พระพุทธเจ้ายังมีวิญญาณอยู่ไหม?
วิญญาณ แปลว่า
เป็นรูปลักษณ์แสดงออกให้ฝ่ายตรงข้ามให้รับรู้ว่าเป็นอะไร
ฉะนั้นวิญญาณพระพุทธเจ้ายังมีอยู่ไหมนั้น ก็คือ เวลานี้เราสามารถจำภาพของพระพุทธเจ้าได้ หรือต้นไม้นี่มีวิญญาณ ถึงแม้ต้นไม้นี้จะตายไปแล้วก็ตาม แต่ก็มีวิญญาณ
เพราะมีรูปลักษณ์อยู่ในสมองของเรา เขาเรียกว่า วิญญาณ
จิต คือ
ธรรมชาติรู้อารมณ์ ได้รับอารมณ์อยู่เสมอ
จิตพุทธะ คือ
จิตที่รับรู้ถึงความจริงแห่งธรรมชาติ เห็นทั้งมิจฉา (สิ่งที่ไม่ถูกต้อง) และสัมมา (สิ่งที่ถูกต้อง) เห็นทั้งหมด เห็นถึงวิถีความจริงแห่งธรรมชาติ ทั้งหมดของธรรมชาติ ในธรรมชาติก็จะแบ่งเป็นสายมิจฉา สายลบ (-) สายดำ สายสัมมา สายบวก (+) สายขาว และสายกลางๆ ไม่ดำไม่ขาว แล้วก็จะแบ่งไปเรื่อยๆ จิตพุทธะรู้ธรรมชาติว่าเป็นอย่างไหน
จิตพุทธะ ของพระพุทธเจ้าก็มีเช่นเดียวกัน คือ จิตของพระพุทธเจ้าอยู่ในธรรมะ พระพุทธเจ้ายังตรัสว่า จะพบกับพระพุทธเจ้าได้ก็ต้องพบกันในธรรม ดังพุทธพจน์ที่ว่า
ผู้ใดแลเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา [วักกลิสูตร]
เมื่อไม่เห็นธรรม ก็ไม่เห็นเราตถาคต [อรรถกถาสังฆาฏิสูตร]
การเห็นด้วยจักษุและการเห็นด้วยญาณ [อรรถกถานกุลปิตุสูตร]
ที่เราพบกับพระพุทธเจ้าได้นี้เป็นจิตพุทธะ
แต่ไม่ใช่จิตของเจ้าชายสิทธัตถะ จิตของเจ้าชายสิทธัตถะนี้จบไปนานแล้ว เพราะจิตสิทธัตถะไม่ใช่จิตที่นำพาเป็นภาวะพระพุทธเจ้า ต้องเป็นจิตพุทธปัญญา
เหมือนกับจิตที่นำเราไปเกิดใหม่ สมมติว่า
จิตเวลานี้เป็นจิตแห่งความแค้น จิตนี้แหละที่นำเราไปเกิด ไม่ใช่จิตประภัสสรนะ ไม่เกี่ยวกันเลย ตรงนี้เราสร้างกุศล เช่น สร้างอุโบสถ ห่มผ้าพระธาตุ ทำสังฆทาน ด้วยกุศลจิตตรงนี้แล้วเราดับขันธ์ จิตตรงนี้แหละจะส่งให้เราไปอยู่อีกภพภูมิหนึ่ง มิติหนึ่ง ด้วยแรงตรงนี้นะ ไม่ใช่จิตประภัสสร อยู่ที่จิตกรรม พระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน พระพุทธเจ้าต้องมี
"จิตพุทธะ" จึงจะส่งพระพุทธเจ้าเข้าสู่นิพพาน ไม่ใช่จิตสิทธัตถะ เพราะจิตสิทธัตถะดับไปแล้ว ดับตั้งแต่พระพุทธเจ้าปลงพระเกสา
ทำไมถึงต้องสิทธัตถะจิตดับตั้งแต่ตรงนี้ ทั้งๆ ก็ยังไม่บรรลุนี่?
