หลังจากที่ขยายเวลาอยู่ต่อที่ Portland อีก 1 อาทิตย์ เพื่อเที่ยว และแน่นอนมาอยู่ Portland ทั้งที จะไม่ไปเที่ยวเมืองที่อยู่ใกล้ๆอย่าง Seattle คงไม่ได้ ขับรถแค่ประมาณเกือบๆสามชั่วโมงเอง และอาทิตยนี้เป็นอาทิตย์สุดท้ายก่อนกลับไทย เราเลยไม่ลังเลที่จะไป โดยการเที่ยวครั้งนี้เราจะไปคนเดียว เพราะมันดูปลอดภัยไม่น่ามีอะไร อีกอย่างเราไปถึงวอชิงตันดีซีคนเดียวซึ่งอยู่ตั้งไกล แค่ Seattle นั่งบัสไปใกล้ๆก็ถึงแล้ว เราจะกลัวอะไร ครั้งนี้ไม่ต้องรอคำอณุญาตจากแม่ เพราะแม่เราเป็นคนแนะนำให้เราไปเที่ยวแบบนี้เอง
ตอนแรกเราแอบกังวลว่าถ้าไปเช้าเย็นกลับ เที่ยวแค่วันเดียวมันจะพอไหม แต่พอได้ลองศึกษาหาข้อมูลดีๆก็พบว่า
พอ
วงเล็บถ้าจะไปเที่ยวแค่ใน Dowtown
จากการหาข้อมูล Seattle ก็เป็นเมืองนึงที่น่าอยู่
Seattle อยู่ในรัฐ Washington ทางตอนเหนือของอเมริกา ที่ไม่ใช่ Washington D.C. เมืองหลวงของอเมริกาที่อยู่ทางฝั่งตะวันออก
เป็นเมืองที่มีระบบขนส่งดี การเดินทางสะดวก
สภาพบ้านเมืองสะอาด ปลอดภัย
เค้าว่ากันว่า Seattle เป็นหนึ่งในเมืองที่โรแมนติกที่สุดในอเมริกา
มีที่เที่ยวทางธรรมชาติเยอะ เช่น ภูเขา ทะเล
มีมหาลัยดังๆอย่าง University of Washington
เป็นเมืองที่เป็นต้นกำเนิดของกาแฟชื่อดังอย่าง Starbucks เพราะ Starbucks สาขาแรกของโลกอยู่ที่นี่
และถ้าใครชอบกิน sea food แล้วล่ะก็ อาหารทะเลสดๆ หาซื้อได้ไม่ยากที่เมืองนี้ อย่างตลาด Pike place Market ที่อยู่ใกล้ๆกับทะเลเลย
แต่เมืองนี้ก็มีค่าครองชีพที่แพงด้วยเช่นกัน
อย่างที่บอกเรามีเวลาเที่ยวแค่วันเดียว ถ้าจะบอกว่าทริปนี้เป็นทริปฉาบฉวยก็ได้ เพราะนอกจากเวลาจะน้อยแล้ว เราก็มีเวลาวางแผนไม่มากเพราะต้องวางแผนเที่ยวลาสเวกัสที่กำลังจะไปในอีกสองวันข้างหน้าเหมือนกัน
ดังนั้นการเที่ยวครั้งนี้เราจะเดินเที่ยวแค่ใน Downtown
เราออกจากบ้านประมาณตีห้าครึ่ง เป็นการออกจากบ้านที่เช้าที่สุดตั้งแต่อยู่ Portland มา
เราต้องนั่งบัสไปตัวเมือง Portland เพื่อไปขึ้นบัสที่จะไป Seattle โดยชื่อบริษัท ฺBoltbus จองผ่านทางเว็บไซต ราคราไปกลับประมาณ 40 เหรียญ
ตามตารางเวลารถจะออกหกโมงครึ่ง แต่บัสมันดีเลย์ มาประมาณเจ็ดโมงครึ่ง มีผู้โดยสารไม่น้อยที่แสดงอาการไม่พอใตที่รถมาช้า
พอรถมาถึงคนขับก็ตรวจตั๋ว โดยการสแกนคิวอารโค้ต เค้าจะเรียกคนขึ้นเป็นไปตามโซนๆไปโดย
