ฮัลลลโหลลล สวัสดีค่ะ นี้เป็นกระทู้แรกของเราหลังจากที่ลังเลอยู่นานว่าจะเขียนหรือไม่เขียนดี55 ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนนะคะว่าอาจจะเขียนได้ไม่ดี อาจจะยังสับสนไปบ้าง แต่เราอยากเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำที่ดี 5 year Annivesary ของเรากับแฟน มีโอกาสได้ชวนกันไปเที่ยว เเลยตัดสินใจไปโอซาก้ากันค่ะ มาดูกันเลยว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
เริ่มต้นกันเลย
Day 1
สำหรับทริปนี้เราเดินทางกับ Air asia X นะคะ บินตรง คันไซ โอซาก้า ใช้เวลาประมาน 5 ชั่วโมงกว่าโดยประมาน เรามาเช็คอินที่ดอนเมือง 4 ทุ่มขึ้นเครื่อง 0.55 สำหรับใครที่จะเดินทางอยากให้เผื่อเวลานิดนึง เนื่องจากแถวเช็คอินโหลดกระเป๋ายาวมากกกกกก ใช้เวลา1ชั่วโมงครึ่งเราก็ได้ Borading Pass มาเป็นที่เรียบร้อย เหลือเวลานิดหน่อยเราเลยถ่ายรูป หาอะไรทาน และเดินเล่นดิวตี้ฟรีนิดนึงก่อนขึ้นเครื่อง
แฟนเจ้าของกระทู้เอง555 ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกนิดนึง เนื่องจากเป็นการเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของเราสองคน
และแล้วเราสองคนก็เดินทางมา ถึงแล้วจ้าโอซาก้า สำหรับคนไทยที่จะท่องเที่ยวในโอซาก้าได้รับเว้นวีซ่าซึ่งสามารถอยู่ในประเทศได้ 15 วัน ถึงจุดนี้ขอพูดถึง ด่านตรวจคนเข้าเมืองนิดนึงนะคะอยากให้ทุกคนเตรียมความพร้อมในการตอบคำถามเจ้าหน้าที่เพราะอาจจะเจอแจ็คพอตแบบเราสองคนได้5555 แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สำหรับคนไหนที่ไม่ได้ถามเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยเข้าเลย ไม่พูดด้วยสักคำ แต่สำหรับเราสองคนสงสัยเจ้าหน้าที่อยากคุยด้วยเลยคุยนานนิดนึงแต่ถ้าเราเตรียมความพร้อมก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ส่วนมากก็จะถามว่าเรามาทำไม มากี่คน พักที่ไหน จะไปที่ไหนบ้าง ถือว่าเป็นสีสันในการท่องเที่ยวของเรา
ถึงแล้วขอถ่ายภาพไว้นิดนึง เราบินไฟล์ดึกถึงเช้า เราเลยเลือกที่จะล้างหน้าแปรงฟันที่สนามบิน เนื่องจากเรามากับทัวร์ก็เตรียมตัวท่องเที่ยวเลยจ้าาา
สำหรับสถานที่แรกที่เราจะไปกันนะคะเราจะเดินทางไปเกียวโตกันค้าาา สำหรับอากาศที่นี้นะคะเราไปช่วงหน้าร้อนแต่อากาศที่นี้ถือว่าดีพอสมควรวันที่เราไปอยู่ที่ 22 องศาเลยได้ชิวๆเลย ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย
-วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera) หรือที่เราๆรู้จักกันในชื่อ วัดน้ำใส นับเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เนื่องจากการที่วัดมีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามชวนตะลึงจนยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) เลย
