Have you been up too much, mate?!
เคยประสบปัญหาแบบนี้ไหม เรารู้จักทุกคำไหนประโยค แต่พอแปลออกมาแล้ว ฟังไม่รู้เรื่อง!
นั่นเพราะในประโยคนี้อาจมี
Phrasal verb อยู่
กระทู้นี้ถึงเวลาทำความรู้จักกับ
Phrasal Verbs หรือที่ภาษาไทยเราเรียกว่า "กริยาวลี"
จริง ๆ ก็เคยพูดถึงไปบ้าง แต่ยังไม่เคยเอามาให้รู้จักแบบจริง ๆ จัง ๆ สักที ส่วนมากก็โผล่มานิดหน่อย
วันนี้เลยคิดว่าต้องจัดสักหน่อยละ เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่รู้ไม่ได้จริง ๆ ชีวิตการเรียนภาษาอังกฤษจะยากลำบากขึ้นมากหากเราไม่เข้าใจมัน
Let's roll!
_______________
"
เข้าใจคำศัพท์สำคัญ"
ก่อนอื่นเราต้องรู้จักกับคำว่า
Phrasal ให้แตกฉานก่อน
Phrasal เป็น adjective ที่มาจากคำว่า
Phrase (n.) แปลว่า
วลี
แล้ว "
วลี" มันแปลว่าอะไร? หลายคนอาจไม่แน่ใจ
ง่าย ๆ เลย วลีก็คือ "
กลุ่มคำ" นี่แหละครับ กลุ่มคำ
ที่ยังไม่ใช่ประโยค
ลองเปรียบเทียบกันดูนะ
The cat is looking at you. (แมวตัวนั้นมองเธออยู่)
อันนี้เป็นประโยคสมบูรณ์ (sentence) เพราะมีประธาน (the cat) + กริยาแท้ (is)
The cat looking at you (แมวที่กำลังมองเธอ)
อันนี้ไม่ถือว่าเป็นประโยค เพราะไม่มีกริยา เราจึงเรียกวันว่า วลี
มันยังไม่สมบูรณ์ ต้องหาอะไรมาต่อถึงจะเป็นประโยคสมบูรณ์ได้ เราอาจแต่งเพิ่มไปว่า
The cat looking at you is John's cat.
(แมวที่กำลังมองเธอคือแมวของจอห์น)
พอจะเห็นความแตกต่างของ วลี กับ ประโยค ไหม?
-
วลีเป็นแค่กลุ่มคำ ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ด้วยตัวมันเอง
-
ประโยคต้องมีประธานและกริยา ถือว่าสมบูรณ์ด้วยตัวมันเอง
*สมบูรณ์ แปลว่า มีความหมายครบถ้วน
โอเคนะ ย่อหน้านี้เราทำความเข้าใจคำว่า Phrasal (adj.) และ Phrase (n.) โดยเรารู้ว่า
- Phrase คือกลุ่มคำ แต่ยังไม่ใช่ sentence
- Phrase ต่างกับ sentence คือ phrase ไม่มีกริยา เป็นเพียงกลุ่มคำไม่ใช่ประโยคสมบูรณ์ ถ้าจะให้เป็นประโยคต้องแต่งต่อให้ครบ (ดังตัวอย่างข้างบน)
- Phrase กลายเป็น
Phrasal (adj.) เพื่อไปขยาย
Verb (n.)
- รวมกันเป็น
Phrasal verb ซึ่งแปลง่าย ๆ เลยว่า '
กริยาที่มาเป็นกลุ่มคำ' หรือพูดแบบไพเราะก็คือ '
กริยาวลี' นั่นเอง
ก่อนจบย่อหน้าแรก อีกหนึ่งคำรู้สำคัญ Phrasal อ่านว่า '
เฟร๊-เซิ่ล /ˌfreɪ.zəl/ นะครับ (Ph = ฟ) เน้นเสียงที่พยางค์แรก ห้ามอ่านว่า พราซาล หรือพราซอล อะไรแนวนี้นะ!
