เมี่อช่วงต้นปี 2019 ที่ผ่านมานี้ เอมี่และสามีได้มีโอกาสไปเที่ยว East Africa เป็นครั้งแรก ทริปนี้ไปมาทั้งหมดสามประเทศค่ะ มี Rwanda, Kenya และ Tanzania ในกระทู้นี้จะขอพูดถึง Rwanda ก่อนนะคะ
ก่อนไปเยือน Rwanda เอมี่ไม่ได้ทำการบ้านหรือศึกษาหาความรู้ใดๆ เกี่ยวกับประเทศนี้เลย รู้แต่ว่าเคยได้ยินชื่อประเทศนี้เมื่อตอนที่มีข่าวการฆ่าล้างเผ่าพันธํในปี 1994 แต่จำรายละเอียดไม่ได้ กะว่าพอไปถึงที่นั่น ก็คงจะได้ความรู้เพิ่มเติมเอง พอเอมี่กับสามีเดินทางไปถึงและออกจากสนามบิน Kigali International Airport เราก็ได้พบกับไกด์ท้องถิ่นของเรา ชื่อ Charles ซึ่งจะเป็นคนขับรถให้เราด้วย Charles กล่าวทักทายเราสองคนอย่างเป็นกันเอง พร้อมบอกกับเราว่า
"Welcome to the land of a thousand hills" เราทั้งสองไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาเรียกประเทศนี้กันแบบนี้ ซึ่งเป็นจริงอย่างที่เขาว่าจริงๆ ค่ะ ขณะที่นั่งรถจากสนามบินไปยังโรงแรมที่เราพักในเมือง Kigali (เมืองหลวงของ Rwanda) ได้เห็นถนนหนทางและเนินเขาเล็กๆ เป็นระยะๆ เอมี่นึกในใจ "อืม ประเทศนี้ไม่ธรรมดาดีแฮะ" สิ่งที่ประทับใจเราสองคนมากคือ ความสะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทำให้นึกในใจไปต่อว่า "นี่เราอยู่แอฟริกาจริงๆ หรือนี่" เลยชวนให้เกิดคำถามว่า "ทำไมที่นี่สะอาด และดูดีจัง เขาทำได้ยังไง"
พอเราเช็คอินที่โรงแรมและเข้าห้องพัก เก็บกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย เอมี่ชวนสามีออกไปเดินเล่นกัน ดูสภาพบ้านเมืองรอบๆ โรงแรม เกิดความประทับใจอีกเช่นกัน ทางเดินข้างถนนสะอาดตา และเป็นระเบียบมาก มีชาวต่างชาติเดินไปมา ทั้งที่ดูเหมือนเป็นนักท่องเที่ยว และดูเหมือนเป็นคนทำงานที่อาศัยอยู่ที่นี่ เอมี่รู้สึกว่าปลอดภัย ยังบอกกับสามีเลยว่า "I think I could liv
." นานๆ จะมีความรู้สึกแบบนี้ในต่างแดน โดยเฉพาะที่แอฟริกา!
วันรุ่งขึ้น พอเจอไกด์ เอมี่ถามทันทีเลยว่า ทำไมบ้านเมืองดูดี สะอาดจัง ไกด์ยิ้มโชว์ฟันขาวจั๊วและบอกว่า "Kigali is the cleanest city in Africa." ด้วยสำเนียงที่บ่งบอกถึงความภาคภูมิใจ และอธิบายต่อว่าที่บ้านเมืองสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นเนื่องจาก เขามีกฏให้ทุกบ้านส่งคนในบ้านอย่างน้อยหนึ่งคน ออกมาเก็บขยะ ทำความสะอาดถนนหนทาง เดือนละสองครั้ง (ทุกวันเสาร์เว้นเสาร์) โดยมีคนที่เป็นผู้นำ คล้ายๆ หัวหน้าหมู่บ้านหรือหัวหน้าชุมชน คอยเกณฑ์คนให้ออกมาทำความสะอาด แม้แต่ประธานาธิบดีของเขาก็ต้องออกมาช่วยทำความสะอาดถนนเช่นกัน นับว่าเป็นนโยบายที่ดีมาก นอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ทำให้บ้านเมืองสะอาด เป็นระเบียบแล้ว เขายังปลูกฝังให้ทุกคนมีส่วนร่วม ได้ร่วมมือร่วมแรง ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศตนเอง น่าทึ่งมากค่ะ
เรื่องราวของประเทศนี้ยังไม่จบนะคะ ยังมีเรื่องมาเล่าให้ฟังอีกเยอะเลย สงสัยกันใช่ไหมคะว่าเราสองคนมาทำอะไรกันที่ Rwanda มันมีอะไรน่าเที่ยว ตามอ่านในกระทู้ต่อไปค่ะ
