โดย mcinenews -
หลังจากปล่อย
เซ็ทภาพนิ่งออกมาก่อนหน้า โปรเจคต์แอคชั่น-สงครามฟอร์มยักษ์แห่งปี 2019
“MIDWAY” ไม่ขอรอช้า บุกต่อเนื่องโชว์
ตัวอย่างแรก ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีออกมาทันที ภาพมหาสงครามตรงหน้าจะทำให้ผู้ชมทั้งตื่นตะลึง ลุ้นระทึก และบีบหัวใจตามกับ
ยุทธการมิดเวย์ ปฏิบัติการทางทหารซึ่งถือว่าเป็นสำคัญที่สุดในแนวรบด้านมหาสมุทรแปซิฟิกของช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยกลยุทธการปะทะแบบ 360 องศาระหว่างกองทัพเรือสหรัฐฯและกองทัพของญี่ปุ่น ที่ถึงแม้จะกินเวลาเพียง 4 วัน แต่กลับสร้างจุดเปลี่ยนเกมรบของสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปตลอดกาล
ผลงานการกำกับชิ้นล่าสุดของ
โรแลนด์ เอมเมอริช ผู้กำกับผลงานฟอร์มยักษ์ที่โดนใจผู้ชมแบบถ้วนหน้ามาแล้วอาทิIndependence Day, The Day After Tomorrow และ 2012 และยังร่วมระดมกำลังพลด้วยดาราคับคั่ง นำโดย
ลุค อีแวนส์ จากFast & Furious 6,
วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน จาก War for the Planet of the Apes,
แพทริค วิลสัน จาก Aquaman,
นิค โจนัส จากJumanji: Welcome to the Jungle,
เอ็ด สไครน์ จาก Alita: Battle Angel,
เดนนิส เควด จาก G.I. Joe: The Rise of Cobra,
แอรอน เอ็คฮาร์ท จาก The Dark Knight
และ
แมนดี้ มัวร์ จาก The Darkest Minds
จากวีรกรรมจริงอันน่าเหลือเชื่อ หนึ่งการปะทะเปลี่ยนเกมสงครามโลกไปตลอดกาล
“MIDWAY” มีกำหนดเข้าฉาย
7 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ
Cr.mcinenews.com
ย้อนอดีต Battle of Midway
เมื่อกล่าวถึงการรบทางทะเลที่พลิกโฉมหน้าการรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสมรภูมิเอเชีย-แปซิฟิก ย่อมต้องพูดถึงยุทธนาวี Midway ซึ่งถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามที่ชัดเจนที่สุดของสงครามระหว่างสัมพันธมิตรกับญี่ปุ่น เพราะเป็นการพ่ายแพ้ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับกองทัพเรือญี่ปุ่นจนต้องกลายเป็นฝ่ายตั้งรับและล่าถอยอย่างเดียว
ย้อนกลับไปในปี 1942 ยุทธนาวี Midway เกิดขึ้นจากความจำเป็นของกองทัพญี่ปุ่นที่ต้องการกำจัดกองกำลังทางเรือของสหรัฐฯให้หมดไปจากภาคพื้นแปซิฟิก เพราะกองทัพเรือสหรัฐฯในวันนั้นคือภัยคุกคามเดียวที่ขวางกั้นญี่ปุ่นกับชัยชนะทางทะเลอย่างเด็ดขาดในภาคพื้นแปซิฟิก เราจะเห็นได้ว่าญี่ปุ่นให้ความสำคัญในการทำลายกองเรือของสหรัฐฯเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกองเรือบรรทุกเครื่องบิน นับตั้งแต่วันแรกในการบุก Pearl Harbor ในปี 1941 เลย
ในการบุกอ่าว Pearl Harbor นั้นแม้ว่ากองทัพญี่ปุ่นจะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด ด้วยการจมเรือประจัญบานของสหรัฐฯไปถึง 8 ลำ เครื่องบินรบอีก 188 ลำ แต่การโจมตี Pearl Harbor ครั้งนั้น ไม่มีเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯสูญเสียแม้แต่ลำเดียว นี่คือสิ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับนายพลยามาโมโต แม่ทัพเรือญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เพราะเขาต้องการที่จะกำจัดกองเรือทั้งหมดของสหรัฐฯในแปซิฟิก โดยเฉพาะเรือบรรทุกเครื่องบิน