ทีนี้เรามาดูกันว่า 'กริยาวลี' หรือ 'Phrasal verb' ของเราเนี่ย มันมีความสำคัญอย่างไร และเราจะเอาไปใช้แบบไหน
_______________
เอาแบบง่าย ๆ เลย Phrasal verbs คือ "
กริยาที่มารวมกับ adverb หรือ preposition และเกิดเป็นความหมายใหม่"
ประมาณนี้
Verb + adverb/preposition =
Phrasal verb (with new meaning)
มาดูตัวอย่างคลาสสิค
Come (v.) แปลว่า มา
Across (adv.) แปลว่า ข้าม
พอมารวมกัน
Come across มันก็ไม่ได้แปลว่า
มาข้าม นะ
เพราะมันกลายเป็น Phrasal verb แล้ว จึง
เกิดความหมายใหม่!
Come across (phr. v.) แปลว่า
พบโดยบังเอิญ (find by chance)
เช่น
Yesterday I cleaned my house and
came across loads of my childhood stuff.
(เมื่อวานฉันทำความสะอาดบ้านและ
บังเอิญเจอของใช้ตอนเด็ก ๆ เพียบเลย)
I
came across my old friend Tom this morning. Man,
's aged well!
(
บังเอิญเจอทอมเช้านี้ บอกเลยแก่แล้วยังหล่ออยู่!)
อีกสักตัวอย่าง
Use (v.) แปลว่า ใช้ ส่วน Up (adv.) แปลว่า ข้างบน
แต่พอมารวมกัน
Use up (phr. v.) ไม่ได้แปลว่า ใช้ข้างบน มันแปลว่า
ใช้จนหมด หรือ
ใช้จนไม่เหลือ (use completely)
เช่น
Jim has
used up all his savings and now he's as poor as a church mouse!
(จิม
ใช้เงินเก็บของเขา
จนหมด ตอนนี้เขาจนโคตร!) *As poor as a church mouse แปลว่า จนมาก ๆ (เหมือนหนูในโบสถ์ เพราะคนไม่ค่อยเก็บอะไรไว้ข้างในโบสถ์ เขาเลยชอบพูดกันว่าหนูที่เลือกอาศัยในโบสถ์ไม่ค่อยมีอะไรกินหรอก)
She has
used up all her leave and can't take anymore time off. Should have saved it for our trip!
(เธอ
ใช้สิทธิ์ในการลา
จนหมดและไม่สามารถลางานไปไหนได้แล้ว แทนที่จะเก็บไว้ใช้ตอนไปเที่ยวทริปกัน!)
แถมให้อีกอัน กลัวยังไม่เข้าใจ
Call (v.) แปลว่า โทร ส่วน Off (adv.) แปลว่า ห่างออกไป
แต่พอรวมกันไม่ได้แปลว่า โทรทางไกล หรือโทรออกไป อะไรหรอกนะครับ
Call off (phr. v.) แปลว่า
ยกเลิก (cancel) ง่าย ๆ นี่แหละ
เช่น
I'm afraid I'm gonna have to
call off tonight's meeting because the boss is not feeling well.
(ผมเกรงว่าผมต้องขอ
ยกเลิกการประชุมคืนนี้เพราะหัวหน้ารู้สึกป่วยนิดหน่อย)
They
called off the wedding for some reason unknown.
(พวกเขา
ยกเลิกงานแต่งงานด้วยเหตุผลอะไรไม่มีใครรู้)
______________
แล้วถามว่ามีวิธีหรือมี '
สูตร' อะไรมั้ยให้เรารู้ว่าคำนี้คือ Phrasal verb? บอกเลยว่าต้องจำเอาครับพี่น้อง! มันคือวิธีที่ง่ายสุดจริง ๆ จำและนำไปใช้
ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมากมาย เอาเป็นว่าทุกครั้งที่เจอ verb + adverb ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามันอาจเป็น Phrasal verb
แล้วพอเริ่มใช้คล่องสักพักแล้ว (พอเริ่มจำ phrasal verb ได้หลายตัว) เราจะเริ่มหูตาไวต่อ phrasal verb มากขึ้น แล้วภาษาอังกฤษมันก็จะง่ายขึ้นเยอะ!