ตั๋วสำหรับเข้าเยี่ยมชมวัด
บริเวณด้านหน้า
ทางเดินขึ้นวัดน้ำใส คนเยอะมาก งานนี้มีเหนื่อย
ที่นี้เราจะเห็นนักท่องเที่ยวได้สวมชุดยูกาตะมาท่องเที่ยวซึ่งก็ถือว่าน่ารักไปอีกแบบ
มนุษย์แฟนนางชอบเสี่ยงเซียมซี แต่เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า เราอยู่ที่ญี่ปุ่น อ่านใบเซียมซีไม่ออกเลยจ้าาาา ภาษาอังกฤษก็ไม่มี 5555
วันที่เราไปคนเยอะมากกกกกกกกกก เลยพยายามหามุมที่ถ่ายภาพมาแล้วไม่ติดคนเยอะ แต่เราทำได้เท่านี้จริงๆ สุดความสามารถของเราแล้ว55
เสร็จจากการไปวัดเราก็มาทัวร์เมืองเกียวโตหาอะไรทานกันสักหน่อย
ท่านใดที่มีโอกาสมาเที่ยวที่นี้ต้องมาทานไอศครีมซึ่งขอบอกอร่อยมาก ซอฟครีมนุ่มมาก เจ้าของกระทู้พยายามหาร้านที่มีซอฟครีมนุ่มแบบนี้ในไทยแล้วแต่ยังหาไม่เจอท่านใดมีร้านแนะนำก็ช่วยบอกต่อด้วยนะคะ
บ้านเรือนของเกียวโตยังคงมีเอกลักษณ์ของเมืองหลวงเก่าอยู่ซึ่งทำให้เรารู้สึกได้กลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นไปอีก
-หลังจากที่เราแวะหาของทานเล่นและเดินชมเมืองเกียวโตเสร็จแล้วนั้น สถานที่ต่อมาที่ิเราจะเดินทางไปคือ ศาลเจ้า Fushimi Inari Taisha หรือศาลเจ้าเสาแดงหมื่นต้นนั้นเอง ศาลเจ้ามีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะเห็นรูปปั้นจิ้งจอกอยู่จำนวนมากภายในศาลเจ้านั่นเอง
ที่ศาลเจ้าก็จะเต็มไปด้วยเสาแดงดูสวยงาม
เนื่องจากคนเยอะมากทำให้เจ้าของกระทู้ได้แต่รีบเดินและรีบมานั่งรอที่ด่านล่างทำให้ได้รูปมาเพียงเท่านี้555 สำหรับท่านใดที่ชอบการเดินก็อยากให้ลองเดินไปจนสุดทางนะคะเพราะบรรยากาศสวยมากแต่เราไม่ไหวววววววว ขอพักก่อนละกัน
-สุดท้ายสำหรับวันนี้ เราจะทานข้าวกันแถวๆเกียวโตสกายนะคะ ซึ่งจะมีห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆให้เราเลือกเยอะแยะเลยค่ะ
ปิดท้ายวันแรกที่เกียวโต หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปที่โรงแรม ซึ้งโรงแรมที่เราพักอยู่ที่โอซาก้า เราก็จะนั่งรถกลับไปที่โอซาก้าซึ่งจะใช้เวลาประมาน 1 ชั่วโมงก็เดินทางมาถึงที่โอซาก้าสำหรับทริปนี้เราพักที่ Bande Hotel Osaka เป็นโรงแรมที่โอเคพอสมควร การบริการดี สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ยืมภาพจาก เน็ต นะคะ เพราะเราเหนื่อยพอถึงโรงแรม เราสลบเลย
Day 2
วันที่สองกับการอยู่ที่โอซาก้าของเรา วันนี้เป็นฟรีเดย์นะคะเราเลยหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวจากรีวิวต่าง ๆ เราเลือกเดินทางโดยรถไฟนะคะ เราใช้ตั๋วแบบรอบต่อรอบเพราะเราฟรีเดย์แค่วันเดียวเลยคิดว่าแบบนี้น่าจะโอเคกว่า มาดูกันค่ะว่าเราจะหลงหรือเราจะได้ไปต่อ ไปเลยยยยยยยย
-ศาลเจ้า
Sumiyoshi Taisha