แต่การรบระหว่างสัมพันธมิตรกับญี่ปุ่นในช่วงก่อนยุทธนาวี Midway ถือว่าญี่ปุ่นได้เปรียบทั้งกำลัง และประสบการณ์ของทหาร เห็นได้จากการชนะในการรบมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นที่ Pearl Harbor มลายู ไทย และฟิลิปปินส์ แต่สิ่งที่ญี่ปุ่นกำลังเสียเปรียบสหรัฐฯขึ้นเรื่อยๆ ก็คือความสามารถในการสร้างอาวุธของภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐฯที่กำลังผลิตอาวุธทุกชนิดเพื่อเอาชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างรวดเร็ว และเรื่องสำคัญอีกเรื่องก็คือข่าวกรอง ที่กองทัพสหรัฐฯสามารถถอดรหัสการสื่อสารของกองทัพญี่ปุ่นได้ โดยที่ฝ่ายญี่ปุ่นไม่รู้ตัวเลย
ก่อนการรบที่ Midway ประมาณ 1 เดือน ได้เกิดการรบครั้งใหญ่ที่บริเวณทะเลคอรัล(Battle of the Coral Sea) บริเวณออสเตรเลีย นิวกีนี และหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นเองไม่สงสัยเลยว่าทำไมกองทัพสหรัฐฯและออสเตรเลีย สามารถตั้งแนวรบรับการบุกของญี่ปุ่นได้ราวกับรู้ล่วงหน้า แม้ว่าการรบทีทะเลคอรัลจะสามารถชี้ขาดชัยชนะระหว่างทั้งสองฝ่ายได้เพราะต่างสูญเสียกำลังรบไปเท่าๆกัน แต่ญี่ปุ่นก็ต้องล่าถอยออกไปจากพื้นที่
อย่างไรก็ตามการรบที่ทะเลคอรัลนั้นก็เป็นเพียงการหยั่งเชิงของกองทัพญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะแผนการจริงๆคือการบุก Midway ซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักของกองทัพสหรัฐฯที่ถือว่าเป็นภัยคุกคามมากที่สุดต่อกองเรือญี่ปุ่นนั่นเอง แต่สิ่งที่ญี่ปุ่นไม่รู้เลยก็คือสหรัฐฯเองก็รู้ถึงแผนการบุก Midway อยู่แล้ว
การบุก Midway ครั้งนี้ญี่ปุ่นนำทัพโดยนายพลยามาโมโต มีทัพหน้านำโดยนายพลนากูโม ซึ่งเป็นแม่ทัพบุก Pearl Harbor มีเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 4 ลำคือ เรือคากะ,โชโฮ,ฮิริว และโชริว พร้อมด้วยเรือประจัญบานอีก 2 ลำ เรือลาดตระเวน 2 ลำ และเรือพิฆาตอีก 12 ลำ นอกจากนี้ยังมีกองเรือลวงที่ประกอบไปด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน และกองเรือต่างๆอีกด้วย แต่สิ่งที่นายพลยามาโตยังคงกังวลก็คือแม้จะถึงวันบุก Midway แล้ว แต่ญี่ปุ่นยังไม่รู้เลยว่ากองเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯอยู่ที่ไหน
ด้านกองทัพสหรัฐฯ นำทัพโดยนายพลเรือ Chester Nimitz ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ พล.ร.อ.Frank Jack Fletcher พล.ร.อ. Raymond A. Spruance อย่างไรก็ตามกองกำลังที่ป้องกัน Midway นั้นมีเพียงเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ กองเรือจำนวนหนึ่ง เครื่องบินและฐานปืนต่อสู้อากาศยานบนเกาะ Midwayเท่านั้น เพราะเรือบรรทุกเครื่องบินอีก 2 ลำ และกองเรืออีกส่วนอยู่นอก Midway แล้ว ทำให้กำลังในการป้องกันMidway จากการบุกระลอกแรกนั้นสหรัฐฯมีกำลังเพียง 1 ต่อ 4 เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น แถมนักบินของกองทัพสหรัฐฯยังด้อยประสบการณ์กว่ามาก
แต่ด้วยข่าวกรองที่เหนือกว่า และญี่ปุ่นเองไม่คิดว่าสหรัฐฯจะมีเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 2 ลำที่กำลังรอจังหวะเข้าโจมตี ทำให้กองเรือญี่ปุ่นตกเป็นเป้านิ่งในช่วงสับเปลี่ยนกำลังเพื่อเข้าโจมตี Midway ระลอกที่สอง อีกทั้งการรายงานภาคสนามที่ผิดพลาดของญี่ปุ่นเองว่าสามารถจมเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯได้ 1 ลำ ทั้งที่เพียงแค่ได้รับความเสียหายอย่างหนักเท่านั้น สุดท้ายหายนะจึงเกิดกับกองทัพญี่ปุ่น การรบที่ Midway นั้นเกิดขึ้นเพียง 4 วัน คือวันที่ 4-7 มิถุนายน 1942 แต่ญี่ปุ่นก็ต้องพ่ายแพ้และเสียหายอย่างหนัก
