ปลอกกระสุนปืน [ ฝากชี้แนะ,ติชมหน่อยนะครับ]

ปัง ปัง ปัง ปัง ปังปังปัง….. เสียงนกระสุนปืนนับร้อยนับพันนัดตกลงมาถล่ม ณ บริเวณโกดังร้าง ขัดจังหวะการติดซื้อขายสินค้า พ่อค้าและลูกค้าหนีรอดไปอย่างหวุดหวิด พวกนั้นรอดจากการบุกไปจับกุมของเหล่ามือปราบอย่างน่าเจ็บใจ
คืนเดือนเพ็ญ รถ2คัน คน2ฝ่าย ณ ตึกร้างแห่งหนึ่ง
“ตำรวจมันรู้ได้ไงวะ ว่าเราจะส่งของที่โกดังคืนนี้หรือว่า เกลือจะเป็นหนอน !” ชายฉกรรจ์หน้าตาบอกยี่ห้อผู้ร้าย โผล่งขึ้นมา
“ไม่มีทางหรอกกูเลือกคนมาดี มีแต่คนที่กูไว้ใจได้” ชายท่าทางมีอำนาจคล้ายทหารกล่าว
“ฝ่ายเราผมไม่ห่วงหรอกครับ แต่อีกฝ่ายนี่สิ…” ไอ้หนุ่มท่าทางฉลาดกล่าวสวนมา
“เฮ้ยๆ พูดงี้ก็หมายความว่าไม่ไว้ใจกูสิว่ะ กูทำงานกับเสธ.ชาญมานานเพิ่งทำงานกับเสธ.เขา อย่าทำเป็นปากดี ไอ้ดอน”
“ผมก็แค่ตั้งข้อสังเกต สันนิษฐานไว้เฉยๆ” "อ๊อด แต่มันน่าสงสัยจริงๆ พูดตรงๆนะถ้ากูไม่เห็นมาด้วย กูกับพวกเผ่นมาตั้งนานแล้ว”
"โถ่พี่พูดแบบนี้มันหมายความว่าไง เราก็เคยค้าเคยขายกันมานาน อยู่ดีๆจะมาระแวงกันมันก็ไม่ไหวนะพี่”
"เอางี้ เพื่อความสบายใจตอนนี้เราแยกกันไปตรวจดูความเรียบร้อยของแต่ละฝ่ายดีกว่าและวางแผ่นหนีกันดีกว่า พวกกูจะแยกขึ้นไปข้างบน พวกแยกไปอีกทางล่ะกัน อีก10นาทีค่อยกลับมาเจอกัน"
ก็เหมือนกับที่ดอนว่า “เกลือเป็นหนอน” มันคือความจริง พ.ต.ท. ดนัย หรือ สารวัตรเอกนำทีมในการล่อซื้อยาครั้งนี้ พร้อมได้นำตัว จ่าอ๊อด อดีตนายทหาร ที่ผันตัวมาเป็นคนค้ายา มาเป็นสื่อกลางระหว่างเขาและเสธ.ชาญ อดีตนายทหารยศสูงที่ปัจจุบันกลายมาเป็นพ่อค้ายาระดับต้นๆ ของเมืองไทย
“เกือบไปแล้วครับสารวัตร”
“ใจเย็นไว้น่าผู้กอง เดี๋ยวก็ได้เผยพิรุธให้มันเห็นพอดี”
“คุณสารวัตร ผมล่ะสงสัยพวกของคุณมันทำเสียฤกษ์ได้ไง ไหนบอกคุยกันลงตัวแล้ว” “ว่าไงล่ะดาบ คุณประสานงานกับผู้กองพลยังไงถึงพลาดได้” “คงเป็นเพราะผมสื่อสารผิดพลาดกับ….” กระสุนปืนหลายสิบนัดพุ่งเข้าเจาะร่างนายดาบล้มลง และอีกหลายสิบนัดพุ่งมาที่กลุ่มตำรวจที่แฝงตัวมาซื้อยา สิ้นเสียงปืน ตำรวจที่ยังรอด รวมถึงจ่าอ๊อด แยกกันหนี
“เสธครับมันกระจายกันหนีไปหมดแล้ว”
“ต้องแยกกันค้นหา ระวังอย่ายิงคนของเรา ไป”
ฟากสารวัตรเอกและผู้กองหนุ่มหนีมาหลบตั้งหลักที่ห้องห้องหนึ่งมันคล้ายกับห้องเก็บเอกสาร
“มันรู้ได้ไงว่าเราเป็นตำรวจ ?”