สำหรับการเดินทางของเรา เราเลือกเดินทางจากที่พักซึ่งอยู่ใกล้สถานี tamede ไปลงที่สถานี Shin-Imamiya และเดินทางต่อด้วย Hankai Tramway รถรางสายเดียวของโอซาก้า เราอยากได้ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างเลยเลือกที่จะเดินทางสองรูปแบบ แต่ถ้าท่านไหนเลือกเดินทางด้วยรถไฟอย่างเดียวก็สามารถเดินทางด้วย Namba ด้วยรถไฟสาย Nankai (ปลายทางไป Wakayamashi) มาลงที่สถานี Sumiyoshitaishaใช้เวลาเดินทางเพียง 10 นาที
เท่านั้น
พร้อมแล้ว สำหรับการซื้อตั๋วรถไฟ ซื้อไม่ยากค่ะ เราเลือกสถานีที่เราจะลงแล้วดูราคาค่าโดยสาร เราก็เลือกราคาแล้วก็กดจำนวนผู้โดยสารเพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย ซึ่งการขึ้นรถไฟก็เหมือน BTS บ้านเรา สอดบัตรเข้าไป รับบัตรคืน ขาออกไม่ต้องรับ
ถ่ายภาพไว้หน่อย เผื่อขากลับขาทางไปโรงแรมไม่เจอ (และก็ไม่เจอจริงๆต้องกลับมาเปิดรูปนี้ดูเพื่อหาทางลงไปที่โรงแรม)
สถานีรถราง เรามารอรถกันที่นี้
รถรางที่นี้น่ารักดีค่ะ เราเลยขอถ่ายภาพไว้นิดนึง ใช้เวลาเดินทางไม่นานเราก็มาถึงแล้ว ศาลเจ้า
Sumiyoshi Taisha
จากที่สังเกตทุกวัดหรือศาลเจ้า จะให้เราล้างมือเหมือนการชำระล้างร่างกายก่อนที่เราจะเข้าไป
สะพานแดง ซึ่งเป็นจุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ ใครไม่มาไม่ภาพตรงนี้เหมือนมาไม่ถึง เขาบอกมาแบบนี้5555
หลังจากที่เราเต็มอิ่มกับการเดินทางไป ศาลเจ้า Sumiyoshi Taisha เราก็เดินทางกลับไปที่ Shin-Imamiya ด้วยรถรางเหมือนเดิม เราจะแวะทานข้าวเที่ยงแถวสถานี Shin-Imamiya เนื่องจากเราเห็นว่ามีร้านดองกี้อยู่ และมีร้านราเมงอยู่ด้านล่างเที่ยงนี้เราเลยขอฝากท้องไว้กับราเมง แล้วก็ถึงเวลาช็อปของเราแล้ว
เราเลือกที่จะทานอาหารเที่ยงที่นี้แล้วก็ซื้อของนิดหน่อยเพราะเรามีโปรแกรมไปช้อปต่อที่ ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ตั้งอยู่ใกล้กับนัมบะและโดทงโบริ จุดท่องเที่ยวยอดนิยมในโอซาก้า ที่นี่มี ย่านร้านค้า ชินไซบาชิซุจิ (Shinsaibashsuji Shotengai) แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของโอซาก้าด้วย
มาถึงแล้ว ถ่ายภาพเหมือนเดิมกันหลง555
ที่นี้คนเยอะมาก เดินเบียดมากมีร้านค้าให้เราเลือกช้อปได้จุใจกันเลยทีเดียว ที่นี้เป็นแหล่งละลายทรัพย์ชั้นเยี่ยมเลย สำหรับเจ้าของกระทู้เดินช้อปที่นี้ ตั้งแต่ 14.00 น- 19.00น เรียกได้ว่าเดินขาลากกันเลยทีเดียว เนื่องจากคนเยอะมากและมัวแต่ช้อปจนเพลินทำให้ได้รูปมาเล็กน้อย และขอจบการเดินทางวันที่สองของเราที่นี้เลย ระหว่างเดินทางกลับที่พักเกิดการหลงทางนิดหน่อย แต่ก็เอาตัวรอดกลับถึงโรงแรมจนได้ 5555 สู้กันต่อไป ปล.ถุงใหญ่ๆนั้นคือของที่เราสองคนช้อปกันไปวันนี้ค่ะคุณณณณ
Day 3 วันสุดท้ายแล้วที่โอซาก้า
สำหรับวันนี้เราจะไปปราสาทโอซาก้า ชินไซบาชิ ริงกุเอ้าท์เลท