เริ่มจากโซน A B C ตามลำดับ ขึ้นไปบนรถกว้างเบาะสบายดี มีห้องน้ำในรถ เราใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณเกือบๆสามชั่วโมง ระหว่างทางก็เป็นวิวทางด่วน
ถึงแล้วซีแอตเทิล
เราไปถึงประมาณ 10 โมงนิดๆ สภาพตัวเมืองใน downtown ยังมีผู้คนไม่มากนัก
อากาศเย็นสบายกว่าพอร์ตแลนด์ แม้ว่าจะเป็นช่วง summer อยู่ก็ตาม
แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัด คือ มี homeless อยู่มาก กลิ่นเมืองในถนนบางเส้นเป็นกลิ่น homeless ไปอีก
เวลาเดินต้องระวังหน่อย homeless บางคนจะเข้ามาคุยกับเรา มาขอเงินบ้าง เราก็อย่าไปสนใจ
เมื่อไปถึงจุดแรกที่เรามุ่งหน้าไปคือสตาร์บัคส์สาขาแรกของโลก เพราะคิดว่าถ้าไปสายกว่านี้คนต้องเยอะมากแน่ๆ ระหว่างทางไปเราต้องผ่านตลาด pike place market
เดินไปสักพักเลี้ยวขวาก็จะเจอร้านสตาร์บัคส์แล้ว
เป็นร้านกาแฟที่มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก
ตอนนั้นเราว่าแถวไม่ได้ถือว่ายาวมากเราก็เข้าไปต่อคิว
ภาพบรรยากาศในร้าน
พอเข้าไปถึงในร้านก็จะมีผลิตภัณฑ์ แก้ว starbucks ขายด้วย ซึ่งถ้าเราอยากได้ให้ไปบอกที่เคาท์เตอร์ ที่เค้าตั้งโชว์เอาไว้เป็นแค่ตัวอย่าง
ตอนเข้าแถวสั่งก็สั่งปกติวันนั้นเราสั่ง Green tea latte ice แก้วเล็กราคาอยู่ที่ 4.25 เหรียญ
ความจริงแถวที่เราสั่งออเดอร์ไม่ได้รอนานมากเพราะแค่สั่งแต่พอสั่งเสร็จจะมีพนักงานคอยบอกให้เราไปต่ออีกแถวนึง แถวรอรับเครื่องดื่ม แถวนี้แหละอาจจะรอนานหน่อย
ได้มาแล้ว ความจริงเราบอกพนักงานนะว่าชื่อ Nest แต่สิ่งที่ได้มาคือ Nancy
การเขียนชื่อลงแก้วสตาร์บัคส์ก็ยังเป็นเรื่องตลกได้แม้ว่าจะมาสั่งที่สาขาแรกก็ตาม
เดินออกมา รู้สึกคิดถูกมากที่รีบมาตั้งแต่แรกเพราะออกมาจากร้านอีกทีแถวก็ยาวกว่าตอนแรกมากๆ
ต่อไปเราเดินย้อนกลับเพื่อไป Gum wallเราเดินตาม google map ระหว่างทางไปเราต้องผ่านตลาด pike place market จะมีกลิ่นคาวๆอาหารทะเลหน่อย โดยตลาดนี้จะขายของทะเลสดๆเพียบ ดูน่ากินดี แต่ราคาก็แรงอยู่
ตลาด Pike place เป็นหนึ่งในตลาดของเกษตรกร ที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา
โดยบรรยากาศก็จะมีพ่อค้าแม่ค้า พยายามเชิญชวนลูกค้ามาซื้อของร้านตัวเอง
อย่างตอนที่เราเดินผ่านร้านขายพวกอาหารทะเลสดมีปลา ก้ามปูใหญ่ๆ ดูน่ากินดี ร้านนี้มีคนมุงเยอะ เราเลยเข้าไปดู คอพ่อค้าเค้าโชวลีลาโยนปลาไปให้อีกคน รวมถึงพูดจาแบบตลกๆ เรียกความสนใจกับผู้คนได้มากเลยทีเดียว
บรรยกาศตลาด