“สถานการณ์แบบนี้มันไว้ใจใครได้ที่ไหน”
“มีหลายอย่างที่ผมว่ามันผิดสังเกต มันดูมั่นใจเหลือเกินว่าพวกเราเป็นตำรวจ ทั้งๆที่มีจ่าอ๊อดยืนเป็นพยานอยู่ตรงนั้น ต่อให้สถานการณ์มันไม่น่าไว้วางใจ อย่างน้อยก็ควรไว้หน้าจ่าอ๊อดบ้าง”
“มีเหตุผลนะผู้กอง อีกอย่างคนอย่างเสธ.ชาญ ไม่ใช่คนโหดอำมหิตและฆ่าคนอย่างไม่มีเหตุผล การที่มันและพวกลอบมายิงเราขนาดนี้แสดงว่ามันมีเหตุผลแน่ ที่สำคัญผมว่าพวกมันต้องรู้ว่าเราเป็นตำรวจมานานแล้วล่ะ ไม่มีทางที่เวลาแค่10นาทีจะทำให้มันสรุปว่าเราเป็นตำรวจ เป็นอะไรที่สิ้นคิดมาก และไม่มีทางที่ความคิดแบบนี้จะไปอยู่ในสมองของอดีตเสนาธิการทหารบกหรอก”
“งั้นฟันธงได้เลย มันรู้แน่ว่าเราเป็นตำรวจ แต่เพราะอะไรมันถึงรู้?”
ทั้งสองเปลี่ยนที่หลบกระสุน หมายค้นทางออก และเรียกกำลังเสริมมาสนับสนุน แต่พลาดท่า กระสุนพุ่งมาจากข้างหลัง แฉลบใบหน้าผู้กองหนุ่มนิดเดียว ทั้งสองยิงสวนแล้วแยกกันหนี แต่ในที่สุดร.ต.อ.หนุ่มก็พลาด ที่บริเวณห้องโถงใหญ่
“จะไปไหนวะ ไอ้ผู้กอง”
“นี่เอง ไอ้อ๊อด!”
“รู้รึยังทำไมพวกพลาดท่าได้” เสธ.ชาญโผล่มาสบทบ
"กูลืมบอกไปการที่กูจะพาใครมาติดต่อซื้อขายกับพี่เสธ.กูจะบอกล่วงหน้าแกหนึ่งวันและเสธ.จะเป็นคนนัดที่และเวลาเอง แต่กับวันนี้มันไม่ใช่ว่ะ มันตรงข้ามกับที่กูเคยทำมาทั้งหมด"
"หลอกพวกกู ไอ้ส….” เสียงปืนมันดังกลบเสียงสบถของผู้กองหนุ่ม มันดังมาทางด้านที่หัวหน้าเขาหนีแยกไป “เสธ.ครับ ตำรวจมา!” จากนั้นก็เหมือนเกิดสงครามชนิดย่อมๆ ระหว่างตำรวจและโจร

เหตุการณ์นี้จบลงที่แก๊งของเสธ.ชาญโดนถล่มย่อยยับ จ่าอ๊อดและลิ่วล้อ2-3คนโดนจับ ที่เหลือโดนวิสามัญหมด รวมถึง เสธ.ชาญ ที่สิ้นชีพจากปืนคู่กายของสารวัตรเอก ผลงานชิ้นโบว์แดงทำให้สารวัตรเอกจะได้เลื่อนยศเป็น พ.ต.อ. ผู้ใหญ่หลายคนมองเขาว่ามีอนาคตไกล แต่มีบางอย่างติดอยู่ในใจผู้กองหนุ่ม…..

