หนังเก่าเล่าใหม่ 123: The Seventh Seal (Ingmar Bergman, 1957)
"พวกเราทุกคนไม่มีใครหนีพ้นความตาย" The Seventh Seal เป็นภาพยนตร์ขาว-ดำประเทศสวีเดนของผู้กำกับ อิงมาร์ เบิร์กแมน ที่สร้างชื่อเสียงและถูกพูดถึงหรือนำมาล้อเลียนอยู่เสมอ บทภาพยนตร์ดัดแปลงมาจากเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ของประเทศสวีเดนในยุค Black Death คือยุคสมัยที่มีโรคระบาดกาฬมรณะที่ทำให้คนตายมากที่สุดประมาณ 75 ถึง 100 ล้านคน หนังมีตัวละครนำหลักคืออัศวินยุคกลางที่กำลังเดินทางกลับบ้านและยมทูต (Death) ที่ใช้เกมหมากรุกมาเดิมพันต่อรองชีวิต เงื่อนไขคือถ้าอัศวินชนะได้ ยมทูตจะยอมปล่อยชีวิตไป นอกจากนี้ ยังมีตัวละครสมทบทั้งนักแสดงเร่ร่อนที่จิตใจดีงาม มองทุกสิ่งสวยงามเพ้อฝัน, องครักษ์ ที่มีนิสัยดุดันทำตามอารมณ์, ช่างตีเหล็ก ที่โง่ไม่มีสติ, หญิงที่มีแต่ความเห็นแก่ตัว แน่นอนว่า ตัวละครทุกตัวในเรื่องสะท้อนสภาวการณ์ของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยบาดแผล ความปวดร้าว ความสิ้นหวัง แต่ทุกคนในเรื่องกลับเลือกที่จะพยายามหนีจากสิ่งที่เราไม่อาจหนีพ้นไม่ว่าจะใครคนใดก็ตาม นั่นคือ 'ความตาย' ที่เป็นสิ่งแน่นอนที่สุดของการดำรงชีวิต และเป็นจุดจบของมนุษย์ทุกคน เพียงแต่ว่าจะมาเร็วหรือมาช้าเท่านั้นเอง
หนังมีความยาว 1 ชั่วโมง 36 นาที แต่เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยปรัชญาและสอดแทรกสัญลักษณ์ให้เราต้องตีความในสัญญะที่ อิงมาร์ เบิร์กแมน ต้องการบอกหรือสื่อสารไปยังคนดู ซึ่งประเด็นหลักคือ ความตาย และเป็นประเด็นที่ค่อนข้างจริงจัง ยมทูต ในเรื่องที่คอยตามติดเอาชีวิตตัวละครทุกคน จึงดูน่าหวาดกลัวและมีเล่ห์เหลี่ยมวิธีการที่จ้องจะเอาชีวิตของทุกคนไป ด้วยพล็อตเรื่องที่ลึกซึ้งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่งานสายบันเทิงดูง่าย แต่เป็นงานที่พาเราไปร่วมเดินทางและสอนใจว่า 'มนุษย์ไม่ได้ยิ่งใหญ่' เมื่อตายไปเราก็เอาอะไรไปไม่ได้ และความตายหาใช่เรื่องน่ากลัวที่จะต้องดิ้นร้นพยายามหนีหรือทำตัวออกห่าง เพราะเราทุกคนมีความตาย (ยมทูฑ) ติดตัวอยู่เสมอ ทุก ๆ ขณะที่เรามีชีวิตในวินาทีนี้ วินาทีข้างหน้าเราก็อาจไม่มีชีวิตแล้วก็ได้
ท้ายสุด The Seventh Seal จึงเป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดแง่มุมของเรื่องราวความตาย ฉายภาพให้เราเห็นมุมมองผ่านตัวละครแต่ละตัวด้วยแง่มุมที่ลึกซึ้ง จะมองว่าตัวหนังเป็นแนวโรดทริปก็ได้ แม้ว่าตัวละครต่าง ๆ จะมีจุดหมายที่ต่างกัน แต่ปลายทางของทุกคนก็คือ 'ความตาย' เหมือนกัน และปลายทางของคนดูทุกคนก็คือความตายเช่นเดียวกันด้วย งานภาพ โลเคชั่น ดนตรีประกอบ จนไปถึงทีมนักแสดงสามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสีหน้าแววตาแสดงความกังวนกลัวตายได้ดี ทั้งหมดล้วนเป็นงานที่พิถีพิถันยอดเยี่ยม ความดีของเนื้อหาสาระจนไปถึงวิธีเล่าเรื่องที่ผู้กำกับ อิงมาร์ เบิร์กแมน ถ่ายทอดออกมาจึงสมควรและน่ายกย่องจนกาลเวลาก็ทำอะไรกับแก่นแท้ของหนังเรื่องนี้ไม่ได้...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หนังเก่าเล่าใหม่ 123: The Seventh Seal (Ingmar Bergman, 1957) รีวิวโดย Form Corleone