เราเดินไปเรื่อยๆ หา gum wall ไม่เจอสักที ดันขึ้นไปเจอเป็นเหมือนสวนเล็กๆ
มองไปข้างล่างจะเห็นวิว The Great Wheel และทะเล สวยดี
แล้วเราก็ยังคงหาทางไป gum wallไม่เจอสักที สรุปคือมันอยู่ตำแหน่งเดียวกับสวนนั่นแหละ แต่มันดันอยู่ข้างล่าง เราก็เดินหาตั้งนาน
ตรงgum wallนี้ มีนักท่องเที่ยวแน่นพอสมควร บางคนเพิ่งเคี้ยวหมากฝรั่งเสร็จก็เอามาป้ายที่กำแพงเลยก็มี
เราเดินออกมาข้างนอกตลาด โดยบริเวณข้างๆ จะมีร้านค้ามากมายให้ชอปปิง
หลังจากนี้เราก็นั่งรถบัสไป kerry park เป็น park เล็กๆ เราจะเห็น space needle ถ่ายรูปออกมาจะเหมือน postcard เลย เราเลือกมาที่นี่แทนที่จะไปตรง space needle จริงๆ เพราะอยากได้รูปแบบนี้เนี่ยแหละ เวลาเรามีน้อยแค่วันเดียวมันจำเป็นต้องเลือกสิ่งที่ต้องการจริงๆ
ต่อไปเราจะไปที่University of Washington เพื่อไปดู Suzzalo library ที่เป็นหนึ่งในฉากถ่ายทำHarry potter ตาม map เหมือนกับว่าเราต้องเดินลงจากkerry park นี้ทางเดินชันมาก
ข้างล่างของจุดชมวิวจะเป็นสนามเด็กเล่น
เราขึ้นบัสเพื่อไป University of Washington นานหน่อย ประมาณ 40 นาที ตอนนั้นอากาศเริ่มร้อนๆแล้วแดดเริ่มมา เราก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะต้องรีบเที่ยว
บัสมาจอดข้างหน้าต้องเดินเข้าไปอีกนิดหน่อย
ถึงแล้ว University นี้สวยมาก ยังไงถ้ามา Seattle แล้วห้ามพลาดเข้ามาชมบรรยากาศข้างในกัน
เราเดินไปตามป้ายที่เขียนว่าไป Library เดินไปถึงก็ไม่เห็นจะเจอ Suzzalo library เลย เข้าไปข้างในก็แล้ว
เราเลยเดินย้อนออกมามั่วๆ พยายามหาตึกที่เป็นแบบนี้เพราะมันคือทางเข้า
เดินเข้าไปข้างใน
ต้องขึ้นไปข้างบนอีกถึงจะเจอ จะมีป้ายเขียนว่า Quiet Zone เดินเข้าไป
จะเห็นว่ามีนักศึกษา หรือบุคคลภายนอกเข้ามาอ่านหนังสือในนี้จริงๆ พวกนักท่องเที่ยวอย่างเราเวลาเดินเวลาถ่ายรูปก็ต้องเงียบๆหน่อย เพราะเดี๋ยวจะไปรบกวนเขาได้
เดินเที่ยว Seattle คนเดียวในวันว่างๆ
ตอนแรกเราแอบกังวลว่าถ้าไปเช้าเย็นกลับ เที่ยวแค่วันเดียวมันจะพอไหม แต่พอได้ลองศึกษาหาข้อมูลดีๆก็พบว่า
พอ
วงเล็บถ้าจะไปเที่ยวแค่ใน Dowtown
จากการหาข้อมูล Seattle ก็เป็นเมืองนึงที่น่าอยู่
Seattle อยู่ในรัฐ Washington ทางตอนเหนือของอเมริกา ที่ไม่ใช่ Washington D.C. เมืองหลวงของอเมริกาที่อยู่ทางฝั่งตะวันออก
เป็นเมืองที่มีระบบขนส่งดี การเดินทางสะดวก
สภาพบ้านเมืองสะอาด ปลอดภัย
