สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคน วันนี้เราจะมารีวิวค่ายแลกเปลี่ยนเยาวชน ณ ประเทศเกาหลี เมืองDaeguกันค่ะ
ค่ายนี้เป็นโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนกับเมืองพี่เมืองน้องของกรุงเทพมหานครค่ะ
Q: โครงการดีๆแบบนี้ให้อะไรกับเราบ้าง? เสียค่าใช้จ่ายเยอะรึเปล่า?
โครงการนี้ออกค่าใช้จ่ายให้เราเยอะมากทั้งค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเที่ยวในสถานที่ต่างๆตามตารางกิจกรรม เราเสียแค่ค่าประกันการเดินทางของตัวเองกับเงินที่จะเอาไปซื้อของที่ตัวเองอยากได้ค่ะ เป็นอะไรที่คุ้มมากจริงๆ แต่จะบอกว่าเขามีจำกัดจำนวนคนนะคะ อย่างปีเราเราได้ไปกัน 4 คน
Q: แล้วทำยังไงถึงจะได้ไป?
จะบอกว่าขั้นตอนการสมัครง่ายมากๆเลย ไม่ยุ่งยากอะไรด้วยค้า โดยขั้นตอนการสมัครมีดังนี้
1. เพื่อนๆสามารถติดตามข่าวสารการรับสมัครได้จากเพจ
http://iad.bangkok.go.th/
2. สอบเขียนเรียงความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (เรียงความก็จะเกี่ยวกับความรู้ประเทศไทยและเมืองdaeguแบบเบื้องต้น)
3. สอบสัมภาษณ์ (การสอบสัมภาษณ์ก็จะมีทั้ง ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ แต่ถ้าใครสามารถพูดภาษาเกหลีได้ก็เตรียมไปด้วยก็ได้ค้า)
4. ขั้นตอนสุดท้ายคือการรอประกาศผล
เริ่มเข้าเรื่องค่ายและกิจกรรมสนุกๆในค่ายกันบ้างดีกว่า
ค่ายนี้เป็นค่ายที่เมืองDaegu ประเทศเกาหลีเป็นเจ้าภาพ ที่จัดตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม ถึง 19กรกฎาคม 2562 ณ มหาวิทยาลัยคยองบก โดยชื่อค่ายมีชื่อว่า Daegu International Youth Camp และจะมีนักเรียน นักศึกษาจากหลายๆชาติหรือนักเรียนในมหาวิทยาลัยคยองบกเอง มาร่วมกิจกรรมด้วยกัน และใช่ค่ะค่ายนี้ก็จะต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นซะส่วนใหญ่ หรือถ้าใครสามารถพูดภาษาเกาหลีได้ละก็สามารถชวนเพื่อนต่างชาติคุยภาษาเกาหลีหรือคุยกับคนเกาหลีก็ได้ มันจะได้ฝึกภาษาของตัวเองและก็กล้าที่จะพูดมากขึ้นด้วยยยย
อันดับแรกเราจะมาเราถึงการเดินทางตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายก่อนนะคะ
Day 1 การเดินทางของเราจากไทยไปปูซาน : ปีนี้เราได้เดินทางโดยสายการบินไทย สะดวกสบายมากๆเลยค่ะ เราเดินทางออกตอน 5 ทุ่ม นิดๆ ก็จะถึงสนามบินปูซานตอนเช้าของอีกวันนึง