และข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ "ห้ามแปล Phrasal verb แบบตรงตัวเด็ดขาด!" ให้เปิด dictionary ดูเท่านั้น ดังที่เราได้เห็นในตัวอย่างแล้วว่า ถ้าเราแปลตรงตัวความหมายมันอาจจะไปคนละเรื่องเลย
แต่ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกคำหรอกที่มันจะยากถึงขนาดต้องเปิดดิกตลอดเวลา บางคำเราก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เช่น
- Set up ที่แปลว่า ติดตั้ง
- Hang out ที่แปลว่า เที่ยวเล่น
- Find out ที่แปลว่า หาเจอ, ค้นพบ
- Pick up ที่แปลว่า หยิบขึ้นมา
- Ask out ที่แปลว่า ชวนไปออกเดต
- Try on ที่แปลว่า ลองเสื้อ
- Fill in/out ที่แปลว่า กรอก
แต่ที่เราไม่คุ้นเคยก็อาจจะมีเช่น
- Chicken out ที่แปลว่า กลัวจนหนีไป
- Con into (doing something) ที่แปลว่า หลอกล่อให้ทำบางอย่าง
- Doze off ที่แปลว่า เผลอหลับไป
- Fall behind ที่แปลว่า รั้งท้าย
- Goof around ที่แปลว่า ทำตัวไร้สาระไปเรื่อย
- Get back at (someone) ที่แปลว่า แก้แค้น
- Let on ที่แปลว่า เปิดปากบอกความลับ
และอีกมากมายยย ขอย้ำไว้เลยว่า Phrasal verb เป็นอะไรที่เจอบ่อยมาก ๆ ๆ ดังนั้นเราควรรีบหามาทำความเข้าใจไว้เลย (ตรง ๆ ก็คือรีบหามาท่องไว้นั่นแหละ) ค่อย ๆ เก็บไว้วันละนิดครับ ไม่ต้องเยอะก็ได้ แต่แนะนำให้อ่านทุกวัน
_______________
สุดท้ายก่อนจาก มาลองทำแบบทดสอบกันหน่อย
ลอง 'เดา' สิว่า Phrasal verb เหล่านี้ควรแปลว่าอะไร โดยห้ามเปิด dictionary! ให้วิเคราะห์ประโยค (ใช้ context clues ช่วยเดา)
และลองคิดสิว่าในประโยคเหล่านี้ กริยาวลีคำนี้ควรแปลว่าอะไร
1. I hate that food.
Turns me off every time I smell it! (Turn off)
2. I really can't go see a movie today. Can we
put it off until Sunday? (Put off)
3. He is such a rude person! I wonder how his parents
brought him up. (Bring up)
4.
Hand in your homework before you leave the room. (Hand in)
5. If you're not sure what the word means,
look it up in a dictionary. (Look up)
ไม่ยาก และไม่ง่าย! ผมมั่นใจว่าถ้าอ่านประโยคและวิเคราะห์ดี ๆ ทุกคนจะเดาได้ไม่ยากเลย
เดี๋ยวเฉลยในคอมเมนต์ครับ ลองพยายามดูก่อนละกัน และอย่าลืมเพิ่มเติมความรู้ให้มากขึ้นกว่าเมื่อวานด้วย!
ตอนนี้เพจ "
พ่อผมเป็นคนอังกฤษ" มี Instagram แล้วนะ ผมโพสต์ Word of the day ทุกวันเลย
ใครต้องการอัพเดตคลังคำศัพท์ของตัวเองด้วยคำศัพท์ดี ๆ ทุกวันเข้าไป Follow ด้วย!
Instagram:
British Dad (@the.jgc) (
https://www.instagram.com/the.jgc/)
"ไม่ต้องรู้ทั้งหมดในวันนี้ แค่รู้มากกว่าเมื่อวานก็พอ"
Stay knowledge-hungry
JGC.