ก็เพราะว่าจะต้อง
ทิ้งจิตสิทธัตถะ จึงจะมุ่งสู่โมกขธรรมได้ ท่านก็เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า จะต้องโกนหัว พอจิตสิทธัตถะดับแล้วก็จะ
เป็นจิตโยคี ฤาษี แล้วจึงจะ
เป็นจิตพุทธะ เป็นขั้นๆ ตอนๆ ไป เหมือนกับเวลานี้เราปรุงกาแฟ ถ้าเราเอาน้ำบริสุทธิ์นี้ไปเติมน้ำหวาน น้ำนี้ก็จะกลายเป็นน้ำหวาน แต่จะเป็นการสืบเนื่องกันต่อไป
เหมือนกับจิตนายสมชายก็เหมือนกัน
จิตนายสมชายดับไปแล้ว แต่จิตที่สร้างบุญ บาป กุศล อกุศล นี่แหละที่จะนำไปเกิดใหม่
ณ ปัจจุบันนี้ บารมีของพระพุทธเจ้าก็ยังอยู่จริงไหม?
บารมีของพระพุทธเจ้าก็ยังคงอยู่ คำว่า "บารมี" ก็คือ ความดีความงามของพระพุทธเจ้าที่สั่งสมมา
แล้วซีอุยมีบารมีไหม?
ก็มีบารมีทางลบ เป็นบารมีทางมิจฉา
ซึ่งตามที่ปรากฏเป็นข่าวคือ "คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ตัดสินใจ เผาศพซีอุย ทั้งนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารสำคัญ เช่น ใบมรณบัตร ใบส่งมอบร่างจากกรมราชทัณฑ์เพื่อให้ดำเนินการฌาปนกิจเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังมีการเรียกร้อง ให้คืนความเป็นธรรมแก่นายซีอุย แซ่อึ้ง ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์กินคน
จากกรณีที่ เว็บไซต์ Change.org ให้คืนความเป็นธรรมแก่นายซีอุย แซ่อึ้ง ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์กินคน ของโรงพยาบาลศิริราช และมีประชาชน 17,000 คน เห็นด้วย และหลังจากนั้น โรงพยาบาล ศิริราชจะดำเนินการอย่างไรกับศพนายซีอุย แซ่อึ้ง ระหว่างยังคงตั้งแสดงในตู้พิพิธภัณฑ์ศิริราชหรือนำออกไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ขณะที่ชาวอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยเดิมของนายซีอุยและต่างเชื่อนายซีอุยตกเป็นแพะรับบาปก็ร้องขอคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ช่วยประสานขอศพนายซีอุยกลับไปทำพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณ และกสม.ตั้งประเด็นการนำศพนายซีอุยมาตั้งแสดงได้ขออนุญาตกับหน่วยงานใดและขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่
"ต่อโรงพยาบาลศิริราช ปลดป้ายคำว่า “มนุษย์กินคน” ออกจากตู้แสดงร่างนายซีอุย แล้ว คงเอาไว้เพียงชื่อว่า ซีอุย แซ่อึ้ง และเพื่อเป็นแหล่งให้ข้อมูลความรู้กับผู้ที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ฯ"
ล่าสุดวันนี้ (20 มิ.ย.2562) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ขอให้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ว่า ตามที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พิพิธภัณฑ์ศิริราชมีการจัดแสดงร่างซีอุยและมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจไม่เหมาะสม โดยยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดเอาร่างซีอุย มาจัดแสดงเพื่อเป็นพระเอกของพิพิธภัณฑ์หรือเป็นจุดขาย แต่เรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์ในอดีตที่เกิดขึ้นนานแล้ว (
https://www.amarintv.com/news-update/news-20794/396597/)
ปัจจุบันนี้หลายคนเรียกร้องให้ความยุติธรรมแก่ซีอุย การเรียกร้องนี้หลายคนว่าดี แต่ไม่ใช่ เพราะว่าสิ่งที่ผิด ต้องรู้จักแยกแยะเพราะอีกหน่อยกลายเป็นว่าอุทธาหรณ์เขาจะเข้าใจผิด ไม่มีสิ่งหนึ่งที่
เตือนใจเป็นอุทธาหรณ์
ซีอุยทำผิด ก็ว่าไปตามผิด แต่จะมาบอกว่าเราไปทับถมซีอุยอย่างนี้ไม่ใช่ แต่นี่แหละเป็นความดีของซีอุย ซีอุยจะเป็นอุทธาหรณ์แก่คนทั่วไปเห็นว่าอย่าทำอย่างนี้นะ ให้เขาวัดได้ว่าสิ่งนี้ผิดนะ สิ่งนี้คือถูกนะ แต่ถ้าคุณทำให้ตรงนี้สับสน จะปวดหัว
คนที่ใจบุญแล้วจะทำให้วุ่นวายเยอะ สับสนเยอะ เขาไม่เข้าใจถ่องแท้ เขาทำให้ระบบการเข้าใจนี้สับสนไป ตกลงสิ่งที่ซีอุยทำลงไปนี่ผิดไหม?