Day 2 พอถึงสนามบินปูซานก็ต้องทำการซื้อตั๋วรถบัสเพื่อเดินทางไป Dongdaegu ซึ่งที่สนามบินก็จะมีห้องไว้สำหรับซื้อตั๋วโดยเฉพาะแต่จะอยู่ด้านหน้าของสนามบินเลยค่ะ ตั๋วที่เราซื้อก็จะเดินทางตอน 8:40 ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายเลยค่ะ หากใครที่ไม่รู้ว่ารถแต่ละเที่ยวออกเดินทางตอนไหน บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ของที่ซื้อตั๋วก็มีติดบอกเวลาไว้ด้วยค่ะ
พอเราได้ตั๋วมาแล้วเราก็ต้องมายืนรอรถบัสให้ตรงกับแพลทฟอร์มที่เราจะไป ละก่อนขึ้นรถก็ต้องโชว์ตั๋วให้คนขับดู เก็บกระเป๋าใหญ่ๆไว้ที่ใต้รถและก็ขึ้นไปนั่งบนที่นั่งของตัวเอง แต่ต้องนั่งให้ตรงกับเลขที่นั่งในตั๋วด้วยนะคะ ต้องดูดีๆว่าที่นั่งเราตรงกับเลขอะไรค่า
พอเราถึงที่ Dongdaegu แล้วก็จะมีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยคยองบุกมารอรับค่ะ เขาจะให้เรานั่งแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัย ก็ใช้เวลาแค่แปปเดียวก็ถึงมหาวิทยาลัยแล้วค่ะ ทีนี้ก็ถึงเวลาลากกระเป๋าไปที่หอพักนักศึกษา ที่เป็นที่พักของเราใน 1อาทิตย์เต็มค่ะ จะบอกว่าทางที่ไปหอพักคือ ชันมากกกกกก แบบขึ้นเขาเลยก็ว่าได้ เหนื่อยมากๆด้วยยยย แต่เราก็ถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ 55555 พอถึงที่พักก็ไม่ใช่ว่าเราจะเดินเข้าไปได้เลยนะคะ เราต้องมีการทำรหัสในการเข้าหอพักก่อน ปกติการตั้งรหัสก็จะกดแค่ตัวเลขใช่มั้ยหละคะ แต่ที่นี่หนะไม่ใช่เลยยยย รหัสของเขาใช้วิธีการเอาเลขห้องกับเลขเตียงของเรามาตั้งก่อนแล้วตามด้วยใช้ผิวหลังมือเราแตะแสกนเอา นี่เห็นครั้งแรกคืองงมากกกก ก็แปลกดีแต่ก็ทำยากเหมือนกันนะเนี่ยยยยย
พอเราตั้งรหัสเสร็จเราก็ได้เข้าห้องพักได้เลยค่ะ หอพักจะแบ่งเป็น ผู้ชายอยู่ชั้น 5 ส่วนผู้หญิงจะอยู่ชั้น 6 หอพักของเราจะแบ่งเป็น สามห้องย่อย ในหนึ่งห้องใหญ่ ในแต่ละห้องก็จะมีคนนอน 2คน เป็นเมทกัน ละในห้องใหญ่ก็จะประกอบไปด้วย 1 ห้องอาบน้ำ (ในห้องอาบน้ำจะมี สบู่ ยาสระผม สครับผิวให้ จะแอบบอกว่าสครับดีมากกกกกก อยากได้เหมือนกันค่ะ 5555 ) 1 ห้องน้ำ แล้วก็ที่ไว้สำหรับนั่งเล่นมีโต๊ะ ตู้เย็น แอร์ให้ ละก็มีเครื่องซักผ้าให้แต่ก็ต้องไปขอน้ำยาจากคนดูแลที่เป็นนักศึกษาเอาเองนะคะ
อันนี้เป็นภาพห้องนอน ก็จะมีตู้เสื้อผ้า เตียง โต๊ะ สำหรับเราเรานอนแบบเปิดประตูนอนเอาละให้แอร์จากห้องนั่งเล่นแทนค่ะ ไม่ได้เปิดหน้าต่างด้วย
เพราะอากาศไม่ได้ร้อนมากขนาดนั้นกำลังสบายเลย
