ก่อนที่เราจะนำเครื่อง OPPO Reno ออกทริปเก็บภาพสวยๆ ในทริปเที่ยวบางแสน 1 วันกับ OPPO Reno นั้นเรามาทำความรู้จักกับ OPPO Reno กันก่อนดีกว่า ว่านอกจากเรื่องกล้องหลังแล้วมันยังมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

OPPO Reno ถือว่าเป็นรุ่นน้องใน OPPO Reno Series มาพร้อมกับหน้าจอแบบ AMOLED Panoramic Screen ขนาด 6.4 นิ้ว แทบจะไร้ขอบ กล้องหน้า Pop-Up แบบ Pivot Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล กล้องหลังคู่(Dual Camera) ความละเอียด 48+5 ล้านพิกเซล(IMX586) ชิปประมวลผล Snapdragon 710 หน่วยความจำ 6/256 GB ใช้งานได้ยาวนานกับแบตเตอรี่  3,765 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0 กับค่าตัวเพียงแค่ 16,990 บาท

SPEC OPPO Reno

หน้าจอ AMOLED Panoramic Screen ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080×2340 พิกเซล
ชิปประมวลผล CPU Qualcomm Snapdragon 710 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2 GHz
GPU Adreno 616
RAM 6 GB
ROM 256 GB
รองรับ Dual 4G LTE / Dual VoLTE / VoWiFi
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac แบบ Dual Band (2.4 GHz / 5 GHz), NFC และ Bluetooth 5.0
ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
กล้องหน้า Pop-Up แบบ Pivot Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
กล้องหลังคู่(Dual Camera) ความละเอียด 48+5 ล้านพิกเซล
ระบบเสียง Dolby Atmos
ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ (Fingerprint Unlock 2.0) / พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า
แบตเตอรี่ความจุ 3,765 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์ตเร็ว VOOC Flash Charge 3.0
ขนาดตัวเครื่อง 156.6 x 74.3 x 9.0 มม.
ราคา 16,990 บาท

OPPO Reno มากับหน้าจอ AMOLED Panoramic Screen ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080×2340 พิกเซล ขอบด้านข้างเหลือพื้นที่น้อยมากทำให้มีอัตราส่วนพื้นที่จออยู่ที่ 93.1% ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6 หน้าจอยังรองรับสแกนลายนิ้วมือใต้จอด้วยนะครับ และตอนนี้ไปถึง Fingerprint Unlock 2.0 แล้วทำให้การสแกนรวดเร็วและแม่นยำขึ้น และเซนเซอร์วัดแสงจะถูกซ่อนไว้ภายใต้จอทั้งหมด

รองรับการแสดงผลในขอบเขตสีตามมาตรฐาน DCI-P3 ความคมชัดสูงถึง 60,000:1 และมีค่าความสว่างสูง สามารถนำออกไปใช้งานข้างนอกได้สบาย จอสู้แสงได้ดี เพิ่มความปลอดภัยกรณีใช้สมาร์ทโฟนตอนกลางคืนด้วยฟังก์ชันช่วยกรองแสงสีฟ้าออกไป ผ่านการรับรองจากทาง TÜV Rheinland สามารถกรองได้ถึง 50%



OPPO Reno มาพร้อมกับชิปประมวลผล CPU Qualcomm Snapdragon 710 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2 GHz / GPU Adreno 616 ชิปประมวลผลชุดนี้เทียบกับฝั่งเรือธงได้เลยและสามารถควบคุมอุณหภูมิและการใช้พลังงานได้ดีกว่า
หน่วยความจำ RAM 6 GB / ROM UFS2.1 ขนาด 256 GB ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้นะครับ
ตัวเครื่องรองรับ Dual 4G LTE / Dual VoLTE และ VoWiFi รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 b/g/n/ac , Bluetooth 5.0 และ NFC

OPPO Reno มาพร้อมกับระบบเสียง Dolby Atmos ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับฟังมากขึ้น และโดยเฉพาะการดูหนังหรือเล่นเกม เสียงจะมีมิติให้น่าชมและเล่นเกมได้เยอะเลยครับ เอาไว้ฟังเพลงแก้เหงาเอวลาออกทริปได้ดีทีเดียว


OPPO Reno มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3,765 mAh พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จเร็วแบบ VOOC Flash Charge 3.0 (5V/4A/20W) เท่าที่ใช้งานมาสามารถใช้งานครบวันสบายๆครับและชาร์จเร็วมาก


จุดเด่นของ OPPO Reno Series คือ การรวมเทคโนโลยีและความสวยงามเข้าไว้ด้วยกัน กล้องหน้า Pop-Up แบบ Pivot Rising Camera ที่สไลค์ขึ้นลงอัตโนมัติภายในเวลาเพียง 0.8 วินาที และมีระบบป้องกันการเสียหายเมื่อตกจากที่สูงโดยการใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงโน้มถ่วง และ Pivot Rising Camera ถูกออกแบบมาให้มีความทนทานเป็นพิเศษ สามารถรองรับการเลื่อนขึ้นลงถึง 200,000 ครั้ง


คราวนี้มาถึงในส่วนที่เราจะพูดถึงหลักๆหล่ะนั้นคือกล้องหลังนั้นเอง กล้องหลังคู่(Dual Camera) ความละเอียด 48+5 ล้านพิกเซล (เซนเซอร์หลักชุดเดียวกับตัวพี่นะครับคือ IMX 586) รองรับฟังก์ชัน AI Scene Recognition  สามารถวิเคราะหืหรือจำแนกซีนต่างๆได้
PDAF, Ultra Night Mode 2.0, Color Mapping, 4K Video


พร้อมแล้วเดินทางกันได้เลย เริ่มเดินทางช่วงบ่ายๆ จากรุงเทพ(นวมินทร์)ไปบางแสนใช้เวลาเดินทางชั่วโมงเศษ จุดแรกที่เราพักคือ จุดพักรถบางประกงแวะหากาแฟกินแก้ง่วงกันก่อนซักแก้ว


ได้กาแฟแล้วพร้อมเดินทางต่อครับ


มาบางแสนทุกครั้งจะต้องแวะร้านกาแฟประจำ พิกัดลงสะพานแรกถนนข้าวหลาม ร้านแรกของถนนเลี่ยงตลาดหนองมน ขอกาแฟอีกแก้วหล่ะกัน


วิ่งลงหาดเข้าด้านหลัง ม.บูรพา จะเข้าฝั่งหาดวอน มีเวลาแวะกินแวะเก็บภาพต่างๆตามเส้นทาง (แต่ที่จอดรถหายากนิด ตรงกับวันหยุดนั้นเอง)

เดินเล่นหน้าหาดซักพัก ยังพอมีเวลาเหลือเพรียบในการหาร้านนั่งชิวๆกินข้าวตอนเย็น งั้นขอแวะไปวัดหน่อยหล่ะกัน วัดนี้คือวัดแสนสุขนั้นเองครับ


หลังจากเดินทางออกจากวัด ขับรถแป๊บเดียวจะถึงเขาสามมุข ไฮไลท์ของบางแสนอีกที่นอกจากทะเลก็เขาสามมุขนี่หล่ะ ถ้าใครมีเวลาก็แนะนำขึ้นมาให้อาหารลิงได้และจะได้ชมทิวทัศน์สวยๆของหาดบางแสนมองจนถึงศรีราชากันเลยทีเดียว


ด้านบนเขาสามมุขจะมีร้านกาแฟอีกร้าน เป็นร้านเล็กๆแต่น่านั่งมาก สามารถมองชมทิวทัศน์ด้านล่างได้สุดหูสุดตาเลย


อาทิตย์เริ่มจะเคลื่อนตัวลง ท้องก็เริ่มจะหิวขับรถหาร้านกินข้าวเย็นกันก่อนดีกว่า แล้วร้านอะไรหล่ะถึงจะได้เสพบรรยากาศทะเลในขณะที่กำลังนั่งกินข้าวเย็นได้ดีสุด งั้นขอแนะนำร้านนี้เลย

ขับรถออกจากบางแสนวิ่งไปทางบางพระ ร้านที่ผมจะไปคือร้าน 33 Seafood เป็นร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศสุดชิล ปากทางร้านจะอยู่ติดกับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 12 ขับจากบางแสนมาประมาณ 3 กม. ครับ ก่อนถึงบางพระ


มาถึงร้านกันแล้ว เป็นร้านอาหารทะเลที่มีที่นั่งบนหาดทรายจริงๆ ใครอยากเสพบรรยากาศทะเลขอแนะนำร้านนี้ไม่ผิดหวัง


บรรยากาศภายในร้านครับ ให้ภาพมันเล่าของมันหล่ะกัน ส่วนผมขอทานมื้อเย็นก่อน


ส่วนอาหารที่สั่งก็มี ตามรูปเลยครับสั่งน้อยเพราะเดินทางไปแค่ 2 คน รวมค่าใช้จ่ายค่าอาหารทั้งหมดเพียงแค่ 1020 บาทเท่านั้น ...ราคานี้บอกเลยว่าดีงามมากๆ อาหารอร่อย บรรยากาศดี จ่ายแค่นี้ถือว่าคุ้มสุดๆ


ช่วงขากลับแวะเข้าทางฝั่งหาดวอนอีกรอบและวิ่งทะลุไปสะพานใหม่ ชลบุรี เพื่อเก็บภาพกลางคืนมาฝาก


จบทริปแล้วสำหรับทริป เที่ยวบางแสน 1 วันกับ OPPO Reno
ต้องยอมรับว่า OPPO Reno สามารถตอบโจทน์เรื่องการถ่ายภาพได้ดีมากๆ ภาพทุกภาพใช้โหมด auto สำหรับการเก็บภาพเลยครับซึ่งใครๆก็สามารถถ่ายได้และออกมาสวยเหมือนกันเพราะกล้องหลังเขามี AI ช่วยจำแนกฉากหลังและวัตถุให้ ช่วยให้การถ่ายภาพง่ายขึ้น สนุกขึ้นและมีคุณภาพที่น่าพอใจ
ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนซักเครื่องไว้ใช้งาน ซื้อครั้งเดียวให้จบครบทุกด้าน ขอแนะนำ OPPO Reno แถมราคาค่าตัวไม่แพงด้วย

พกมือถือเครื่องเดียวออกทริปเที่ยวได้ภาพสวยๆกลับบ้านแน่นอน