ไม่ผิด
ไม่ผิด เราก็ทำได้ใช่ไหม?
นี่แหละ คนเขาเรียกร้อง เจ้าหน้าที่กลับไปตามใจอยู่นั่น ทำให้เสียไปเลย ทางโรงพยาบาลจุฬาฯ เผาแล้ว นี่แหละ สิ่งที่จะเป็นอุทธาหรณ์ก็จะหายไป สมมติว่า เด็กโตมา ๑๐ ขวบ เราบอกว่าสิ่งนี้ไม่ดี
แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นอุทธาหรณ์ไม่มีเลย ถ้าบอกว่าสิ่งไม่ดีก็ไม่รู้ว่าจะเอาสิ่งที่ไม่ดีตรงไหนมาให้เด็กดูเป็นอุทธาหรณ์ อีกหน่อยเด็กก็จะบอกว่า ฉันฆ่าคน แล้วกินคนเป็นสิ่งถูกต้อง ยุ่งแล้ว สับสนแล้ว
นี่แหละ คนที่รณรงค์ ควรมาฟัง จะได้ไม่ทำให้ระบบสับสน นี่แหละ เรากลับสร้างซีอุยเกิดขึ้นมาอีกหลายคน เพราะว่าไม่มีอุทธาหรณ์
^_^ ..._/_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
พระพุทธเจ้ายังมีวิญญาณอยู่ไหม?
วิญญาณ แปลว่า เป็นรูปลักษณ์แสดงออกให้ฝ่ายตรงข้ามให้รับรู้ว่าเป็นอะไร
ฉะนั้นวิญญาณพระพุทธเจ้ายังมีอยู่ไหมนั้น ก็คือ เวลานี้เราสามารถจำภาพของพระพุทธเจ้าได้ หรือต้นไม้นี่มีวิญญาณ ถึงแม้ต้นไม้นี้จะตายไปแล้วก็ตาม แต่ก็มีวิญญาณ เพราะมีรูปลักษณ์อยู่ในสมองของเรา เขาเรียกว่า วิญญาณ
จิต คือ ธรรมชาติรู้อารมณ์ ได้รับอารมณ์อยู่เสมอ
จิตพุทธะ คือ จิตที่รับรู้ถึงความจริงแห่งธรรมชาติ เห็นทั้งมิจฉา (สิ่งที่ไม่ถูกต้อง) และสัมมา (สิ่งที่ถูกต้อง) เห็นทั้งหมด เห็นถึงวิถีความจริงแห่งธรรมชาติ ทั้งหมดของธรรมชาติ ในธรรมชาติก็จะแบ่งเป็นสายมิจฉา สายลบ (-) สายดำ สายสัมมา สายบวก (+) สายขาว และสายกลางๆ ไม่ดำไม่ขาว แล้วก็จะแบ่งไปเรื่อยๆ จิตพุทธะรู้ธรรมชาติว่าเป็นอย่างไหน
จิตพุทธะ ของพระพุทธเจ้าก็มีเช่นเดียวกัน คือ จิตของพระพุทธเจ้าอยู่ในธรรมะ พระพุทธเจ้ายังตรัสว่า จะพบกับพระพุทธเจ้าได้ก็ต้องพบกันในธรรม ดังพุทธพจน์ที่ว่า
ผู้ใดแลเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา [วักกลิสูตร]