ส่วนวันที่เราเข้าร่วมกิจกรรมการเดินทางของเราก็จะเป็นการนั่งรถบัสที่ทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมให้ค้าาาาา
ส่วนวันกลับเราต้องออกจากหอพักตอนตี 4 เพื่อให้ถึง dongdaegu แล้วซื้อตั๋วรถบัสตอนตี 5 ให้ทันแต่วันนั้นตั๋วเต็มแล้วเราเลยต้องซื้อของตี 5:25
แต่จะบอกว่าตั๋วนี้สามารถจองผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้เหมือนกันนะคะ พอเราได้ตั๋วเราก็นั่งบัสกลับไปที่สนามบินกิมแฮที่ปูซานละรอขึ้นเครื่องกลับไทย โดยสายการบินไทยเช่นเคยเลยยยย
: มาพูดถึงกิจกรรมกันบ้างดีกว่า
วันแรกก็จะมีนัดปฐมนิเทศกันก่อนตอน 5 โมง โดยการปฐมนิเทศไม่ใช่เข้าไปนั่งเฉยๆน้าแต่เป็นการแยกกลุ่มนั่งด้วยกันเป็นกลุ่ม ทางมหาวิทยาลัยก็จะมีรายชื่อมาให้เราว่าเราอยู่กลุ่มไหน อยู่กลับใคร มีทีมลีดเดอร์เป็นใคร มีเพื่อนอยู่ชาติไหน ชื่ออะไร ดดยที่ประเทศไทยเราก็โดนแยกออกไปคนละกลุ่มเลย แต่การแยกกลุ่มแบบนี้ดีมากๆเลยเพื่อนๆ มันทำให้เรามีเพื่อนใหม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆจากคนอื่น (นี่ก็ได้เพื่อนเป็นอาร์มี่มาเหมือนกัน ก็คือสนิทกันมากกกกก น่ารักมากๆๆๆๆ) ตอนแรกคือเขาก็จะให้เราแนะนำตัวกันเองในกลุ่มละก็เริ่มกิจกรรม ทำความรู้จักกัน กับคนอื่นๆ พอทำกิจกรรมเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาอาหารเย็น เย้ๆๆ อาหารมื้อแรกของเราเป็นบุฟเฟต์ด้านบนของมหาวิทยาลัย คือหรูหรามากก เราก็มีหน้าที่ตักอาหารที่อยากกินและก็ไปนั่งกินข้าวกับเพื่อนๆในกลุ่มเดียวกัน พูดคุยกัน ก็คือได้เพื่อนตั้งแต่วันแรกเลย สนุกมาก 555555 หลังจากนั้นก็คือเป็นเวลาฟรีไทม์ใครอยากไปไหนก็แล้วแต่ นี่ก็เลยไปจ้าไปเที่ยวฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัย เดินไปเรื่อยเลยเพื่อนๆ ก็พอเจอร้านต่างๆมากมาย ทั้ง อีตูดี้ อินนิสฟรี โอลีฟยัง ซัปเวย์ คาเฟ่ต่างๆ
Q: กิจกรรมในค่ายมีอะไรบ้าง?
กิจกรรมภายในค่ายน่าสนใจมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ สำหรับสาวกเกาหลี ชอบ k-pop ก็มีคลาสเต้นเพลงเกาหลี (จะแอบบอกว่าปีเราโดนเต้น Boy with luv กับ Kill this love ยากมากกกก แต่สนุกสุดๆไปเลย) หรือถ้าใครถนัดทำอาหารก็มีคลาสทำอาหารเกาหลีทั้งบุลโกกีและก็บิบิมบับ ในคลาสก็จะมีครูมาสอนทำให้ดูแบบละเอียดเพื่อนๆไม่ต้องกลัวทำผิดกันเลยยยย
กิจกรรมในค่ายไม่ได้มีแค่นี้สนุกอย่างเดียวแต่ยังมีกิจกรรมที่ได้สาระเกี่ยวกับประเทสเกาหลีและตัวมหาวิทยาลัยเยอะมากๆๆๆๆๆ เช่น