โดยผลจากยุทธนาวีที่ Midway นั้นกองทัพสหรัฐฯสามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้อย่างเด็ดขาด ฝ่ายญี่ปุ่นต้องสูญเสียเรือบรรทุกเครื่องบินทั้ง 4 ลำที่ใช้บุก Midway เครื่องบิน 248 ลำ พร้อมนักบินฝีมือเยี่ยม ทหารตาย 3,057คน แม้แต่นายพลนากูโม ก็ยังบาดเจ็บสาหัสจนต้องออกจากการรบและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯสูญเสียเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ เรือพิฆาต 1 ลำ เครื่องบิน 150 ลำ และทหารเพียง 307 คน
การพ่ายแพ้ที่ Midway ทำให้กองทัพเรือญี่ปุ่นสูญเสียกำลังหลักของกองทัพเรือไป โดยไม่มีความสามารถในการสร้างอาวุธและกำลังทหารมาทดแทน ต่างจากสหรัฐฯที่ยังมีเรือบรรทุกเครื่องบิน และอาวุธจำนวนมากที่ถูกผลิตขึ้นทดแทนอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว การบุกยึดออสเตรเลียของญี่ปุ่นเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป การรุกคืบของกองทัพญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องหยุดชะงัก ถูกผลักดันกลับจากการสูญเสียอำนาจทางทะเล และนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาต่อมา
เขียนโดย Admin
Cr.military-journals.blogspot.com
ตัวอย่างแรก “MIDWAY” ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี!จากเรื่องจริงยุทธการระทึก จุดเปลี่ยนเกมรบสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังจากปล่อยเซ็ทภาพนิ่งออกมาก่อนหน้า โปรเจคต์แอคชั่น-สงครามฟอร์มยักษ์แห่งปี 2019 “MIDWAY” ไม่ขอรอช้า บุกต่อเนื่องโชว์ ตัวอย่างแรก ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีออกมาทันที ภาพมหาสงครามตรงหน้าจะทำให้ผู้ชมทั้งตื่นตะลึง ลุ้นระทึก และบีบหัวใจตามกับ ยุทธการมิดเวย์ ปฏิบัติการทางทหารซึ่งถือว่าเป็นสำคัญที่สุดในแนวรบด้านมหาสมุทรแปซิฟิกของช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยกลยุทธการปะทะแบบ 360 องศาระหว่างกองทัพเรือสหรัฐฯและกองทัพของญี่ปุ่น ที่ถึงแม้จะกินเวลาเพียง 4 วัน แต่กลับสร้างจุดเปลี่ยนเกมรบของสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปตลอดกาล
ผลงานการกำกับชิ้นล่าสุดของ โรแลนด์ เอมเมอริช ผู้กำกับผลงานฟอร์มยักษ์ที่โดนใจผู้ชมแบบถ้วนหน้ามาแล้วอาทิIndependence Day, The Day After Tomorrow และ 2012 และยังร่วมระดมกำลังพลด้วยดาราคับคั่ง นำโดย
ลุค อีแวนส์ จากFast & Furious 6,
วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน จาก War for the Planet of the Apes,
แพทริค วิลสัน จาก Aquaman,
นิค โจนัส จากJumanji: Welcome to the Jungle,
เอ็ด สไครน์ จาก Alita: Battle Angel,
เดนนิส เควด จาก G.I. Joe: The Rise of Cobra,
แอรอน เอ็คฮาร์ท จาก The Dark Knight
และ แมนดี้ มัวร์ จาก The Darkest Minds
จากวีรกรรมจริงอันน่าเหลือเชื่อ หนึ่งการปะทะเปลี่ยนเกมสงครามโลกไปตลอดกาล
“MIDWAY” มีกำหนดเข้าฉาย 7 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ
Cr.mcinenews.com
ย้อนอดีต Battle of Midway
เมื่อกล่าวถึงการรบทางทะเลที่พลิกโฉมหน้าการรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสมรภูมิเอเชีย-แปซิฟิก ย่อมต้องพูดถึงยุทธนาวี Midway ซึ่งถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามที่ชัดเจนที่สุดของสงครามระหว่างสัมพันธมิตรกับญี่ปุ่น เพราะเป็นการพ่ายแพ้ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับกองทัพเรือญี่ปุ่นจนต้องกลายเป็นฝ่ายตั้งรับและล่าถอยอย่างเดียว
ย้อนกลับไปในปี 1942 ยุทธนาวี Midway เกิดขึ้นจากความจำเป็นของกองทัพญี่ปุ่นที่ต้องการกำจัดกองกำลังทางเรือของสหรัฐฯให้หมดไปจากภาคพื้นแปซิฟิก เพราะกองทัพเรือสหรัฐฯในวันนั้นคือภัยคุกคามเดียวที่ขวางกั้นญี่ปุ่นกับชัยชนะทางทะเลอย่างเด็ดขาดในภาคพื้นแปซิฟิก เราจะเห็นได้ว่าญี่ปุ่นให้ความสำคัญในการทำลายกองเรือของสหรัฐฯเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกองเรือบรรทุกเครื่องบิน นับตั้งแต่วันแรกในการบุก Pearl Harbor ในปี 1941 เลย
ในการบุกอ่าว Pearl Harbor นั้นแม้ว่ากองทัพญี่ปุ่นจะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด ด้วยการจมเรือประจัญบานของสหรัฐฯไปถึง 8 ลำ เครื่องบินรบอีก 188 ลำ แต่การโจมตี Pearl Harbor ครั้งนั้น ไม่มีเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯสูญเสียแม้แต่ลำเดียว นี่คือสิ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับนายพลยามาโมโต แม่ทัพเรือญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เพราะเขาต้องการที่จะกำจัดกองเรือทั้งหมดของสหรัฐฯในแปซิฟิก โดยเฉพาะเรือบรรทุกเครื่องบิน
แต่การรบระหว่างสัมพันธมิตรกับญี่ปุ่นในช่วงก่อนยุทธนาวี Midway ถือว่าญี่ปุ่นได้เปรียบทั้งกำลัง และประสบการณ์ของทหาร เห็นได้จากการชนะในการรบมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นที่ Pearl Harbor มลายู ไทย และฟิลิปปินส์ แต่สิ่งที่ญี่ปุ่นกำลังเสียเปรียบสหรัฐฯขึ้นเรื่อยๆ ก็คือความสามารถในการสร้างอาวุธของภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐฯที่กำลังผลิตอาวุธทุกชนิดเพื่อเอาชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างรวดเร็ว และเรื่องสำคัญอีกเรื่องก็คือข่าวกรอง ที่กองทัพสหรัฐฯสามารถถอดรหัสการสื่อสารของกองทัพญี่ปุ่นได้ โดยที่ฝ่ายญี่ปุ่นไม่รู้ตัวเลย
ก่อนการรบที่ Midway ประมาณ 1 เดือน ได้เกิดการรบครั้งใหญ่ที่บริเวณทะเลคอรัล(Battle of the Coral Sea) บริเวณออสเตรเลีย นิวกีนี และหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นเองไม่สงสัยเลยว่าทำไมกองทัพสหรัฐฯและออสเตรเลีย สามารถตั้งแนวรบรับการบุกของญี่ปุ่นได้ราวกับรู้ล่วงหน้า แม้ว่าการรบทีทะเลคอรัลจะสามารถชี้ขาดชัยชนะระหว่างทั้งสองฝ่ายได้เพราะต่างสูญเสียกำลังรบไปเท่าๆกัน แต่ญี่ปุ่นก็ต้องล่าถอยออกไปจากพื้นที่
อย่างไรก็ตามการรบที่ทะเลคอรัลนั้นก็เป็นเพียงการหยั่งเชิงของกองทัพญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะแผนการจริงๆคือการบุก Midway ซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักของกองทัพสหรัฐฯที่ถือว่าเป็นภัยคุกคามมากที่สุดต่อกองเรือญี่ปุ่นนั่นเอง แต่สิ่งที่ญี่ปุ่นไม่รู้เลยก็คือสหรัฐฯเองก็รู้ถึงแผนการบุก Midway อยู่แล้ว