ถึงแล้วปราสาทโอซาก้า นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปบนตัวปราสาทได้นะคะแต่เจ้าของกระทู้เหนื่อย555เลยเลือกที่จะเดินดูรอบๆตัวปราสาทดีกว่า
[CR] ฮัลโหลโอซาก้า
เริ่มต้นกันเลย
Day 1
สำหรับทริปนี้เราเดินทางกับ Air asia X นะคะ บินตรง คันไซ โอซาก้า ใช้เวลาประมาน 5 ชั่วโมงกว่าโดยประมาน เรามาเช็คอินที่ดอนเมือง 4 ทุ่มขึ้นเครื่อง 0.55 สำหรับใครที่จะเดินทางอยากให้เผื่อเวลานิดนึง เนื่องจากแถวเช็คอินโหลดกระเป๋ายาวมากกกกกก ใช้เวลา1ชั่วโมงครึ่งเราก็ได้ Borading Pass มาเป็นที่เรียบร้อย เหลือเวลานิดหน่อยเราเลยถ่ายรูป หาอะไรทาน และเดินเล่นดิวตี้ฟรีนิดนึงก่อนขึ้นเครื่อง
แฟนเจ้าของกระทู้เอง555 ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกนิดนึง เนื่องจากเป็นการเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของเราสองคน
และแล้วเราสองคนก็เดินทางมา ถึงแล้วจ้าโอซาก้า สำหรับคนไทยที่จะท่องเที่ยวในโอซาก้าได้รับเว้นวีซ่าซึ่งสามารถอยู่ในประเทศได้ 15 วัน ถึงจุดนี้ขอพูดถึง ด่านตรวจคนเข้าเมืองนิดนึงนะคะอยากให้ทุกคนเตรียมความพร้อมในการตอบคำถามเจ้าหน้าที่เพราะอาจจะเจอแจ็คพอตแบบเราสองคนได้5555 แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สำหรับคนไหนที่ไม่ได้ถามเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยเข้าเลย ไม่พูดด้วยสักคำ แต่สำหรับเราสองคนสงสัยเจ้าหน้าที่อยากคุยด้วยเลยคุยนานนิดนึงแต่ถ้าเราเตรียมความพร้อมก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ส่วนมากก็จะถามว่าเรามาทำไม มากี่คน พักที่ไหน จะไปที่ไหนบ้าง ถือว่าเป็นสีสันในการท่องเที่ยวของเรา
ถึงแล้วขอถ่ายภาพไว้นิดนึง เราบินไฟล์ดึกถึงเช้า เราเลยเลือกที่จะล้างหน้าแปรงฟันที่สนามบิน เนื่องจากเรามากับทัวร์ก็เตรียมตัวท่องเที่ยวเลยจ้าาา
สำหรับสถานที่แรกที่เราจะไปกันนะคะเราจะเดินทางไปเกียวโตกันค้าาา สำหรับอากาศที่นี้นะคะเราไปช่วงหน้าร้อนแต่อากาศที่นี้ถือว่าดีพอสมควรวันที่เราไปอยู่ที่ 22 องศาเลยได้ชิวๆเลย ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย
-วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera) หรือที่เราๆรู้จักกันในชื่อ วัดน้ำใส นับเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เนื่องจากการที่วัดมีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามชวนตะลึงจนยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) เลย
ตั๋วสำหรับเข้าเยี่ยมชมวัด
บริเวณด้านหน้า
ทางเดินขึ้นวัดน้ำใส คนเยอะมาก งานนี้มีเหนื่อย
ที่นี้เราจะเห็นนักท่องเที่ยวได้สวมชุดยูกาตะมาท่องเที่ยวซึ่งก็ถือว่าน่ารักไปอีกแบบ