campus tour คือมหาวิทยาลัยคยองบุกเนี่ยเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่มากก เราก็ต้องมีการทัวร์กันหน่อย ได้รู้เกี่ยวกับตึกต่างๆ สถานที่สำคัญ มีให้เข้าไปดูห้องสมุดของมหาวิทยาลัยด้วยคือจะบอกว่าดีมากๆ ชอบมากๆ ที่สำคัญคือได้ลองเรียนคลาสภาษาเกาหลีกันด้วย โดยเพื่อนๆก็สามารถเลือกเองได้เลยว่าจะอยู่ในคลาสไหน แต่ละคลาสก็จะแยกระดับภาษาเกาหลีตั้งแต่อ่อนจนถึงเก่งเลยค่ะ อาจารย์ก็น่ารักเป็นกันเองไม่ต้องกลัวโดนดุเลย
นอกจากนี้ยังมีการทัวร์เมืองDaegu เขาก็จะพาทัวร์ดูประวัติความเป็นมาของเมืองDaegu บุคคลสำคัญต่างๆมากมาย สถานที่สำคัญต่างๆ
พอถึงวันที่สองเราต้องย้ายไปนอนพักที่บ้านโบราณในตอนเย็น ทำให้เราได้ลองอาศัยแบบคนเกาหลีโบราณ บ้านหลังนี้ก็จะอยู่บนเขาเลย สูงมากกกกกก แต่จะบอกว่าขึ้นไปแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ สวยมากๆเหมือนกัน กิจกรรมที่บ้านโบราณก็คือ มีพิธีชงชา ฟังดนตรีพื้นบ้านเกาหลี
(พันโซรี กายากึม) ช่วงเช้าก็มีการลองใส่ชุดฮันบกที่แบบเป็นบัณฑิต และได้ดูพิธีแต่งงานแบบเกาหลีดั้งเดิม มันเป็นความทรงจำที่ดีมากๆและก็น่าตื่นตาตื่นใจมากๆเลยเพื่อนๆ
มาพูดถึงสวนสนุกที่โด่งดังของDaegu E-World นั่นเอง
ใครที่ชอบเล่นเครื่องเล่นก็ห้ามพลาดสวนสนุกที่นี่เลย เรียกได้ว่าไม่แพ้วนสนุกที่อื่นเลย ใครชอบเครื่องเล่นหวาดเสียวก็ต้องไปตำกันนะ ส่วนนี่ก็ม้าหมุนตามสภาพจ้าเพราะกลัวมากกกก 5555 ส่วนใครที่ชอบดูวิวที่นี่ก็มีที่สำหรับดูวิวตอนกลางคืนสวนมากๆ มีเสน่ห์มากๆเหมือนกันค้า
สำหรับสายช้อปก็มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายให้ได้เที่ยวกัน
ที่แรกคือดงซองโน เป็นถนนคล้ายๆมยองดงที่โซลเลยเพื่อนๆ มีแหล่งซื้อสินค้า เครื่งสำอาง สกินแคร์สำหรัปสาวๆกันเยอะมากๆ เช่น oliveyoung etude innisfree หรือถ้าใครอยากซื้อของจาก duty free ก็มีพาไปเที่ยวห้างชินเซเกห้างนี้ใหญ่มาก มีของให้ซื้อเยอะมากๆ และยังมี kakao friends สำหรับสาวก kakao อีก ด้วย
ส่วนตลาดซอมุน ตลาดนี้คล้ายๆจะเป็นตลาดที่ขายของทั่วไป ของกินต่างๆ ตามท้องถนนที่หากินได้ง่ายๆ เช่น โฮตอก หรืออาหารแนะนำของDaeguเลยคือซัมกักมันดู (จะบอกว่าคนที่นี่แนะนำว่าไปDaeguต้องลอง)