คืนจันทร์แรม คน2คน ณ โรงพักแห่งหนึ่ง
“เรียกผมว่าสารวัตรเหมือนเดิมนะ อย่าเพิ่งเรียกว่าท่านรอง”
“สารวัตรครับ ผมได้ไปอ่านแฟ้มประวัติของเสธ.ชาญ ผมเลยอยากเล่าอะไรให้ฟัง”
“ผมไม่เข้าใจว่าต้องการจะเล่าหรือบอกอะไรผม แต่ก็พูดมาเถอะ”
“เสธ.ชาญเป็นอดีตนายทหารที่อยู่กองพันทหารสื่อสาร เขาได้รับหน้าที่ให้เป็นวิทยากรให้ความรู้อบรมเกี่ยวกับ “รหัสมอร์ส” อยู่บ่อยครั้ง ก่อนที่จะลาออกและกลายมาเป็นพ่อค้ายา”
"ส่วนสารวัตรเองก็มีความรู้ความชำนาญมากเกี่ยวกับรหัสมอร์ส ซึ่งมันมาจากการที่สารวัตรเคยมีโอกาสดูหนังเรื่อง “สองคนสองคน” ในตอนวัยรุ่น ทำให้เวลาต่อมาสารวัตรฝึกฝนและศึกษาจนชำนาญ เรื่องนี้ผมทราบมาจากผู้กองพลแกเล่าให้ฟัง สมัยที่ผมเพิ่งจบใหม่ๆ มันเลยเป็นที่มาของคำถามว่าทำไมพวกเสธ.ถึงรู้ว่าพวกเราเป็นตำรวจ"
“คุณหมายความว่ายังไง”
“สารวัตรเป็นคนส่งสัญญาให้เสธ.รู้ โดยใช้เสียงปืน!”
“ขอเท้าความก่อน สารวัตรและผู้กองพลเป็นเพื่อนนร.นายร้อยรุ่นเดียวกัน แต่ด้วยนิสัยที่ชอบเอาชนะและต้องการเหนือกว่าผู้กองพลจึงทำให้สารวัตรไต่เต้าขึ้นจนได้ตำแหน่งนี้และหาทางทำผลงานตลอดเวลา จนกระทั่งงานล่าสุดที่สารวัตรเชื่อแน่ว่าถ้าสารวัตรปิดจ๊อบได้ชื่อเสียงจะตกเป็นของสารวัตรและผลงานนี้อาจทำให้เลื่อนขั้น และมันก็จริง แต่ด้วยความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้ผู้กองพลมาแย่งความเด่นของสารวัตร ดังนั้นสารวัตรจึงนำพวกเสธ.และผมมาหยุดที่ตึกร้างนั่น เพื่อสารวัตรจะได้ปิดฉากคนร้ายด้วยตนเอง ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าถัดไปอีกเพียง2.5กม. เป็นร้านอาหารของจ่าโรจน์ นายตำรวจที่สารวัตรรู้จักและช่วงเวลานั้นเป็นเวลาโปรดของตำรวจท้องที่นั้นจะกินดื่มที่ร้านจ่าโรจน์ เสียงปืนที่ดังมาจากพวกเสธ. จะปลุกให้ตำรวจแถวนั้นตรงดิ่งมาที่ตึกร้าง เปิดโอกาสให้สารวัตรได้หน้าจากงานชิ้นนี้ไปเต็มๆ จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมตำรวจท้องที่มาถึงเป็นฝ่ายแรกแทนที่จะเป็นฝ่ายเรา และที่สำคัญสารวัตรเจตนาถ่วงเวลาฝ่ายเราเมื่อสารวัตรได้โอกาสติดต่อไปที่ฝ่ายเราโดยการบอกทิศทางตึกร้างที่ดูซับซ้อนทั้งๆที่ทางจริงๆแล้วคือตรงยิ้มลูกเดียว ประกอบกับฝ่ายเราเสียเวลาไปกับการปะทะกับผู้ร้ายบางส่วนที่พยามถ่วงเวลาให้นายมันหนี ทำให้ต้องพึ่งการติดต่อจากสารวัตรในการทราบที่อยู่ของคนร้าย” “ส่วนคำถามว่าทำไมสารวัตรจึงส่งสัญญาณไปบอกคนร้าย มันก็เพราะสารวัตรต้องการให้เสธ.ชาญเชื่อใจตัวสารวัตร แล้วสารวัตรก็จะแทงข้างหลังเสธ.ชาญอีกที ซึ่งเป็นแผนที่โคตรเสี่ยงแต่สารวัตรไม่แคร์เพราะเสียงปืนหนึ่งนัด คนที่ร้านจ่าโรจน์ต้องได้ยิน สารวัตรคาดว่าเหตุการณ์ที่ตึกนั้นจะจบลงโดยเร็ว”
“แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันเมื่อพวกตำรวจที่ร้านจ่าโรจน์มาช้ากว่าที่คิด กว่าพวกนั้นจะมาคนของเราก็ตายไปแล้วสาม มิหนำซ้ำกระสุนนัดแรกก็คร่าชีวิตดาบแสงไปแล้ว ส่วนที่ถามว่าทำไมรู้ว่าเป็นสารวัตรเท่าที่ผมทบทวนความจำตัวเอง ผมเลยรู้ว่ามีคนแค่สองคนที่ไม่ตกเป็นเป้าลูกปืนเลยแม้จะอยู่กลางดงปืนก็ตาม คือสารวัตรและไอ้จ่าอ๊อด”
“และการที่พวกเราจำเป็นต้องแสดงละครตบตาคนร้ายโดยการแกล้งยิงกับฝ่ายของเราเพื่อความแนบเนียน ผมสังเกตว่าสารวัตรยิงปืนเป็นจังหวะ มี การเว้นเป็นช่วงๆ แล้วยิง บางช่วงยิงไปถี่ๆ บางครั้งยิงไปทีละนัด ดูแล้วมันแปลกๆ ผมจำได้ดีเพราะตอนนั้นอยู่ใกล้สารวัตรมากที่สุด ผมเลยเก็บข้อสงสัยนี้ไปถามผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับรหัสมอร์ส โดยการยิงปืนแบบเดียวกับสารวัตร ซึ่งถอดคำออกมาได้ว่า V R Cop. คำสุดท้ายแปลเป็นตำรวจ แต่กับ V R คืออะไร ถ้าไม่สนใจที่ตัวอักษรแต่เจาะจงที่ความเป็นรูปประโยค มีความเป็นไปได้อย่างเดียวที่ผู้ส่งสารต้องการบอกกับผู้รับสารในเวลานั้น”
“We are cop พวกเราเป็นตำรวจ ไม่รู้ว่าคนอื่นที่เขาใช้งานรหัสมอร์สในการสื่อสาร จะใช้คำย่อสื่อสารในทำนองนี้ไหม แต่มีคนหนึ่งที่พูดเกี่ยวกับเทคนิคนี้ในการอบรมเกี่ยวกับรหัสมอร์สครั้งหนึ่ง คนคนนั้นคือเสธ.ชาญ ที่งานนั้นเขาคือวิทยากรผู้บรรยายพอดี และคนที่ช่วยผมถอดรหัสก็คือที่เข้าไปร่วมอบรมและเขายืนยันว่าสารวัตรอยู่ด้วย เขาคือผู้กองพล"
“ผมขอโทษ….”
“ผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษ คำนี้คุณต้องไปบอกกับครอบครัวและพี่ตำรวจทั้งสามคนที่เขาตายไปแล้ว”
“ผมแค่อยากรู้ว่า เพื่อหน้าที่การงานที่ใหญ่โต ทำไมต้องจ่ายมันด้วยชีวิตของคน”

คืนจันทร์แรม คน2คน ในรถยนต์คันหนึ่ง
“ผมไม่อยากเชื่อเรื่องการส่งรหัสมอร์สของสารวัตรเอกกับเสธ. ผมว่าทั้งคู่อาจเคยรู้จักกันมาก่อน”
“ตอนที่พวกคุณแยกไปปรึกษา นายคุณไม่พูดอะไรถึงสารวัตรเลยหรอ”
“ไม่ เสธ.ฉลาดพอที่จะไม่เปิดเผยว่าใครเป็นสายให้เขา”
“งั้นผมจะลองดูเขาไว้ ขอบคุณมาก หมวดดอน”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่