มนุษย์แฟนนางชอบเสี่ยงเซียมซี แต่เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า เราอยู่ที่ญี่ปุ่น อ่านใบเซียมซีไม่ออกเลยจ้าาาา ภาษาอังกฤษก็ไม่มี 5555
วันที่เราไปคนเยอะมากกกกกกกกกก เลยพยายามหามุมที่ถ่ายภาพมาแล้วไม่ติดคนเยอะ แต่เราทำได้เท่านี้จริงๆ สุดความสามารถของเราแล้ว55
เสร็จจากการไปวัดเราก็มาทัวร์เมืองเกียวโตหาอะไรทานกันสักหน่อย
ท่านใดที่มีโอกาสมาเที่ยวที่นี้ต้องมาทานไอศครีมซึ่งขอบอกอร่อยมาก ซอฟครีมนุ่มมาก เจ้าของกระทู้พยายามหาร้านที่มีซอฟครีมนุ่มแบบนี้ในไทยแล้วแต่ยังหาไม่เจอท่านใดมีร้านแนะนำก็ช่วยบอกต่อด้วยนะคะ
บ้านเรือนของเกียวโตยังคงมีเอกลักษณ์ของเมืองหลวงเก่าอยู่ซึ่งทำให้เรารู้สึกได้กลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นไปอีก
-หลังจากที่เราแวะหาของทานเล่นและเดินชมเมืองเกียวโตเสร็จแล้วนั้น สถานที่ต่อมาที่ิเราจะเดินทางไปคือ ศาลเจ้า Fushimi Inari Taisha หรือศาลเจ้าเสาแดงหมื่นต้นนั้นเอง ศาลเจ้ามีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะเห็นรูปปั้นจิ้งจอกอยู่จำนวนมากภายในศาลเจ้านั่นเอง
ที่ศาลเจ้าก็จะเต็มไปด้วยเสาแดงดูสวยงาม
เนื่องจากคนเยอะมากทำให้เจ้าของกระทู้ได้แต่รีบเดินและรีบมานั่งรอที่ด่านล่างทำให้ได้รูปมาเพียงเท่านี้555 สำหรับท่านใดที่ชอบการเดินก็อยากให้ลองเดินไปจนสุดทางนะคะเพราะบรรยากาศสวยมากแต่เราไม่ไหวววววววว ขอพักก่อนละกัน
-สุดท้ายสำหรับวันนี้ เราจะทานข้าวกันแถวๆเกียวโตสกายนะคะ ซึ่งจะมีห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆให้เราเลือกเยอะแยะเลยค่ะ
ปิดท้ายวันแรกที่เกียวโต หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปที่โรงแรม ซึ้งโรงแรมที่เราพักอยู่ที่โอซาก้า เราก็จะนั่งรถกลับไปที่โอซาก้าซึ่งจะใช้เวลาประมาน 1 ชั่วโมงก็เดินทางมาถึงที่โอซาก้าสำหรับทริปนี้เราพักที่ Bande Hotel Osaka เป็นโรงแรมที่โอเคพอสมควร การบริการดี สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ยืมภาพจาก เน็ต นะคะ เพราะเราเหนื่อยพอถึงโรงแรม เราสลบเลย
Day 2
วันที่สองกับการอยู่ที่โอซาก้าของเรา วันนี้เป็นฟรีเดย์นะคะเราเลยหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวจากรีวิวต่าง ๆ เราเลือกเดินทางโดยรถไฟนะคะ เราใช้ตั๋วแบบรอบต่อรอบเพราะเราฟรีเดย์แค่วันเดียวเลยคิดว่าแบบนี้น่าจะโอเคกว่า มาดูกันค่ะว่าเราจะหลงหรือเราจะได้ไปต่อ ไปเลยยยยยยยย
-ศาลเจ้า Sumiyoshi Taisha
สำหรับการเดินทางของเรา เราเลือกเดินทางจากที่พักซึ่งอยู่ใกล้สถานี tamede ไปลงที่สถานี Shin-Imamiya และเดินทางต่อด้วย Hankai Tramway รถรางสายเดียวของโอซาก้า เราอยากได้ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างเลยเลือกที่จะเดินทางสองรูปแบบ แต่ถ้าท่านไหนเลือกเดินทางด้วยรถไฟอย่างเดียวก็สามารถเดินทางด้วย Namba ด้วยรถไฟสาย Nankai (ปลายทางไป Wakayamashi) มาลงที่สถานี Sumiyoshitaishaใช้เวลาเดินทางเพียง 10 นาที