วันสุดท้ายก็มีพิธีปิด ก็จะมีการกินเลี้ยงด้วยกันมีการแสดงของชาติอื่นๆ และการแสดงของนักศึกษามหาวิทยาลัยเอง ในพิธีก็จะมีการมอบรางวัลต่างๆ ใบประกาศนียบัตรสำหรับผู้เข้าร่วม แจกของขวัญที่ทุกๆคนเตรียมมาให้เพื่อนต่างชาติ นั่งพูดคุยกันถ่ายรูปด้วยกันเก็บไว้เป็นที่ระลึก ส่วนตอนดึกก็ถึงเวลาปาร์ตี้ที่งาน chimac festival เป็นเทศกาลประจำเมืองdaeguนั่นเอง งานนี้ก็จะมีไก่เเละเบียร์ไว้ให้สำหรับเพื่อนๆ และก็มีกิจกรรมมากมายรอบตัวงาน งานนี้จะจัดที่เดือนกรกฎาคมของทุกปี เป็นงานปาร์ตี้อำลาที่สนุกสุดๆเลย เพราะเพื่อนๆจะได้เต้นกับเพื่อนชาติอื่นๆได้สนุกไปกับเสียงเพลง ได้กินเลี้ยงครั้งสุดท้ายด้วยกันแบบสนุกสนาน
ส่วนอาหารการกินทางมหาวิทยาลัยก็คือจัดอาหารมาให้ดีมากทุกมื้อเลย ไม่อดตายแน่นอน ส่วนใหญ่ก็จะมาเป็นบุพเฟต์ให้ได้ตักกินเองเลย บางมื้อก็พาไปกินข้างนอกมหาวิทยาลัย ก็จะได้กินสปาเก็ตตี้ หรือร้านอาหารเกาหลีแบบดั้งเดิมคือเพื่อนๆก็จะได้ลองรสชาติอาหารแบบเกาหลีแท้ ได้ลองทำซุงนุงเป็นน้ำที่ทานหลังกินข้าวโดยการเทใส่ทานข้าวตัวเองแล้วขูดเศษข้าวแล้วกินอันนี้คือวิถีชาวเกาหลีแท้ใครไปต้องลองทำนะ ส่วนอาหารเช้าก็จะเป็นอาหารที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย ส่วนอาหารของบ้านโบราณก็จะเป็นอาหารแบบถาดหลุม
จบแล้วสำหรับการรีวิวค่ายสำหรับเรา เราว่าค่ายนี้เป็นค่ายที่ดีมากๆสำหรับคนที่อยากออกไปเปิดประสบการณ์นี่เป็นครั้งแรกของการเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวของเรา มันทำให้เรากล้าทำอะไรมากขึ้นได้พบเจอกับเพื่อนอีกหลายประเทศเลยอยากจะแนะนำเพื่อนๆที่อยากลองหาประสบการณ์ใหม่อยากเจอเพื่อนใหม่ ค่ายนี้ตอบโจทย์มากๆเพราะทุกคนที่ไปคือพร้อมจะเป็นเพื่อนกับเราแล้วก็ได้ทำอะไรใหม่ๆไปพร้อมกันมันทำให้เรารู้จักกันมากขึ้นอีกด้วย ก็หวังว่าเพื่อนๆจะให้ความสนใจกับค่ายนี้มากๆนะคะ
รีวิวค่าย Daegu International Youth Camp 2019
ค่ายนี้เป็นโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนกับเมืองพี่เมืองน้องของกรุงเทพมหานครค่ะ
Q: โครงการดีๆแบบนี้ให้อะไรกับเราบ้าง? เสียค่าใช้จ่ายเยอะรึเปล่า?
โครงการนี้ออกค่าใช้จ่ายให้เราเยอะมากทั้งค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเที่ยวในสถานที่ต่างๆตามตารางกิจกรรม เราเสียแค่ค่าประกันการเดินทางของตัวเองกับเงินที่จะเอาไปซื้อของที่ตัวเองอยากได้ค่ะ เป็นอะไรที่คุ้มมากจริงๆ แต่จะบอกว่าเขามีจำกัดจำนวนคนนะคะ อย่างปีเราเราได้ไปกัน 4 คน
Q: แล้วทำยังไงถึงจะได้ไป?