เค้าว่ากันว่า Seattle เป็นหนึ่งในเมืองที่โรแมนติกที่สุดในอเมริกา
มีที่เที่ยวทางธรรมชาติเยอะ เช่น ภูเขา ทะเล
มีมหาลัยดังๆอย่าง University of Washington
เป็นเมืองที่เป็นต้นกำเนิดของกาแฟชื่อดังอย่าง Starbucks เพราะ Starbucks สาขาแรกของโลกอยู่ที่นี่
และถ้าใครชอบกิน sea food แล้วล่ะก็ อาหารทะเลสดๆ หาซื้อได้ไม่ยากที่เมืองนี้ อย่างตลาด Pike place Market ที่อยู่ใกล้ๆกับทะเลเลย
แต่เมืองนี้ก็มีค่าครองชีพที่แพงด้วยเช่นกัน
อย่างที่บอกเรามีเวลาเที่ยวแค่วันเดียว ถ้าจะบอกว่าทริปนี้เป็นทริปฉาบฉวยก็ได้ เพราะนอกจากเวลาจะน้อยแล้ว เราก็มีเวลาวางแผนไม่มากเพราะต้องวางแผนเที่ยวลาสเวกัสที่กำลังจะไปในอีกสองวันข้างหน้าเหมือนกัน
ดังนั้นการเที่ยวครั้งนี้เราจะเดินเที่ยวแค่ใน Downtown
เราออกจากบ้านประมาณตีห้าครึ่ง เป็นการออกจากบ้านที่เช้าที่สุดตั้งแต่อยู่ Portland มา
เราต้องนั่งบัสไปตัวเมือง Portland เพื่อไปขึ้นบัสที่จะไป Seattle โดยชื่อบริษัท ฺBoltbus จองผ่านทางเว็บไซต ราคราไปกลับประมาณ 40 เหรียญ
ตามตารางเวลารถจะออกหกโมงครึ่ง แต่บัสมันดีเลย์ มาประมาณเจ็ดโมงครึ่ง มีผู้โดยสารไม่น้อยที่แสดงอาการไม่พอใตที่รถมาช้า
พอรถมาถึงคนขับก็ตรวจตั๋ว โดยการสแกนคิวอารโค้ต เค้าจะเรียกคนขึ้นเป็นไปตามโซนๆไปโดย
เริ่มจากโซน A B C ตามลำดับ ขึ้นไปบนรถกว้างเบาะสบายดี มีห้องน้ำในรถ เราใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณเกือบๆสามชั่วโมง ระหว่างทางก็เป็นวิวทางด่วน
ถึงแล้วซีแอตเทิล
เราไปถึงประมาณ 10 โมงนิดๆ สภาพตัวเมืองใน downtown ยังมีผู้คนไม่มากนัก
อากาศเย็นสบายกว่าพอร์ตแลนด์ แม้ว่าจะเป็นช่วง summer อยู่ก็ตาม
แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัด คือ มี homeless อยู่มาก กลิ่นเมืองในถนนบางเส้นเป็นกลิ่น homeless ไปอีก
เวลาเดินต้องระวังหน่อย homeless บางคนจะเข้ามาคุยกับเรา มาขอเงินบ้าง เราก็อย่าไปสนใจ
เมื่อไปถึงจุดแรกที่เรามุ่งหน้าไปคือสตาร์บัคส์สาขาแรกของโลก เพราะคิดว่าถ้าไปสายกว่านี้คนต้องเยอะมากแน่ๆ ระหว่างทางไปเราต้องผ่านตลาด pike place market
เดินไปสักพักเลี้ยวขวาก็จะเจอร้านสตาร์บัคส์แล้ว
เป็นร้านกาแฟที่มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก
ตอนนั้นเราว่าแถวไม่ได้ถือว่ายาวมากเราก็เข้าไปต่อคิว
ภาพบรรยากาศในร้าน
