สะพัด!! ควบโครงข่าย JAS DTAC

กระทู้ข่าว

ราคาหุ้น JAS ยังเพิ่มต่อเนื่อง โบรกฯ หวั่นสัญญาณไม่ดี เตือนระวังลงทุน เหตุราคาพุ่งแรง สะพัด ดีลใหญ่ควบรวมค่ายมือถือดัง ร่วมมือทำ Fixed Mobile Convergence

ราคาหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน)หรือ JAS ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 ราคาได้ปรับขึ้นสูงสุดที่ 7.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท หรือ 7.63% สร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปี และตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2562 ราคาปิดที่ 7.85 บาท เพิ่มขึ้น 3.37 บาท หรือ 75.22% จากราคาปิดวันที่ 2 มกราคม ที่ 4.48 บาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)ล่าสุด ณ 18 กรกฎาคม อยู่ที่ 64,007.78 ล้านบาท

พิชญ์ โพธารามิก



สำหรับ JAS เป็นผู้นำธุรกิจให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โดยมีนายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทถือหุ้นใหญ่ที่สุด สัดส่วน 56.18% หรือจำนวน 4,572 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 35,890.2 ล้านบาท (คำนวณจาก 7.85 บาท ซึ่งเป็นราคาปิด ณ วันที่ 18 ก.ค.62) และจากการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นปี 2561 นายพิชญ์อยู่ในอันดับ 8 ร่วงจากอันดับ 2 เมื่อปี 2560 โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 28,919.28 ล้านบาท ลดลง 15,163.65 ล้านบาท หรือ 34.40% ความมั่งคั่งของพิชญ์ที่ลดลง มาจากการลดสัดส่วนการถือหุ้น JAS เหลือ 55.80% จาก 66.13% เมื่อปี 2560 หรือลดลง 10.33% รวมมูลค่า 23,898.62 ล้านบาท และลดการถือหุ้นใน บมจ.โมโน เทคโนโลยี (MONO) ลง 6% คงเหลือ 64.20% รวมมูลค่า 5,080.67 ล้านบาท รวมถึงราคาหุ้นของทั้ง 2 แห่งก็ปรับลดลงจากปี 2560 ด้วย      


นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์รายหนึ่งระบุว่า ราคาหุ้น JAS ที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นสัญญาณไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากปกติของการซื้อขายหุ้น หากมีมูลค่าซื้อขายในปริมาณที่มาก ราคาจะต้องปรับขึ้นลงแรงตาม ซึ่งที่ผ่านมาแม้มูลค่าการซื้อขายที่มากที่สุดใน 1 วัน เทียบเท่ากับมูลค่าซื้อขายรวมกัน 2-3 วัน แต่ราคาหุ้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก อยู่ในลักษณะประคองให้สามารถปรับขึ้นไปต่อได้ ทำให้มองว่า เป็นการเปลี่ยนมือของหุ้น ซึ่งนักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุนให้มากเป็นพิเศษ  ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวในตลาดขณะนี้คาดว่า จะเป็นดีลควบรวมกับโครงข่ายโทรคมนาคมระหว่าง JAS กับ ดีแทค ซึ่งคาดว่าจะเป็นการควบรวม เพื่อดำเนินการรวมกันของเทคโนโลยีด้านการสื่อสารไร้สาย(Wireless) และการสื่อสารแบบมีสาย (Wireline) หรือเรียกว่า Fixed Mobile Convergence (FMC) ซึ่งหากควบรวมกันได้ จะเอื้อประโยชน์ต่อกันทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากการลงทุน FMC ในภาวะปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีรายได้ที่ค่อนข้างมั่นคง และมีการแข่งขันที่รุนแรงน้อยกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย


“JAS มีหลายพื้นที่ที่ปักธงไว้แล้ว แต่ที่ผ่านมา การเติบโตของฐานลูกค้ายังไม่โดดเด่น เพราะค่ายโทรศัพท์ดังกล่าว ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเท่ากับค่ายอื่น ทำให้เมื่อรวมกันได้ จะเอื้อประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่ายเป็นอย่างมากและสามารถเติบโตคู่กันไปได้ จึงมองว่า มีโอกาสที่จะมีการขายหรือควบรวมกิจการกันได้”       

นายสุพจน์ สัญญพิสิทธิ์กุล กรรมการ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า คงให้ความเห็นไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ JAS ก็มีข่าวกับ เอไอเอส มาแล้ว ขณะนี้ JAS สนใจเรื่องเดียวคือ การจำหน่ายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) ให้กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF)  


ส่วนความคืบหน้าการขายสินทรัพย์เข้า JASIF ซึ่งถือเป็นเฟส 2 ครั้งที่ 1 หลังจากไอพีโอ ที่เป็นเฟส 1 ก่อนหน้าในปี 2558 บล.ดีบีเอสวิคเคอร์สฯระบุว่า คาดว่า การซื้อสินทรัพย์จะเสร็จภายในปี 2562 และเริ่มรับรู้รายได้จากสินทรัพย์ใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2563 คาดว่า ราคาขายเฟส 2 อยู่ที่ 35,000 ล้านบาท โดยสินทรัพย์เป็นไฟเบอร์ ออพติกที่ 6.5 แสนคอร์กิโลเมตร หากอ้างอิงอัตรากำไรที่ได้รับจากการขายสินทรัพย์เฟส 1 คาดว่ากำไรก่อนและหลังภาษีเป็น 11,600 และ 9,200 ล้านบาทตามลำดับ ทำให้กำไรสุทธิปี 2562 สูงไปถึง 11,400 ล้านบาท โตกระโดดถึง 104% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และด้วยอัตราการจ่ายปันผล (Payout Ratio) ที่ 80% จึงคาดว่าเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) ปี 2562 จะสูงเป็น 1 บาท และคิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลสูงถึง 13.7% คาดว่าจะเป็นลำดับต้นๆ ใน SET

ที่มา
http://www.thansettakij.com/content/405475

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่