ทำความรู้จัก "Phrasal verb" (An introduction to phrasal verbs)
เคยประสบปัญหาแบบนี้ไหม เรารู้จักทุกคำไหนประโยค แต่พอแปลออกมาแล้ว ฟังไม่รู้เรื่อง!
นั่นเพราะในประโยคนี้อาจมี Phrasal verb อยู่
กระทู้นี้ถึงเวลาทำความรู้จักกับ Phrasal Verbs หรือที่ภาษาไทยเราเรียกว่า "กริยาวลี"
จริง ๆ ก็เคยพูดถึงไปบ้าง แต่ยังไม่เคยเอามาให้รู้จักแบบจริง ๆ จัง ๆ สักที ส่วนมากก็โผล่มานิดหน่อย
วันนี้เลยคิดว่าต้องจัดสักหน่อยละ เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่รู้ไม่ได้จริง ๆ ชีวิตการเรียนภาษาอังกฤษจะยากลำบากขึ้นมากหากเราไม่เข้าใจมัน
Let's roll!
_______________
"เข้าใจคำศัพท์สำคัญ"
ก่อนอื่นเราต้องรู้จักกับคำว่า Phrasal ให้แตกฉานก่อน
Phrasal เป็น adjective ที่มาจากคำว่า Phrase (n.) แปลว่า วลี
แล้ว "วลี" มันแปลว่าอะไร? หลายคนอาจไม่แน่ใจ
ง่าย ๆ เลย วลีก็คือ "กลุ่มคำ" นี่แหละครับ กลุ่มคำที่ยังไม่ใช่ประโยค
ลองเปรียบเทียบกันดูนะ
The cat is looking at you. (แมวตัวนั้นมองเธออยู่)
อันนี้เป็นประโยคสมบูรณ์ (sentence) เพราะมีประธาน (the cat) + กริยาแท้ (is)
The cat looking at you (แมวที่กำลังมองเธอ)
อันนี้ไม่ถือว่าเป็นประโยค เพราะไม่มีกริยา เราจึงเรียกวันว่า วลี
มันยังไม่สมบูรณ์ ต้องหาอะไรมาต่อถึงจะเป็นประโยคสมบูรณ์ได้ เราอาจแต่งเพิ่มไปว่า
The cat looking at you is John's cat.
(แมวที่กำลังมองเธอคือแมวของจอห์น)
พอจะเห็นความแตกต่างของ วลี กับ ประโยค ไหม?
- วลีเป็นแค่กลุ่มคำ ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ด้วยตัวมันเอง
- ประโยคต้องมีประธานและกริยา ถือว่าสมบูรณ์ด้วยตัวมันเอง
*สมบูรณ์ แปลว่า มีความหมายครบถ้วน
โอเคนะ ย่อหน้านี้เราทำความเข้าใจคำว่า Phrasal (adj.) และ Phrase (n.) โดยเรารู้ว่า
- Phrase คือกลุ่มคำ แต่ยังไม่ใช่ sentence
- Phrase ต่างกับ sentence คือ phrase ไม่มีกริยา เป็นเพียงกลุ่มคำไม่ใช่ประโยคสมบูรณ์ ถ้าจะให้เป็นประโยคต้องแต่งต่อให้ครบ (ดังตัวอย่างข้างบน)
- Phrase กลายเป็น Phrasal (adj.) เพื่อไปขยาย Verb (n.)
- รวมกันเป็น Phrasal verb ซึ่งแปลง่าย ๆ เลยว่า 'กริยาที่มาเป็นกลุ่มคำ' หรือพูดแบบไพเราะก็คือ 'กริยาวลี' นั่นเอง
ก่อนจบย่อหน้าแรก อีกหนึ่งคำรู้สำคัญ Phrasal อ่านว่า 'เฟร๊-เซิ่ล /ˌfreɪ.zəl/ นะครับ (Ph = ฟ) เน้นเสียงที่พยางค์แรก ห้ามอ่านว่า พราซาล หรือพราซอล อะไรแนวนี้นะ!
ทีนี้เรามาดูกันว่า 'กริยาวลี' หรือ 'Phrasal verb' ของเราเนี่ย มันมีความสำคัญอย่างไร และเราจะเอาไปใช้แบบไหน
_______________
เอาแบบง่าย ๆ เลย Phrasal verbs คือ "กริยาที่มารวมกับ adverb หรือ preposition และเกิดเป็นความหมายใหม่"
ประมาณนี้
Verb + adverb/preposition = Phrasal verb (with new meaning)
มาดูตัวอย่างคลาสสิค
Come (v.) แปลว่า มา
Across (adv.) แปลว่า ข้าม
พอมารวมกัน Come across มันก็ไม่ได้แปลว่า มาข้าม นะ
เพราะมันกลายเป็น Phrasal verb แล้ว จึงเกิดความหมายใหม่!
Come across (phr. v.) แปลว่า พบโดยบังเอิญ (find by chance)
เช่น
Yesterday I cleaned my house and came across loads of my childhood stuff.
(เมื่อวานฉันทำความสะอาดบ้านและบังเอิญเจอของใช้ตอนเด็ก ๆ เพียบเลย)
I came across my old friend Tom this morning. Man, 's aged well!
(บังเอิญเจอทอมเช้านี้ บอกเลยแก่แล้วยังหล่ออยู่!)
อีกสักตัวอย่าง
Use (v.) แปลว่า ใช้ ส่วน Up (adv.) แปลว่า ข้างบน
แต่พอมารวมกัน Use up (phr. v.) ไม่ได้แปลว่า ใช้ข้างบน มันแปลว่า ใช้จนหมด หรือ ใช้จนไม่เหลือ (use completely)
เช่น
Jim has used up all his savings and now he's as poor as a church mouse!
(จิมใช้เงินเก็บของเขาจนหมด ตอนนี้เขาจนโคตร!) *As poor as a church mouse แปลว่า จนมาก ๆ (เหมือนหนูในโบสถ์ เพราะคนไม่ค่อยเก็บอะไรไว้ข้างในโบสถ์ เขาเลยชอบพูดกันว่าหนูที่เลือกอาศัยในโบสถ์ไม่ค่อยมีอะไรกินหรอก)
She has used up all her leave and can't take anymore time off. Should have saved it for our trip!
(เธอใช้สิทธิ์ในการลาจนหมดและไม่สามารถลางานไปไหนได้แล้ว แทนที่จะเก็บไว้ใช้ตอนไปเที่ยวทริปกัน!)
แถมให้อีกอัน กลัวยังไม่เข้าใจ
Call (v.) แปลว่า โทร ส่วน Off (adv.) แปลว่า ห่างออกไป
แต่พอรวมกันไม่ได้แปลว่า โทรทางไกล หรือโทรออกไป อะไรหรอกนะครับ
Call off (phr. v.) แปลว่า ยกเลิก (cancel) ง่าย ๆ นี่แหละ
เช่น
I'm afraid I'm gonna have to call off tonight's meeting because the boss is not feeling well.
(ผมเกรงว่าผมต้องขอยกเลิกการประชุมคืนนี้เพราะหัวหน้ารู้สึกป่วยนิดหน่อย)
They called off the wedding for some reason unknown.
(พวกเขายกเลิกงานแต่งงานด้วยเหตุผลอะไรไม่มีใครรู้)
______________
แล้วถามว่ามีวิธีหรือมี 'สูตร' อะไรมั้ยให้เรารู้ว่าคำนี้คือ Phrasal verb? บอกเลยว่าต้องจำเอาครับพี่น้อง! มันคือวิธีที่ง่ายสุดจริง ๆ จำและนำไปใช้
ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมากมาย เอาเป็นว่าทุกครั้งที่เจอ verb + adverb ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามันอาจเป็น Phrasal verb
แล้วพอเริ่มใช้คล่องสักพักแล้ว (พอเริ่มจำ phrasal verb ได้หลายตัว) เราจะเริ่มหูตาไวต่อ phrasal verb มากขึ้น แล้วภาษาอังกฤษมันก็จะง่ายขึ้นเยอะ!