จะบอกว่าขั้นตอนการสมัครง่ายมากๆเลย ไม่ยุ่งยากอะไรด้วยค้า โดยขั้นตอนการสมัครมีดังนี้
1. เพื่อนๆสามารถติดตามข่าวสารการรับสมัครได้จากเพจ http://iad.bangkok.go.th/
2. สอบเขียนเรียงความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (เรียงความก็จะเกี่ยวกับความรู้ประเทศไทยและเมืองdaeguแบบเบื้องต้น)
3. สอบสัมภาษณ์ (การสอบสัมภาษณ์ก็จะมีทั้ง ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ แต่ถ้าใครสามารถพูดภาษาเกหลีได้ก็เตรียมไปด้วยก็ได้ค้า)
4. ขั้นตอนสุดท้ายคือการรอประกาศผล
เริ่มเข้าเรื่องค่ายและกิจกรรมสนุกๆในค่ายกันบ้างดีกว่า
ค่ายนี้เป็นค่ายที่เมืองDaegu ประเทศเกาหลีเป็นเจ้าภาพ ที่จัดตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม ถึง 19กรกฎาคม 2562 ณ มหาวิทยาลัยคยองบก โดยชื่อค่ายมีชื่อว่า Daegu International Youth Camp และจะมีนักเรียน นักศึกษาจากหลายๆชาติหรือนักเรียนในมหาวิทยาลัยคยองบกเอง มาร่วมกิจกรรมด้วยกัน และใช่ค่ะค่ายนี้ก็จะต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นซะส่วนใหญ่ หรือถ้าใครสามารถพูดภาษาเกาหลีได้ละก็สามารถชวนเพื่อนต่างชาติคุยภาษาเกาหลีหรือคุยกับคนเกาหลีก็ได้ มันจะได้ฝึกภาษาของตัวเองและก็กล้าที่จะพูดมากขึ้นด้วยยยย
อันดับแรกเราจะมาเราถึงการเดินทางตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายก่อนนะคะ
Day 1 การเดินทางของเราจากไทยไปปูซาน : ปีนี้เราได้เดินทางโดยสายการบินไทย สะดวกสบายมากๆเลยค่ะ เราเดินทางออกตอน 5 ทุ่ม นิดๆ ก็จะถึงสนามบินปูซานตอนเช้าของอีกวันนึง
Day 2 พอถึงสนามบินปูซานก็ต้องทำการซื้อตั๋วรถบัสเพื่อเดินทางไป Dongdaegu ซึ่งที่สนามบินก็จะมีห้องไว้สำหรับซื้อตั๋วโดยเฉพาะแต่จะอยู่ด้านหน้าของสนามบินเลยค่ะ ตั๋วที่เราซื้อก็จะเดินทางตอน 8:40 ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายเลยค่ะ หากใครที่ไม่รู้ว่ารถแต่ละเที่ยวออกเดินทางตอนไหน บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ของที่ซื้อตั๋วก็มีติดบอกเวลาไว้ด้วยค่ะ
วันแรกก็จะมีนัดปฐมนิเทศกันก่อนตอน 5 โมง โดยการปฐมนิเทศไม่ใช่เข้าไปนั่งเฉยๆน้าแต่เป็นการแยกกลุ่มนั่งด้วยกันเป็นกลุ่ม ทางมหาวิทยาลัยก็จะมีรายชื่อมาให้เราว่าเราอยู่กลุ่มไหน อยู่กลับใคร มีทีมลีดเดอร์เป็นใคร มีเพื่อนอยู่ชาติไหน ชื่ออะไร ดดยที่ประเทศไทยเราก็โดนแยกออกไปคนละกลุ่มเลย แต่การแยกกลุ่มแบบนี้ดีมากๆเลยเพื่อนๆ มันทำให้เรามีเพื่อนใหม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆจากคนอื่น (นี่ก็ได้เพื่อนเป็นอาร์มี่มาเหมือนกัน ก็คือสนิทกันมากกกกก น่ารักมากๆๆๆๆ) ตอนแรกคือเขาก็จะให้เราแนะนำตัวกันเองในกลุ่มละก็เริ่มกิจกรรม ทำความรู้จักกัน กับคนอื่นๆ พอทำกิจกรรมเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาอาหารเย็น เย้ๆๆ อาหารมื้อแรกของเราเป็นบุฟเฟต์ด้านบนของมหาวิทยาลัย คือหรูหรามากก เราก็มีหน้าที่ตักอาหารที่อยากกินและก็ไปนั่งกินข้าวกับเพื่อนๆในกลุ่มเดียวกัน พูดคุยกัน ก็คือได้เพื่อนตั้งแต่วันแรกเลย สนุกมาก 555555 หลังจากนั้นก็คือเป็นเวลาฟรีไทม์ใครอยากไปไหนก็แล้วแต่ นี่ก็เลยไปจ้าไปเที่ยวฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัย เดินไปเรื่อยเลยเพื่อนๆ ก็พอเจอร้านต่างๆมากมาย ทั้ง อีตูดี้ อินนิสฟรี โอลีฟยัง ซัปเวย์ คาเฟ่ต่างๆ
Q: กิจกรรมในค่ายมีอะไรบ้าง?
