย้ายกำลังพลระยะทางสั้นๆ 100-200 เมตร ก็ต้องใส่ให้ครบ
ซึ่งเราต้องระลึกไว้ตลอดเวลาว่าเมื่อเราขี่รถ อุบัติเหตุย่อมสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
ดังนั้น Riding Gear เป็นสิ่งที่จำเป็น และจะต้องติดตัว Marshal อยู่ตลอดเวลา
เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์และความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่
4. Equipment
สำหรับอุปกรณ์ที่ Marshal จำเป็นต้องมีเพื่อใช้ในการทำหน้าที่หลักๆ จะมีเพียง 3 อย่าง ดังนี้
a. อุปกรณ์สื่อสาร
ถือเป็นหลักสากลในการทำหน้าที่ Marshal ที่มักจะนิยมใช้ วิทยุสื่อสาร CB (Citizen Band)
หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า ว.แดง ซึ่งมีความสะดวก เราสามารถขอใบอนุญาติเพื่อนำมาใช้งานได้เลยทันที
ไม่ต้องสอบอะไร และควรต้องศึกษาวิธีการใช้งานอย่างถูกวิธี
b. อุปกรณ์ปฐมพยาบาล
จำเป็นต้องจัดเตรียมไว้เผื่ออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น และ Marshal ก็ควรต้องรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
เพื่อทำการช่วยเหลือขั้นต้น ก่อนที่หน่วยพยาบาลมาถึง
c. สํญญาณไฟ (ว.9)
ในการใช้งานเมื่อปฏิบัติหน้าที่ เราจะต้องไม่ใช้เองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติจากหน่วยงานราชการ
ส่วนมากในการจัดกิจกรรมบนถนนสาธารณะ ผู้จัดจะมีการขออนุญาติการใช้สัญญานไฟ ว.9
กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้ให้แล้ว ซึ่งเราจะสามารถใช้งานได้ตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น
นอกจากนี้ ในการเกิดอุบัติเหตุ สัญญาณไฟ ว.9
ยังสามารถใช้ทำ Scene Safety ในการป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้ด้วย
5. Vehicle
ด้วยเหตุผลหลายๆ ข้อในการทำหน้าที่ ทั้งสภาพภูมิประเทศ สภาพอากาศ รูปแบบการปฏิบิตงาน
ทำให้หลักสากลของ Marshal ถูกกำหนดพิกัดรถให้มีขนาด 1000cc.ขึ้นไป จึงจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
แต่เรายังไม่จำเป็นต้องไปดูเมืองนอกครับ เอาเฉพาะบ้านเรา ขนาดพิกัดที่เหมาะสำหรับทำหน้าที่ Marshal
จะอยู่ที่ 300cc ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมในแต่ละครั้งว่ามีการใช้ความเร็วมากน้อยอย่างไร
ส่วนมากในการปฏิบัติงาน จำเป็นต้องใช้กำลังเครื่องยนต์เพื่อเร่งแซง หรือวิ่งนำไปไม่ค่อยบ่อยหรอกครับ
แต่เมื่อจำเป็นที่ต้องใช้กำลังเครื่องยนต์ ก็ต้องพร้อมที่จะใช้งาน รถจึงควรต้องมีกำลังเครื่องยนต์ที่สูงกว่าลูกขบวน
เพื่อการใช้งานดังกล่าว มันไม่มีสูตรตายตัวว่าลักษณะงานแบบไหน ต้องใช้รถพิกัดใด แต่ต้องดูที่วัตถุประสงค์
ในการดูแลขบวนว่ามีการใช้ความเร็วอย่างไร เพื่อสามารถกำหนดรถของ Marshal ที่ใช้ดูแลได้อย่างเหมาะสม
ตัวอย่าง การแข่งขันวิ่ง เราสามารถใช้รถพิกัด 300cc.ได้อย่างสบาย เพราะความเร็วไม่มาก
ในทางกลับกันหากมีการแข่งขันจักรยาน อาจต้องมาพิจารณาถึงรถที่สมรรถนะ หรือ cc.ที่สูงขึ้น เป็นต้น
หรือการดูแลขบวนการท่องเที่ยวออกทริปลูกขบวนใช้รถพิกัด 500cc. อาจต้องพิจารณารถที่ cc. สูงกว่า
เพื่อมาดูแลขบวน 300cc. อาจจะไม่เหมาะสม เป็นต้น
(ลิงค์)
ดังนั้น Motorcycle Marshal ในบ้านเรา ควรต้องดูวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมก่อน
เพื่อพิจารณารถที่เหมาะสมในการทำหน้าที่ Marshal เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการจัดกิจกรรมนั้นๆ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ข้อครับ
1. เพื่อทำความเข้าใจกับผู้ว่าจ้าง ให้เข้าใจขอบเขตหน้าที่มาแชล
ว่าอะไรต้องทำ และอะไรที่ไม่ต้องทำ ซึ่งในบ้านเรามักจะให้ทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเสมอ
2. เพื่อให้ผู้ที่เป็นมาแชลเอง พัฒนาตนเองให้มากขึ้น ยังมี Marshal หลายๆ กลุ่ม
ที่ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอในการเป็นมาแชล หลักๆ คือเรื่องสำนึกความปลอดภัยมีที่น้อยเกินไป
ท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมหรือข้อสงสัยสามารถพูดคุยกันได้เลยนะครับ
หรือหากต้องการจัดกิจกรรมบนถนนสาธารณะ ทั้งการจัดการแข่งขัน การออกทริปท่องเที่ยวทำบุญ หลังไมค์มาได้ครับ