เมื่อไม่เห็นธรรม ก็ไม่เห็นเราตถาคต [อรรถกถาสังฆาฏิสูตร]
การเห็นด้วยจักษุและการเห็นด้วยญาณ [อรรถกถานกุลปิตุสูตร]
ที่เราพบกับพระพุทธเจ้าได้นี้เป็นจิตพุทธะ แต่ไม่ใช่จิตของเจ้าชายสิทธัตถะ จิตของเจ้าชายสิทธัตถะนี้จบไปนานแล้ว เพราะจิตสิทธัตถะไม่ใช่จิตที่นำพาเป็นภาวะพระพุทธเจ้า ต้องเป็นจิตพุทธปัญญา
เหมือนกับจิตที่นำเราไปเกิดใหม่ สมมติว่า จิตเวลานี้เป็นจิตแห่งความแค้น จิตนี้แหละที่นำเราไปเกิด ไม่ใช่จิตประภัสสรนะ ไม่เกี่ยวกันเลย ตรงนี้เราสร้างกุศล เช่น สร้างอุโบสถ ห่มผ้าพระธาตุ ทำสังฆทาน ด้วยกุศลจิตตรงนี้แล้วเราดับขันธ์ จิตตรงนี้แหละจะส่งให้เราไปอยู่อีกภพภูมิหนึ่ง มิติหนึ่ง ด้วยแรงตรงนี้นะ ไม่ใช่จิตประภัสสร อยู่ที่จิตกรรม พระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน พระพุทธเจ้าต้องมี "จิตพุทธะ" จึงจะส่งพระพุทธเจ้าเข้าสู่นิพพาน ไม่ใช่จิตสิทธัตถะ เพราะจิตสิทธัตถะดับไปแล้ว ดับตั้งแต่พระพุทธเจ้าปลงพระเกสา
ทำไมถึงต้องสิทธัตถะจิตดับตั้งแต่ตรงนี้ ทั้งๆ ก็ยังไม่บรรลุนี่?
ก็เพราะว่าจะต้องทิ้งจิตสิทธัตถะ จึงจะมุ่งสู่โมกขธรรมได้ ท่านก็เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า จะต้องโกนหัว พอจิตสิทธัตถะดับแล้วก็จะเป็นจิตโยคี ฤาษี แล้วจึงจะเป็นจิตพุทธะ เป็นขั้นๆ ตอนๆ ไป เหมือนกับเวลานี้เราปรุงกาแฟ ถ้าเราเอาน้ำบริสุทธิ์นี้ไปเติมน้ำหวาน น้ำนี้ก็จะกลายเป็นน้ำหวาน แต่จะเป็นการสืบเนื่องกันต่อไป
เหมือนกับจิตนายสมชายก็เหมือนกัน จิตนายสมชายดับไปแล้ว แต่จิตที่สร้างบุญ บาป กุศล อกุศล นี่แหละที่จะนำไปเกิดใหม่
ณ ปัจจุบันนี้ บารมีของพระพุทธเจ้าก็ยังอยู่จริงไหม?
บารมีของพระพุทธเจ้าก็ยังคงอยู่ คำว่า "บารมี" ก็คือ ความดีความงามของพระพุทธเจ้าที่สั่งสมมา
แล้วซีอุยมีบารมีไหม?