กิจกรรมภายในค่ายน่าสนใจมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ สำหรับสาวกเกาหลี ชอบ k-pop ก็มีคลาสเต้นเพลงเกาหลี (จะแอบบอกว่าปีเราโดนเต้น Boy with luv กับ Kill this love ยากมากกกก แต่สนุกสุดๆไปเลย) หรือถ้าใครถนัดทำอาหารก็มีคลาสทำอาหารเกาหลีทั้งบุลโกกีและก็บิบิมบับ ในคลาสก็จะมีครูมาสอนทำให้ดูแบบละเอียดเพื่อนๆไม่ต้องกลัวทำผิดกันเลยยยย
กิจกรรมในค่ายไม่ได้มีแค่นี้สนุกอย่างเดียวแต่ยังมีกิจกรรมที่ได้สาระเกี่ยวกับประเทสเกาหลีและตัวมหาวิทยาลัยเยอะมากๆๆๆๆๆ เช่น
campus tour คือมหาวิทยาลัยคยองบุกเนี่ยเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่มากก เราก็ต้องมีการทัวร์กันหน่อย ได้รู้เกี่ยวกับตึกต่างๆ สถานที่สำคัญ มีให้เข้าไปดูห้องสมุดของมหาวิทยาลัยด้วยคือจะบอกว่าดีมากๆ ชอบมากๆ ที่สำคัญคือได้ลองเรียนคลาสภาษาเกาหลีกันด้วย โดยเพื่อนๆก็สามารถเลือกเองได้เลยว่าจะอยู่ในคลาสไหน แต่ละคลาสก็จะแยกระดับภาษาเกาหลีตั้งแต่อ่อนจนถึงเก่งเลยค่ะ อาจารย์ก็น่ารักเป็นกันเองไม่ต้องกลัวโดนดุเลย
(พันโซรี กายากึม) ช่วงเช้าก็มีการลองใส่ชุดฮันบกที่แบบเป็นบัณฑิต และได้ดูพิธีแต่งงานแบบเกาหลีดั้งเดิม มันเป็นความทรงจำที่ดีมากๆและก็น่าตื่นตาตื่นใจมากๆเลยเพื่อนๆ
ใครที่ชอบเล่นเครื่องเล่นก็ห้ามพลาดสวนสนุกที่นี่เลย เรียกได้ว่าไม่แพ้วนสนุกที่อื่นเลย ใครชอบเครื่องเล่นหวาดเสียวก็ต้องไปตำกันนะ ส่วนนี่ก็ม้าหมุนตามสภาพจ้าเพราะกลัวมากกกก 5555 ส่วนใครที่ชอบดูวิวที่นี่ก็มีที่สำหรับดูวิวตอนกลางคืนสวนมากๆ มีเสน่ห์มากๆเหมือนกันค้า
ที่แรกคือดงซองโน เป็นถนนคล้ายๆมยองดงที่โซลเลยเพื่อนๆ มีแหล่งซื้อสินค้า เครื่งสำอาง สกินแคร์สำหรัปสาวๆกันเยอะมากๆ เช่น oliveyoung etude innisfree หรือถ้าใครอยากซื้อของจาก duty free ก็มีพาไปเที่ยวห้างชินเซเกห้างนี้ใหญ่มาก มีของให้ซื้อเยอะมากๆ และยังมี kakao friends สำหรับสาวก kakao อีก ด้วย