กังฟูที่เห็นในหนังจีน มันใช้ต่อสู้ได้จริงเหรอครับ

มันดูสวยงาม เป็นจังหวะลงตัว แต่ในชีวิตจริงไม่น่าจะใช้ได้ หรือกังฟูแบบในหนังมันเป็นแค่ท่าทางการออกกำลังกาย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ใช้ได้ครับ เพียงแต่เวลารบจริง เขาไม่ได้มาออกท่าสวยๆแบบตอนแสดง ก็เท่านั้น

ก็เหมือนมวยไทย เวลาใช้ตอนรบเต็มที่ก็เตะ,ศอก,ชก  คงไม่มีเวลาให้ออกท่าสวยๆประเภท บิดงวงไอยรา, พระรามข้ามสมุทรหรอกครับ
ความคิดเห็นที่ 7
ด้วยความที่ผมฝึก มวยสายต่อสู้ทำลาย ผมยืนยันว่ามวยจีนจริงๆ สามารถใช้สู้จริง มีผลร้ายกาจไม่ต่างกับมวยไทยครับ

แต่ด้วยกฏหมายสมัยใหม่ ทำให้มวยจีนแบบดั้งเดิมหดหายไป หรือถึงมีอยู่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นด้วยทฤษฏี ครับ เพราะมวยดั้งเดิมที่ใช้ เป็นมวยสังหาร

ประเภทหักคือ หักกระดูกแขน ขา
-----------------------
โดยประสพการณ์ของคนฝึกวิชา ผมจะบอกว่าไม่มีมวยชนิดไหนเก่งที่สุด มันอยู่ที่ว่าใครซ้อมและใช้งานได้ดีที่สุดไหวพริบปฏิภาณใครดีสุด

การออกหมัดของทุกวิชาล้วนแล้วแต่รวดเร็วว่องไว การเตะของมวยไทยก็รวดเร็วว่องไว
เอามวยจีนที่ไม่เคยสู้ไปเจอมวยไทย ยังไงมวยจีนก็ตาย

เอามวยไทยต่อยโชว์ไปเจอมวยจีนแบบหักกระดูกมวยไทยก็ตายได้ครับ

ผมแค่ยืนยันลักษณะวิชาการต่อสู้นะครับไม่ได้ออกมาบอกว่าใครเก่ง
ย้ำแล้วว่าไม่ฝึกไม่สู้จริง ก็สู้ใครไม่ได้หรอก

สมัยนี้เก่งจริงๆ เจอรุมก็นอน ไม้ฟาดก็กะโหลกร้าว
ความคิดเห็นที่ 4
ลองดูข่าวนี้


สวี เสี่ยวตง (Xu Xiaodong) ชายผู้ถูกรัฐบาลจีนตราหน้าว่าเป็นผู้ทำลายชาติ หลังจากตระเวนเปิดโปงการต่อสู้ทุกแขนงและทุกสำนักว่าหลอกหลวงชาวโลก จนล่าสุดเจ้าตัวต้องการที่จะย้ายไปเป็นพลเมืองของออสเตรเลีย เนื่องจากถูกบีบทุกวิถีทางจนไร้จุดยืน

หนุ่มจีนรายนี้มีฉายาว่า “Mad Dog” (ไอ้หมาบ้า) ช่ำชองการต่อสู้แบบ MMA หรือศิลปะการต่อสู้แบบผสม (Mixed Martial Arts) กระนั้นก็ตาม 2 ปีที่ผ่านมาเจ้าตัวสร้างความไม่พอใจให้ทางการจีนรวมถึงคนในประเทศ เพราะแฉให้ชาวโลกทราบว่ากังฟูของจีนนั้นเป็นของปลอมด้วยการไล่กำราบคนที่ตั้งตนเป็นปรมาจารย์วิชาแขนงต่างๆ จนล้มลุกคลุกคลาน

ทำให้ทางการจีนขึ้นบัญชีดำเล่นงาน สวี เสี่ยวตง ทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นลบข้อมูลทุกอย่างออกจากการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ต ถูกตีค่าทางสังคมต่ำมากจนมีครั้งหนึ่งถูกบีบให้นั่งรถไฟ 36 ชั่วโมงจากปักกิ่งเพื่อไปต่อสู้ โดยถูกจำกัดในการเดินทางไม่สามารถนั่งเครื่องบิน, รถไฟแบบนอน หรือรถไฟความเร็วสูง

ดังนั้น การที่ สวี เสี่ยวตง จะขึ้นเวทีต่อสู้แต่ละครั้งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะว่าถูกกลั้นแกล้งจากทางการจีน โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ขึ้นไปต่อสู้ทว่าการถ่ายทอดสดนั้นถูกเซ็นเซอร์และบางครั้งเจ้าตัวต้องปลอมตัวทาหน้าให้เป็นสีดำเพื่อเอาใจโปรโมเตอร์ในการโปรโมตการต่อสู้ ทำให้ในที่สุดอดรนทนไม่ไหวต้องออกมาเปิดศึกกับประเทศของตนเองและอยากย้ายไปออสเตรเลียหรือไม่ก็แคนาดา

สวี เสี่ยวตง อ้างว่าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดนั้นคือการแสดงออกซึ่งความรักที่มีต่อประเทศชาติจีนอย่างแท้จริง โดยจะทำให้เห็นว่าการต่อสู้แบบกังฟูนั้นเป็นตำนานที่โกหก ส่วนการจะย้ายไปต่างประเทศนั้นก็มองว่าน่าจะตามรอยนักแสดงหลายคนอย่าง เฉิน หลง ที่ไม่จำเป็นต้องถือพาสปอร์ตจีนก็ได้

“กังฟู หรือวูซู รวมถึงแบบต้นตำรับของจีนอย่างไทเก๊ก ทั้งหมดนี้คือปรัญาและสื่อสังคมที่สืบทอดต่อๆ กันมา เหล่านี้ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นจีนต้องปฏิรูปหากอยากพัฒนา เพราะว่าประเทศล่าช้าในเรื่องนี้มาเป็นเวลา 40 ปี ทำให้ไปขึ้นเวทีเจอกับต่างชาติก็สู้ใครไม่ได้หรอก” สวี เสี่ยวตง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา

มีอยู่ครั้งหนึ่ง สวี เสี่ยงตง ถูกศาลจีนสั่งให้จ่ายเงิน 400,000 หยวน หรือ 58,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) คือค่าปรับและต้องขอโทษต่อสาธารณชนบนสื่อสังคมออนไลน์ 7 วันติดต่อกัน หลังจากไปดูหมิ่น เฉิน เสี่ยววั่ง (Chen Xiaowang) อาจารย์ไท้เก๊กผู้โด่งดังที่เกิดเมื่อปี 1945 ปัจจุบันวัย 73 ปีแล้ว ถือเป็นความผิดฐานทำให้เครดิตทางสังคมของอีกฝ่ายนั้นลดต่ำลง

https://mgronline.com/sport/detail/9620000070364



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


MMA fighter on a mission to expose 'fake' kung fu
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ท้ายคลิปมีบอกว่านัก MMA จีน ไม่จำเป็นต้องเรียนศิลปะการต่อสู้ของจีน (ซึ่งหมายถึงกังฟู ไทเก็ก อะไรพวกนั้น)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่