ก็มีบารมีทางลบ เป็นบารมีทางมิจฉา
ซึ่งตามที่ปรากฏเป็นข่าวคือ "คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ตัดสินใจ เผาศพซีอุย ทั้งนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารสำคัญ เช่น ใบมรณบัตร ใบส่งมอบร่างจากกรมราชทัณฑ์เพื่อให้ดำเนินการฌาปนกิจเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังมีการเรียกร้อง ให้คืนความเป็นธรรมแก่นายซีอุย แซ่อึ้ง ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์กินคน
จากกรณีที่ เว็บไซต์ Change.org ให้คืนความเป็นธรรมแก่นายซีอุย แซ่อึ้ง ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์กินคน ของโรงพยาบาลศิริราช และมีประชาชน 17,000 คน เห็นด้วย และหลังจากนั้น โรงพยาบาล ศิริราชจะดำเนินการอย่างไรกับศพนายซีอุย แซ่อึ้ง ระหว่างยังคงตั้งแสดงในตู้พิพิธภัณฑ์ศิริราชหรือนำออกไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ขณะที่ชาวอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยเดิมของนายซีอุยและต่างเชื่อนายซีอุยตกเป็นแพะรับบาปก็ร้องขอคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ช่วยประสานขอศพนายซีอุยกลับไปทำพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณ และกสม.ตั้งประเด็นการนำศพนายซีอุยมาตั้งแสดงได้ขออนุญาตกับหน่วยงานใดและขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่
"ต่อโรงพยาบาลศิริราช ปลดป้ายคำว่า “มนุษย์กินคน” ออกจากตู้แสดงร่างนายซีอุย แล้ว คงเอาไว้เพียงชื่อว่า ซีอุย แซ่อึ้ง และเพื่อเป็นแหล่งให้ข้อมูลความรู้กับผู้ที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ฯ"
ล่าสุดวันนี้ (20 มิ.ย.2562) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ขอให้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ว่า ตามที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พิพิธภัณฑ์ศิริราชมีการจัดแสดงร่างซีอุยและมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจไม่เหมาะสม โดยยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดเอาร่างซีอุย มาจัดแสดงเพื่อเป็นพระเอกของพิพิธภัณฑ์หรือเป็นจุดขาย แต่เรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์ในอดีตที่เกิดขึ้นนานแล้ว (https://www.amarintv.com/news-update/news-20794/396597/)
ปัจจุบันนี้หลายคนเรียกร้องให้ความยุติธรรมแก่ซีอุย การเรียกร้องนี้หลายคนว่าดี แต่ไม่ใช่ เพราะว่าสิ่งที่ผิด ต้องรู้จักแยกแยะเพราะอีกหน่อยกลายเป็นว่าอุทธาหรณ์เขาจะเข้าใจผิด ไม่มีสิ่งหนึ่งที่เตือนใจเป็นอุทธาหรณ์
ซีอุยทำผิด ก็ว่าไปตามผิด แต่จะมาบอกว่าเราไปทับถมซีอุยอย่างนี้ไม่ใช่ แต่นี่แหละเป็นความดีของซีอุย ซีอุยจะเป็นอุทธาหรณ์แก่คนทั่วไปเห็นว่าอย่าทำอย่างนี้นะ ให้เขาวัดได้ว่าสิ่งนี้ผิดนะ สิ่งนี้คือถูกนะ แต่ถ้าคุณทำให้ตรงนี้สับสน จะปวดหัว คนที่ใจบุญแล้วจะทำให้วุ่นวายเยอะ สับสนเยอะ เขาไม่เข้าใจถ่องแท้ เขาทำให้ระบบการเข้าใจนี้สับสนไป ตกลงสิ่งที่ซีอุยทำลงไปนี่ผิดไหม?
ไม่ผิด
ไม่ผิด เราก็ทำได้ใช่ไหม?
นี่แหละ คนเขาเรียกร้อง เจ้าหน้าที่กลับไปตามใจอยู่นั่น ทำให้เสียไปเลย ทางโรงพยาบาลจุฬาฯ เผาแล้ว นี่แหละ สิ่งที่จะเป็นอุทธาหรณ์ก็จะหายไป สมมติว่า เด็กโตมา ๑๐ ขวบ เราบอกว่าสิ่งนี้ไม่ดี แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นอุทธาหรณ์ไม่มีเลย ถ้าบอกว่าสิ่งไม่ดีก็ไม่รู้ว่าจะเอาสิ่งที่ไม่ดีตรงไหนมาให้เด็กดูเป็นอุทธาหรณ์ อีกหน่อยเด็กก็จะบอกว่า ฉันฆ่าคน แล้วกินคนเป็นสิ่งถูกต้อง ยุ่งแล้ว สับสนแล้ว
นี่แหละ คนที่รณรงค์ ควรมาฟัง จะได้ไม่ทำให้ระบบสับสน นี่แหละ เรากลับสร้างซีอุยเกิดขึ้นมาอีกหลายคน เพราะว่าไม่มีอุทธาหรณ์
^_^ ..._/_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต