สรุปชัดๆ ครั้งเดียวจบ หิ้วแบรนด์เนมเข้าไทย หยิบใช้ถูกสะพายมาแล้ว เสียภาษีหรือไม่?

เพิ่มเติมข้อความ
อ่านความเห็นแล้วเพลียค่ะ ไม่ทราบไม่เข้าใจ ไม่พยายามจะเข้าใจ หรือไม่อยากเข้าใจกันแน่ 
ข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับ
1.  มูลค่า 20000 บาทคือมูลค่าของ ของใช้ส่วนตัว ของที่นำออกไป ไม่ใช่มูลค่าที่ซื้อสินค้ากลับมาแล้วไม่ต้องเสียภาษี
2.  นำของเข้ามาในราชอาณาจักร์ไม่ว่าจะ ของใหม่ หรือของเก่า ไม่ว่าจะนำเข้ามาเพื่อการค้า นำมาใช้ส่วนตัว นำมาเป็นของฝาก ทั้งหมดนี้ต้องเสียภาษีนำเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีอื่น เช่นสรรพสามิตตามกฏหมายกำหนด

กระทู้นี้คือความพยายามจะนำสินค้าเข้ามาและสำแดงเป็น ของใช้ส่วนตัว ศุลกากรจึงอธิบายให้ฟังว่าทำไมถึงโดนภาษี


ทุกเดือน ทุกปี หลายที หลายหน คนไทยยังคงวนเวียนและมีปัญหาให้หงุดหงิดรำคาญใจกับเรื่อง “ฉันหิ้วของเข้าเมืองไทย อ้าว ฉันโดนศุลกากรเรียกเก็บภาษี!”
อันตัวเราไม่ได้โดนเข้าด้วยตัวเอง แต่ก็หัวร้อนแทนคนอื่นเขา “ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ศุลกากร บอกว่าไม่เก็บๆ แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ไปเรียกเก็บภาษีจากของที่เขาใช้แล้ว เขาคล้องกระเป๋าอยู่คาไหล่ด้วยซ้ำ ไปเรียกเก็บภาษีเขาได้ไง โอ้โห ฉันงง”
สรุปแล้ว จริงแท้อย่างไร? คนไปนอก ชอบช็อปปิ้ง หรือคนไม่ไปนอก ชอบฝากซื้อ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มองว่า ไม่ว่าอย่างไร คุณต้องรู้ไว้ เผื่อวันใดวันหนึ่งคุณอาจโดน!



- ฉันถือกระเป๋า(ใช้งานมาแล้ว) เข้าเมืองไทย ฉันต้องเสียภาษีหรือไม่ วานบอกที -

นายบุญเทียม โชควิวัฒน ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้ชัดๆ ย้ำถี่ๆ ทีมข่าวแปลเป็นภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ ได้ว่า...
สิ่งของส่วนตัวที่ใช้ระหว่างการเดินทาง หรือที่ชาวเราเข้าใจและเรียกกันว่า
 “ของใช้แล้ว” ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า หากสิ่งของเหล่านี้มีมูลค่าเกิน 2 หมื่นบาท และเป็นของใหม่เอี่ยมอ่อง ชนิดที่เพิ่งถอยจากร้านออกมาหมาดๆ นายบุญเทียม ย้ำว่า “ต้องชำระภาษี เพราะสิ่งของเหล่านี้มันมีภาระค่าภาษีในตัวของมัน”


** 
ยกตัวอย่างเช่น : หากสินค้าเป็นกระเป๋า ผู้โดยสารจะต้องเสียภาษีศุลกากรร้อยละ 20 ของมูลค่าสินค้าที่ซื้อมา + ภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 7 
 

กระเป๋าแบรนด์เนม ใบละ 50,000 บาท คิดภาษีศุลกากร ร้อยละ 20 = 10,000 บาท + ภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 7 = 4,200 บาท รวมเป็นเงิน(ภาษี)ท่ีต้องจ่ายเพิ่มเติมทั้งสิ้น 14,200 บาท 
**



- ฉันเห็นข่าวสาวถือกระเป๋าใช้แล้ว มาใบเดียว แต่โดนเรียกเก็บภาษี ทำไมเป็นเช่นนั้น วานบอกที -

นายบุญเทียม กล่าวสั้นๆ ก่อนเข้าเรื่องว่า 
“เรื่องนี้ ข้อเท็จจริงพูดกันเพียงครึ่งเดียว”
“กระเป๋าราคาเกิน 2 หมื่นที่หญิงสาวถือมา 
ไม่ได้มีแค่ใบเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากร พิจารณาแล้ว เล็งเห็นว่า หญิงสาวคนนี้ใช้วิธีการพรางกระเป๋ามา ด้วยการเอากระเป๋าแบรนด์เนมออกมาจากกล่อง จากนั้น ก็ทำทีเป็นสะพายไหล่ใช้งาน ทั้งๆ ที่ในกระเป๋าใบนั้น ไม่มีสิ่งของใดๆ อยู่ในกระเป๋าเลย


“เจ้าหน้าที่พิจารณาแล้ว กระเป๋าของเธอไม่ได้ใช้อย่างปกติ เธอถือลงมาเฉยๆ จากเครื่อง ทั้งๆ ที่ข้างในไม่มีอะไรในกระเป๋า ซึ่งเป็นสิ่งผิดวิสัย ด้วยเหตุนี้ หญิงสาวคนนี้จึงต้องชำระภาษี แต่เจ้าหน้าที่ให้หญิงสาวชำระภาษีเพียงแค่กระเป๋าใบเดียว ซึ่งเธอก็ยินดีและปฏิบัติตามโดยที่ไม่มีปัญหาใดๆ ส่วนที่เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในโลกสังคมออมไลน์ เป็นเพราะมีผู้ใดก็ไม่ทราบ แคปข้อความของเธอไปโพสต์โดยที่เธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย”

“เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะเก็บภาษีใครได้ก็ต่อเมื่อเขายินยอมพร้อมใจ มีเงินพร้อมจ่ายก็จ่าย หรือจะรูดบัตรจ่ายก็ว่ากันไป” นายบุญเทียม กล่าว


- ฉันถือกระเป๋าใหม่(ใช้งานมาแล้ว) เข้าเมืองไทย ใหม่ขนาดไหน ถึงต้องเสียภาษี วานบอกที -

คำถามต่อมา คือ สิ่งของชิ้นนั้น มันต้องใหม่ขนาดไหน ถึงจะเข้าเกณฑ์ชำระภาษี?
นายบุญเทียม ไขข้อข้องใจในคำถามนี้ว่า “เราต้องมาดูกันว่า เขาซื้อของชิ้นนี้มาในราคาเท่าไร ใช้มาหรือยัง โดยพิจารณาจากสภาพของสิ่งของ ถ้าเป็นของใหม่เอี่ยมก็ต้องชำระภาษี โดยคิดจากราคาเต็มของสิ่งของ แต่ถ้ามีร่องรอยการใช้งานมาแล้ว 6-7 วัน และมีสภาพมอมแมม เลอะเทอะ มีรอยตำหนิ หรือใส่ข้าวของต่างๆ อยู่(ในกรณีกระเป๋า) หากเจ้าหน้าที่ศุลกากรพิจารณาดูแล้ว สามารถยกเว้นให้ได้ เราก็ยกเว้นให้อยู่แล้ว

“ถ้าคุณถือสิ่งของเพียงชิ้นเดียวกลับเข้ามาประเทศไทย แล้วคุณก็ใช้งานมันจริงๆ แม้ราคาของมันจะเกิน 2 หมื่นบาทไปบ้าง เราก็ไม่ได้ไปเข้มงวดกับคุณหรอกครับ” นายบุญเทียม กล่าวแสดงความเข้าอกเข้าใจในความรู้สึกของประชาชน

- ฉันถือกระเป๋าใช้แล้ว ใช้เอง เข้าเมืองไทยหลายๆ ใบ ฉันต้องเสียภาษีหรือไม่ วานบอกที -
อีกคำถามที่ตามมาคือ ถ้าฉันซื้อสิ่งของราคาเกิน 2 หมื่นบาทจากเมืองนอกมาหลายชิ้นหลายอย่าง แต่ฉันใช้เองนะ และฉันใช้ไปแล้วด้วย ฉันต้องชำภาษีหรือไม่ อย่างไรเอ่ย...
นายบุญเทียม แจกแจงข้อสงสัยนี้โดยละเอียดว่า “ถ้าคุณถือสิ่งของใช้แล้ว สิ่งของใช้เอง (ที่มีราคาเกิน 2 หมื่นบาท) มาหลายชิ้น เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ต้องเรียกเก็บภาษีจากคุณ แม้ว่าสิ่งของนั้นๆ จะมีร่องรอยการใช้งานมาแล้ว 6-7 วัน หรือสิ่งของนั้นๆ จะมีสภาพมอมแมม เลอะเทอะ มีรอยตำหนิ เจ้าหน้าที่เขาก็ต้องเก็บภาษี โดยคิดราคาตามสภาพ ซึ่งมูลค่าอาจจะลดลงมาอยู่ที่ราวๆ 60-70% จากราคาจริง”



“ถ้าเราตรวจเจอว่า คุณมีสิ่งของจำนวนมากๆ เกินคำว่า จะเอามาใช้เป็นของใช้ส่วนตัว และมีท่าทีว่าจะเอาเข้ามาในลักษณะของการค้า เราก็จับกุม แต่ถ้าคุณมีสิ่งของที่นำมาใช้เองราคาเกิน 2 หมื่นบาทเพียง 1-2 ชิ้น และเมื่อนำมานับรวมดูแล้ว เป็นเงิน 2 หมื่นหรือ 2 หมื่นนิดๆ กรณีอย่างนี้เราก็ไม่ได้ไปเข้มงวด เพราะถ้าคุณถูกจับมันก็จะดูเกินควรไปหน่อย”
“ส่วนใหญ่คนไปต่างประเทศนะครับ เขามักจะซื้อของที่ราคาเกิน 2 หมื่นบาท กลับมาเมืองไทยอยู่แล้ว ซึ่งบางคนอาจจะซื้อสิ่งของราคาสูงติดไม้ติดมือกลับมา 3-4 อย่างขึ้นไป ผมจะบอกว่า ในฐานะประชาชน คุณควรเสียภาษีให้แก่รัฐ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐก็พิจารณาตามสมควร มิได้ใช้ดุลพินิจที่ไม่เหมาะสม”


- เมื่อมีคำว่า ดุลพินิจ เกิดขึ้น คำว่า ทุจริต ก็จะตามมาได้ง่ายหรือไม่? -

เมื่อมาถึงจุดนี้ หลายคนคงสงสัยอยู่ไม่น้อยว่า หากใช้คำว่า “ดุลพินิจ” ของเจ้าหน้าที่ “ดุลพินิจ” ในที่นี้ อาจนำมาสู่การใช้ดุลพินิจที่ไม่เป็นธรรม หรือนำมาสู่การรับสินบนหรือไม่?
นายบุญเทียม ยอมรับว่า “คำว่า ดุลพินิจ ฟังดูแล้วอาจจะเป็นภาษาราชการ ซึ่งดุลพินิจอาจให้ความรู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมกัน”



“การที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้ดุลยพินิจนั้น ถือว่า น้อยมาก เพราะส่วนใหญ่ผู้โดยสารจะมีใบเสร็จอยู่แล้ว ฉะนั้น ราคาก็จะถูกกำหนดตายตัว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่” นายบุญเทียม ตอบอย่างกว้างๆ
“ถ้าจะมีปัญหาในเรื่องการใช้ดุลพินิจ ก็คงจะเป็นเรื่องของการต่อรองราคา ถ้าสิ่งของที่คุณซื้อมาใหม่เอี่ยม คุณจะให้เราลดราคาได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ต้องเก็บภาษีเข้าประเทศอยู่แล้ว มิใช่ว่า จะเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองเสียเมื่อไหร่” นายบุญเทียมกล่าวอย่างตรงไปตรงมา



- ฉันใช้ของแบรนด์เนมทั้งร่างตั้งแต่เด็กจนโต เก็บภาษีทุกชิ้น มิอ่วมหรือ วานบอกที? -
นายบุญเทียม ไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ว่า “เรื่องปกติของบางคน คือ สิ่งของทุกชิ้นที่เขาใช้ เป็นของแบรนด์เนมทั้งหมด หลายคนอาจจะสงสัยว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ เวลาเขาเดินทางกลับเข้าไทย มิต้องเก็บภาษีคนผู้นั้นทั้งหมดทุกชิ้นเลยหรือ คำตอบคือ โดยหลักแล้ว 
ศุลกากรจะเก็บภาษีเฉพาะของใหม่ ไม่ได้ไปเก็บของเก่า"

“ยกเว้นกรณีของคนที่ไปซื้อของมือสองกลับมาเป็นจำนวนมาก แม้ราคาจะไม่ถึง 2 หมื่นบาท ก็ต้องเสียภาษี
เพราะถือว่าไม่ใช่ของใช้ส่วนตัว”นายบุญเทียม กล่าวถึงคนหัวการค้าบางราย
"ถ้าของสิ่งนั้น อยู่ในวงเงิน 2 หมื่นบาท และมีแค่ชิ้นเดียว ไม่มีใครเขาไปเก็บภาษีหรอก 
แต่ถ้าเป็นแสน หรือหลายๆ แสน ซึ่งจำนวนเงินเกิน 2 หมื่นบาทไปมากๆ
คุณก็ต้องเสียภาษีเข้ารัฐ เพราะหลักการของศุลกากร คือ
ของที่เข้ามาใหม่ต้องเสียภาษีทั้งสิ้น"
3 บรรทัดง่ายๆ ที่ ผอ.ศุลกากร ตรวจของผู้โดยสาร สุวรรณภูมิ อธิบายไว้ให้เข้าใจง่ายๆ


ขอบคุณภาพบางส่วนจาก : aot บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน)

Cr: https://www.thairath.co.th/scoop/1236871
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่