"พวกเราทุกคนไม่มีใครหนีพ้นความตาย" The Seventh Seal เป็นภาพยนตร์ขาว-ดำประเทศสวีเดนของผู้กำกับ อิงมาร์ เบิร์กแมน ที่สร้างชื่อเสียงและถูกพูดถึงหรือนำมาล้อเลียนอยู่เสมอ บทภาพยนตร์ดัดแปลงมาจากเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ของประเทศสวีเดนในยุค Black Death คือยุคสมัยที่มีโรคระบาดกาฬมรณะที่ทำให้คนตายมากที่สุดประมาณ 75 ถึง 100 ล้านคน หนังมีตัวละครนำหลักคืออัศวินยุคกลางที่กำลังเดินทางกลับบ้านและยมทูต (Death) ที่ใช้เกมหมากรุกมาเดิมพันต่อรองชีวิต เงื่อนไขคือถ้าอัศวินชนะได้ ยมทูตจะยอมปล่อยชีวิตไป นอกจากนี้ ยังมีตัวละครสมทบทั้งนักแสดงเร่ร่อนที่จิตใจดีงาม มองทุกสิ่งสวยงามเพ้อฝัน, องครักษ์ ที่มีนิสัยดุดันทำตามอารมณ์, ช่างตีเหล็ก ที่โง่ไม่มีสติ, หญิงที่มีแต่ความเห็นแก่ตัว แน่นอนว่า ตัวละครทุกตัวในเรื่องสะท้อนสภาวการณ์ของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยบาดแผล ความปวดร้าว ความสิ้นหวัง แต่ทุกคนในเรื่องกลับเลือกที่จะพยายามหนีจากสิ่งที่เราไม่อาจหนีพ้นไม่ว่าจะใครคนใดก็ตาม นั่นคือ 'ความตาย' ที่เป็นสิ่งแน่นอนที่สุดของการดำรงชีวิต และเป็นจุดจบของมนุษย์ทุกคน เพียงแต่ว่าจะมาเร็วหรือมาช้าเท่านั้นเอง
หนังมีความยาว 1 ชั่วโมง 36 นาที แต่เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยปรัชญาและสอดแทรกสัญลักษณ์ให้เราต้องตีความในสัญญะที่ อิงมาร์ เบิร์กแมน ต้องการบอกหรือสื่อสารไปยังคนดู ซึ่งประเด็นหลักคือ ความตาย และเป็นประเด็นที่ค่อนข้างจริงจัง ยมทูต ในเรื่องที่คอยตามติดเอาชีวิตตัวละครทุกคน จึงดูน่าหวาดกลัวและมีเล่ห์เหลี่ยมวิธีการที่จ้องจะเอาชีวิตของทุกคนไป ด้วยพล็อตเรื่องที่ลึกซึ้งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่งานสายบันเทิงดูง่าย แต่เป็นงานที่พาเราไปร่วมเดินทางและสอนใจว่า 'มนุษย์ไม่ได้ยิ่งใหญ่' เมื่อตายไปเราก็เอาอะไรไปไม่ได้ และความตายหาใช่เรื่องน่ากลัวที่จะต้องดิ้นร้นพยายามหนีหรือทำตัวออกห่าง เพราะเราทุกคนมีความตาย (ยมทูฑ) ติดตัวอยู่เสมอ ทุก ๆ ขณะที่เรามีชีวิตในวินาทีนี้ วินาทีข้างหน้าเราก็อาจไม่มีชีวิตแล้วก็ได้
ท้ายสุด The Seventh Seal จึงเป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดแง่มุมของเรื่องราวความตาย ฉายภาพให้เราเห็นมุมมองผ่านตัวละครแต่ละตัวด้วยแง่มุมที่ลึกซึ้ง จะมองว่าตัวหนังเป็นแนวโรดทริปก็ได้ แม้ว่าตัวละครต่าง ๆ จะมีจุดหมายที่ต่างกัน แต่ปลายทางของทุกคนก็คือ 'ความตาย' เหมือนกัน และปลายทางของคนดูทุกคนก็คือความตายเช่นเดียวกันด้วย งานภาพ โลเคชั่น ดนตรีประกอบ จนไปถึงทีมนักแสดงสามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสีหน้าแววตาแสดงความกังวนกลัวตายได้ดี ทั้งหมดล้วนเป็นงานที่พิถีพิถันยอดเยี่ยม ความดีของเนื้อหาสาระจนไปถึงวิธีเล่าเรื่องที่ผู้กำกับ อิงมาร์ เบิร์กแมน ถ่ายทอดออกมาจึงสมควรและน่ายกย่องจนกาลเวลาก็ทำอะไรกับแก่นแท้ของหนังเรื่องนี้ไม่ได้...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/