เท่านั้น
พร้อมแล้ว สำหรับการซื้อตั๋วรถไฟ ซื้อไม่ยากค่ะ เราเลือกสถานีที่เราจะลงแล้วดูราคาค่าโดยสาร เราก็เลือกราคาแล้วก็กดจำนวนผู้โดยสารเพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย ซึ่งการขึ้นรถไฟก็เหมือน BTS บ้านเรา สอดบัตรเข้าไป รับบัตรคืน ขาออกไม่ต้องรับ
ถ่ายภาพไว้หน่อย เผื่อขากลับขาทางไปโรงแรมไม่เจอ (และก็ไม่เจอจริงๆต้องกลับมาเปิดรูปนี้ดูเพื่อหาทางลงไปที่โรงแรม)
สถานีรถราง เรามารอรถกันที่นี้
รถรางที่นี้น่ารักดีค่ะ เราเลยขอถ่ายภาพไว้นิดนึง ใช้เวลาเดินทางไม่นานเราก็มาถึงแล้ว ศาลเจ้า Sumiyoshi Taisha
จากที่สังเกตทุกวัดหรือศาลเจ้า จะให้เราล้างมือเหมือนการชำระล้างร่างกายก่อนที่เราจะเข้าไป
สะพานแดง ซึ่งเป็นจุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ ใครไม่มาไม่ภาพตรงนี้เหมือนมาไม่ถึง เขาบอกมาแบบนี้5555
หลังจากที่เราเต็มอิ่มกับการเดินทางไป ศาลเจ้า Sumiyoshi Taisha เราก็เดินทางกลับไปที่ Shin-Imamiya ด้วยรถรางเหมือนเดิม เราจะแวะทานข้าวเที่ยงแถวสถานี Shin-Imamiya เนื่องจากเราเห็นว่ามีร้านดองกี้อยู่ และมีร้านราเมงอยู่ด้านล่างเที่ยงนี้เราเลยขอฝากท้องไว้กับราเมง แล้วก็ถึงเวลาช็อปของเราแล้ว
เราเลือกที่จะทานอาหารเที่ยงที่นี้แล้วก็ซื้อของนิดหน่อยเพราะเรามีโปรแกรมไปช้อปต่อที่ ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ตั้งอยู่ใกล้กับนัมบะและโดทงโบริ จุดท่องเที่ยวยอดนิยมในโอซาก้า ที่นี่มี ย่านร้านค้า ชินไซบาชิซุจิ (Shinsaibashsuji Shotengai) แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของโอซาก้าด้วย
มาถึงแล้ว ถ่ายภาพเหมือนเดิมกันหลง555
ที่นี้คนเยอะมาก เดินเบียดมากมีร้านค้าให้เราเลือกช้อปได้จุใจกันเลยทีเดียว ที่นี้เป็นแหล่งละลายทรัพย์ชั้นเยี่ยมเลย สำหรับเจ้าของกระทู้เดินช้อปที่นี้ ตั้งแต่ 14.00 น- 19.00น เรียกได้ว่าเดินขาลากกันเลยทีเดียว เนื่องจากคนเยอะมากและมัวแต่ช้อปจนเพลินทำให้ได้รูปมาเล็กน้อย และขอจบการเดินทางวันที่สองของเราที่นี้เลย ระหว่างเดินทางกลับที่พักเกิดการหลงทางนิดหน่อย แต่ก็เอาตัวรอดกลับถึงโรงแรมจนได้ 5555 สู้กันต่อไป ปล.ถุงใหญ่ๆนั้นคือของที่เราสองคนช้อปกันไปวันนี้ค่ะคุณณณณ
Day 3 วันสุดท้ายแล้วที่โอซาก้า
สำหรับวันนี้เราจะไปปราสาทโอซาก้า ชินไซบาชิ ริงกุเอ้าท์เลท
ถึงแล้วปราสาทโอซาก้า นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปบนตัวปราสาทได้นะคะแต่เจ้าของกระทู้เหนื่อย555เลยเลือกที่จะเดินดูรอบๆตัวปราสาทดีกว่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้