Rwanda: The Land of a Thousand hills
ก่อนไปเยือน Rwanda เอมี่ไม่ได้ทำการบ้านหรือศึกษาหาความรู้ใดๆ เกี่ยวกับประเทศนี้เลย รู้แต่ว่าเคยได้ยินชื่อประเทศนี้เมื่อตอนที่มีข่าวการฆ่าล้างเผ่าพันธํในปี 1994 แต่จำรายละเอียดไม่ได้ กะว่าพอไปถึงที่นั่น ก็คงจะได้ความรู้เพิ่มเติมเอง พอเอมี่กับสามีเดินทางไปถึงและออกจากสนามบิน Kigali International Airport เราก็ได้พบกับไกด์ท้องถิ่นของเรา ชื่อ Charles ซึ่งจะเป็นคนขับรถให้เราด้วย Charles กล่าวทักทายเราสองคนอย่างเป็นกันเอง พร้อมบอกกับเราว่า "Welcome to the land of a thousand hills" เราทั้งสองไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาเรียกประเทศนี้กันแบบนี้ ซึ่งเป็นจริงอย่างที่เขาว่าจริงๆ ค่ะ ขณะที่นั่งรถจากสนามบินไปยังโรงแรมที่เราพักในเมือง Kigali (เมืองหลวงของ Rwanda) ได้เห็นถนนหนทางและเนินเขาเล็กๆ เป็นระยะๆ เอมี่นึกในใจ "อืม ประเทศนี้ไม่ธรรมดาดีแฮะ" สิ่งที่ประทับใจเราสองคนมากคือ ความสะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทำให้นึกในใจไปต่อว่า "นี่เราอยู่แอฟริกาจริงๆ หรือนี่" เลยชวนให้เกิดคำถามว่า "ทำไมที่นี่สะอาด และดูดีจัง เขาทำได้ยังไง"
พอเราเช็คอินที่โรงแรมและเข้าห้องพัก เก็บกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย เอมี่ชวนสามีออกไปเดินเล่นกัน ดูสภาพบ้านเมืองรอบๆ โรงแรม เกิดความประทับใจอีกเช่นกัน ทางเดินข้างถนนสะอาดตา และเป็นระเบียบมาก มีชาวต่างชาติเดินไปมา ทั้งที่ดูเหมือนเป็นนักท่องเที่ยว และดูเหมือนเป็นคนทำงานที่อาศัยอยู่ที่นี่ เอมี่รู้สึกว่าปลอดภัย ยังบอกกับสามีเลยว่า "I think I could liv." นานๆ จะมีความรู้สึกแบบนี้ในต่างแดน โดยเฉพาะที่แอฟริกา!
วันรุ่งขึ้น พอเจอไกด์ เอมี่ถามทันทีเลยว่า ทำไมบ้านเมืองดูดี สะอาดจัง ไกด์ยิ้มโชว์ฟันขาวจั๊วและบอกว่า "Kigali is the cleanest city in Africa." ด้วยสำเนียงที่บ่งบอกถึงความภาคภูมิใจ และอธิบายต่อว่าที่บ้านเมืองสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นเนื่องจาก เขามีกฏให้ทุกบ้านส่งคนในบ้านอย่างน้อยหนึ่งคน ออกมาเก็บขยะ ทำความสะอาดถนนหนทาง เดือนละสองครั้ง (ทุกวันเสาร์เว้นเสาร์) โดยมีคนที่เป็นผู้นำ คล้ายๆ หัวหน้าหมู่บ้านหรือหัวหน้าชุมชน คอยเกณฑ์คนให้ออกมาทำความสะอาด แม้แต่ประธานาธิบดีของเขาก็ต้องออกมาช่วยทำความสะอาดถนนเช่นกัน นับว่าเป็นนโยบายที่ดีมาก นอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ทำให้บ้านเมืองสะอาด เป็นระเบียบแล้ว เขายังปลูกฝังให้ทุกคนมีส่วนร่วม ได้ร่วมมือร่วมแรง ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศตนเอง น่าทึ่งมากค่ะ
เรื่องราวของประเทศนี้ยังไม่จบนะคะ ยังมีเรื่องมาเล่าให้ฟังอีกเยอะเลย สงสัยกันใช่ไหมคะว่าเราสองคนมาทำอะไรกันที่ Rwanda มันมีอะไรน่าเที่ยว ตามอ่านในกระทู้ต่อไปค่ะ