และข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ "ห้ามแปล Phrasal verb แบบตรงตัวเด็ดขาด!" ให้เปิด dictionary ดูเท่านั้น ดังที่เราได้เห็นในตัวอย่างแล้วว่า ถ้าเราแปลตรงตัวความหมายมันอาจจะไปคนละเรื่องเลย
แต่ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกคำหรอกที่มันจะยากถึงขนาดต้องเปิดดิกตลอดเวลา บางคำเราก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เช่น
- Set up ที่แปลว่า ติดตั้ง
- Hang out ที่แปลว่า เที่ยวเล่น
- Find out ที่แปลว่า หาเจอ, ค้นพบ
- Pick up ที่แปลว่า หยิบขึ้นมา
- Ask out ที่แปลว่า ชวนไปออกเดต
- Try on ที่แปลว่า ลองเสื้อ
- Fill in/out ที่แปลว่า กรอก
แต่ที่เราไม่คุ้นเคยก็อาจจะมีเช่น
- Chicken out ที่แปลว่า กลัวจนหนีไป
- Con into (doing something) ที่แปลว่า หลอกล่อให้ทำบางอย่าง
- Doze off ที่แปลว่า เผลอหลับไป
- Fall behind ที่แปลว่า รั้งท้าย
- Goof around ที่แปลว่า ทำตัวไร้สาระไปเรื่อย
- Get back at (someone) ที่แปลว่า แก้แค้น
- Let on ที่แปลว่า เปิดปากบอกความลับ
และอีกมากมายยย ขอย้ำไว้เลยว่า Phrasal verb เป็นอะไรที่เจอบ่อยมาก ๆ ๆ ดังนั้นเราควรรีบหามาทำความเข้าใจไว้เลย (ตรง ๆ ก็คือรีบหามาท่องไว้นั่นแหละ) ค่อย ๆ เก็บไว้วันละนิดครับ ไม่ต้องเยอะก็ได้ แต่แนะนำให้อ่านทุกวัน
_______________
สุดท้ายก่อนจาก มาลองทำแบบทดสอบกันหน่อย
ลอง 'เดา' สิว่า Phrasal verb เหล่านี้ควรแปลว่าอะไร โดยห้ามเปิด dictionary! ให้วิเคราะห์ประโยค (ใช้ context clues ช่วยเดา)
และลองคิดสิว่าในประโยคเหล่านี้ กริยาวลีคำนี้ควรแปลว่าอะไร
1. I hate that food. Turns me off every time I smell it! (Turn off)
2. I really can't go see a movie today. Can we put it off until Sunday? (Put off)
3. He is such a rude person! I wonder how his parents brought him up. (Bring up)
4. Hand in your homework before you leave the room. (Hand in)
5. If you're not sure what the word means, look it up in a dictionary. (Look up)
ไม่ยาก และไม่ง่าย! ผมมั่นใจว่าถ้าอ่านประโยคและวิเคราะห์ดี ๆ ทุกคนจะเดาได้ไม่ยากเลย
เดี๋ยวเฉลยในคอมเมนต์ครับ ลองพยายามดูก่อนละกัน และอย่าลืมเพิ่มเติมความรู้ให้มากขึ้นกว่าเมื่อวานด้วย!
ตอนนี้เพจ "พ่อผมเป็นคนอังกฤษ" มี Instagram แล้วนะ ผมโพสต์ Word of the day ทุกวันเลย
ใครต้องการอัพเดตคลังคำศัพท์ของตัวเองด้วยคำศัพท์ดี ๆ ทุกวันเข้าไป Follow ด้วย!
Instagram: British Dad (@the.jgc) (https://www.instagram.com/the.jgc/)
"ไม่ต้องรู้ทั้งหมดในวันนี้ แค่รู้มากกว่าเมื่อวานก็พอ"
Stay knowledge-hungry
JGC.