ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ซึ่งมีมูลค่าโครงการทั้งหมด 5.54 หมื่นล้านบาท ว่า กนอ.ได้ทำร่างสัญญา โดยได้ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจแล้ว และได้นำเข้าคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ซึ่งก่อนการนำเข้า กพอ. จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม, สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้ข้อคิดเห็นเพื่อปรับปรุงให้ร่างสัญญาครอบคลุมในรายละเอียดมากขึ้น
“ขณะนี้ได้มีการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว แต่ยังเหลือการรับฟังความคิดเห็นครั้งสุดท้าย คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในช่วงปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายน 2562 หลังจากนั้นจะนำเสนอข้อคิดเห็นดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อให้ครม.อนุมัติโครงการฯ ก่อนที่จะมีการลงนามสัญญาภายในเดือนกันยายนต่อไป”
ส่วนในเรื่องของความกังวลว่าจะมีผู้คัดค้านระหว่างการรับฟังความคิดเห็นนั้น ทาง กนอ.มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา เนื่องจากมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นแล้ว 3 ครั้ง พร้อมมีการอธิบายให้ประชาชนในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบว่าตอนนี้มีมาตรการที่จะลดผลกระทบ และชี้แจ้งถึงผลประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่จะได้รับ เช่น รายได้จากการทำธุรกิจ เศรษฐกิจในพื้นทีจะฟื้นตัวดีขึ้น เป็นต้น
นอกจากนี้ การรับฟังที่ผ่านมาบางหน่วยงาน อาทิ กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอความคิดเห็นเรื่องของลิขสิทธิ์ บางหน่วยงานให้ความคิดเห็นว่าหากมีการฟ้องร้องกันในอนาคต จะอนุญาตให้เฉพาะบริษัทคู่สัญญามีสิทธิ์ฟ้องร้องรัฐได้เท่านั้น แต่ไม่อนุญาตให้บริษัทที่ร่วมทุนกับคู่สัญญาฟ้องร้องกับทางภาครัฐได้
ส่วนในเรื่องของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตก๊าซ แอลเอ็นจี (ชิปเปอร์) โดยก่อนหน้านี้ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้น (พีคิว) ในส่วนของกนอ.ขณะนี้ อยู่ระหว่างการนัดประชุมคณะกรรมการคัดเลือก และจะเชิญภาคเอกชนเข้ามารับฟัง เพื่อแจ้งมติต่อกพอ. และความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“เบื้องต้นทางการแบ่งสัดส่วนหรือผลประโยชน์ให้กับรัฐของภาคเอกชนนั้น ต้องรอความชัดเจนในเรื่องของรายละเอียด คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายใน 2 สัปดาห์ หรือในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ เพราะบางบริษัทฯ ต้องรอให้ผู้บริหารที่มีอำนาจในการตัดสินใจ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติก่อนถึงจะสรุปได้ แต่ในเรื่องของรายได้ที่รัฐได้ไปรับอาจจะมีการกำหนดราคาไว้แล้ว และหากในอนาคตราคาก๊าซมีความเปลี่ยนแปลง ส่วนนี้เป็นความเสี่ยงที่เอกชนต้องรับไม่เกี่ยวกับ กนอ. เพราะได้ระบุไว้ในร่างสัญญาชัดเจนแล้ว”
ที่มา : มติชนออนไลน์
EEC - เล็งดันมาบตาพุดเฟส 3 เข้าครม. เดือน ส.ค. นี้
“ขณะนี้ได้มีการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว แต่ยังเหลือการรับฟังความคิดเห็นครั้งสุดท้าย คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในช่วงปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายน 2562 หลังจากนั้นจะนำเสนอข้อคิดเห็นดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อให้ครม.อนุมัติโครงการฯ ก่อนที่จะมีการลงนามสัญญาภายในเดือนกันยายนต่อไป”
ส่วนในเรื่องของความกังวลว่าจะมีผู้คัดค้านระหว่างการรับฟังความคิดเห็นนั้น ทาง กนอ.มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา เนื่องจากมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นแล้ว 3 ครั้ง พร้อมมีการอธิบายให้ประชาชนในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบว่าตอนนี้มีมาตรการที่จะลดผลกระทบ และชี้แจ้งถึงผลประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่จะได้รับ เช่น รายได้จากการทำธุรกิจ เศรษฐกิจในพื้นทีจะฟื้นตัวดีขึ้น เป็นต้น
นอกจากนี้ การรับฟังที่ผ่านมาบางหน่วยงาน อาทิ กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอความคิดเห็นเรื่องของลิขสิทธิ์ บางหน่วยงานให้ความคิดเห็นว่าหากมีการฟ้องร้องกันในอนาคต จะอนุญาตให้เฉพาะบริษัทคู่สัญญามีสิทธิ์ฟ้องร้องรัฐได้เท่านั้น แต่ไม่อนุญาตให้บริษัทที่ร่วมทุนกับคู่สัญญาฟ้องร้องกับทางภาครัฐได้
ส่วนในเรื่องของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตก๊าซ แอลเอ็นจี (ชิปเปอร์) โดยก่อนหน้านี้ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้น (พีคิว) ในส่วนของกนอ.ขณะนี้ อยู่ระหว่างการนัดประชุมคณะกรรมการคัดเลือก และจะเชิญภาคเอกชนเข้ามารับฟัง เพื่อแจ้งมติต่อกพอ. และความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“เบื้องต้นทางการแบ่งสัดส่วนหรือผลประโยชน์ให้กับรัฐของภาคเอกชนนั้น ต้องรอความชัดเจนในเรื่องของรายละเอียด คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายใน 2 สัปดาห์ หรือในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ เพราะบางบริษัทฯ ต้องรอให้ผู้บริหารที่มีอำนาจในการตัดสินใจ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติก่อนถึงจะสรุปได้ แต่ในเรื่องของรายได้ที่รัฐได้ไปรับอาจจะมีการกำหนดราคาไว้แล้ว และหากในอนาคตราคาก๊าซมีความเปลี่ยนแปลง ส่วนนี้เป็นความเสี่ยงที่เอกชนต้องรับไม่เกี่ยวกับ กนอ. เพราะได้ระบุไว้ในร่างสัญญาชัดเจนแล้ว”
ที่มา : มติชนออนไลน์