การบุก Midway ครั้งนี้ญี่ปุ่นนำทัพโดยนายพลยามาโมโต มีทัพหน้านำโดยนายพลนากูโม ซึ่งเป็นแม่ทัพบุก Pearl Harbor มีเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 4 ลำคือ เรือคากะ,โชโฮ,ฮิริว และโชริว พร้อมด้วยเรือประจัญบานอีก 2 ลำ เรือลาดตระเวน 2 ลำ และเรือพิฆาตอีก 12 ลำ นอกจากนี้ยังมีกองเรือลวงที่ประกอบไปด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน และกองเรือต่างๆอีกด้วย แต่สิ่งที่นายพลยามาโตยังคงกังวลก็คือแม้จะถึงวันบุก Midway แล้ว แต่ญี่ปุ่นยังไม่รู้เลยว่ากองเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯอยู่ที่ไหน
ด้านกองทัพสหรัฐฯ นำทัพโดยนายพลเรือ Chester Nimitz ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ พล.ร.อ.Frank Jack Fletcher พล.ร.อ. Raymond A. Spruance อย่างไรก็ตามกองกำลังที่ป้องกัน Midway นั้นมีเพียงเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ กองเรือจำนวนหนึ่ง เครื่องบินและฐานปืนต่อสู้อากาศยานบนเกาะ Midwayเท่านั้น เพราะเรือบรรทุกเครื่องบินอีก 2 ลำ และกองเรืออีกส่วนอยู่นอก Midway แล้ว ทำให้กำลังในการป้องกันMidway จากการบุกระลอกแรกนั้นสหรัฐฯมีกำลังเพียง 1 ต่อ 4 เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น แถมนักบินของกองทัพสหรัฐฯยังด้อยประสบการณ์กว่ามาก
แต่ด้วยข่าวกรองที่เหนือกว่า และญี่ปุ่นเองไม่คิดว่าสหรัฐฯจะมีเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 2 ลำที่กำลังรอจังหวะเข้าโจมตี ทำให้กองเรือญี่ปุ่นตกเป็นเป้านิ่งในช่วงสับเปลี่ยนกำลังเพื่อเข้าโจมตี Midway ระลอกที่สอง อีกทั้งการรายงานภาคสนามที่ผิดพลาดของญี่ปุ่นเองว่าสามารถจมเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯได้ 1 ลำ ทั้งที่เพียงแค่ได้รับความเสียหายอย่างหนักเท่านั้น สุดท้ายหายนะจึงเกิดกับกองทัพญี่ปุ่น การรบที่ Midway นั้นเกิดขึ้นเพียง 4 วัน คือวันที่ 4-7 มิถุนายน 1942 แต่ญี่ปุ่นก็ต้องพ่ายแพ้และเสียหายอย่างหนัก
โดยผลจากยุทธนาวีที่ Midway นั้นกองทัพสหรัฐฯสามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้อย่างเด็ดขาด ฝ่ายญี่ปุ่นต้องสูญเสียเรือบรรทุกเครื่องบินทั้ง 4 ลำที่ใช้บุก Midway เครื่องบิน 248 ลำ พร้อมนักบินฝีมือเยี่ยม ทหารตาย 3,057คน แม้แต่นายพลนากูโม ก็ยังบาดเจ็บสาหัสจนต้องออกจากการรบและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯสูญเสียเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ เรือพิฆาต 1 ลำ เครื่องบิน 150 ลำ และทหารเพียง 307 คน
การพ่ายแพ้ที่ Midway ทำให้กองทัพเรือญี่ปุ่นสูญเสียกำลังหลักของกองทัพเรือไป โดยไม่มีความสามารถในการสร้างอาวุธและกำลังทหารมาทดแทน ต่างจากสหรัฐฯที่ยังมีเรือบรรทุกเครื่องบิน และอาวุธจำนวนมากที่ถูกผลิตขึ้นทดแทนอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว การบุกยึดออสเตรเลียของญี่ปุ่นเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป การรุกคืบของกองทัพญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องหยุดชะงัก ถูกผลักดันกลับจากการสูญเสียอำนาจทางทะเล และนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาต่อมา
เขียนโดย Admin
Cr.military-journals.blogspot.com