พอเข้าไปถึงในร้านก็จะมีผลิตภัณฑ์ แก้ว starbucks ขายด้วย ซึ่งถ้าเราอยากได้ให้ไปบอกที่เคาท์เตอร์ ที่เค้าตั้งโชว์เอาไว้เป็นแค่ตัวอย่าง
ตอนเข้าแถวสั่งก็สั่งปกติวันนั้นเราสั่ง Green tea latte ice แก้วเล็กราคาอยู่ที่ 4.25 เหรียญ
ความจริงแถวที่เราสั่งออเดอร์ไม่ได้รอนานมากเพราะแค่สั่งแต่พอสั่งเสร็จจะมีพนักงานคอยบอกให้เราไปต่ออีกแถวนึง แถวรอรับเครื่องดื่ม แถวนี้แหละอาจจะรอนานหน่อย
ได้มาแล้ว ความจริงเราบอกพนักงานนะว่าชื่อ Nest แต่สิ่งที่ได้มาคือ Nancy
การเขียนชื่อลงแก้วสตาร์บัคส์ก็ยังเป็นเรื่องตลกได้แม้ว่าจะมาสั่งที่สาขาแรกก็ตาม
เดินออกมา รู้สึกคิดถูกมากที่รีบมาตั้งแต่แรกเพราะออกมาจากร้านอีกทีแถวก็ยาวกว่าตอนแรกมากๆ
ต่อไปเราเดินย้อนกลับเพื่อไป Gum wallเราเดินตาม google map ระหว่างทางไปเราต้องผ่านตลาด pike place market จะมีกลิ่นคาวๆอาหารทะเลหน่อย โดยตลาดนี้จะขายของทะเลสดๆเพียบ ดูน่ากินดี แต่ราคาก็แรงอยู่
ตลาด Pike place เป็นหนึ่งในตลาดของเกษตรกร ที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา
โดยบรรยากาศก็จะมีพ่อค้าแม่ค้า พยายามเชิญชวนลูกค้ามาซื้อของร้านตัวเอง
อย่างตอนที่เราเดินผ่านร้านขายพวกอาหารทะเลสดมีปลา ก้ามปูใหญ่ๆ ดูน่ากินดี ร้านนี้มีคนมุงเยอะ เราเลยเข้าไปดู คอพ่อค้าเค้าโชวลีลาโยนปลาไปให้อีกคน รวมถึงพูดจาแบบตลกๆ เรียกความสนใจกับผู้คนได้มากเลยทีเดียว
บรรยกาศตลาด
เราเดินไปเรื่อยๆ หา gum wall ไม่เจอสักที ดันขึ้นไปเจอเป็นเหมือนสวนเล็กๆ
มองไปข้างล่างจะเห็นวิว The Great Wheel และทะเล สวยดี
แล้วเราก็ยังคงหาทางไป gum wallไม่เจอสักที สรุปคือมันอยู่ตำแหน่งเดียวกับสวนนั่นแหละ แต่มันดันอยู่ข้างล่าง เราก็เดินหาตั้งนาน
ตรงgum wallนี้ มีนักท่องเที่ยวแน่นพอสมควร บางคนเพิ่งเคี้ยวหมากฝรั่งเสร็จก็เอามาป้ายที่กำแพงเลยก็มี
เราเดินออกมาข้างนอกตลาด โดยบริเวณข้างๆ จะมีร้านค้ามากมายให้ชอปปิง
หลังจากนี้เราก็นั่งรถบัสไป kerry park เป็น park เล็กๆ เราจะเห็น space needle ถ่ายรูปออกมาจะเหมือน postcard เลย เราเลือกมาที่นี่แทนที่จะไปตรง space needle จริงๆ เพราะอยากได้รูปแบบนี้เนี่ยแหละ เวลาเรามีน้อยแค่วันเดียวมันจำเป็นต้องเลือกสิ่งที่ต้องการจริงๆ
ต่อไปเราจะไปที่University of Washington เพื่อไปดู Suzzalo library ที่เป็นหนึ่งในฉากถ่ายทำHarry potter ตาม map เหมือนกับว่าเราต้องเดินลงจากkerry park นี้ทางเดินชันมาก
ข้างล่างของจุดชมวิวจะเป็นสนามเด็กเล่น
เราขึ้นบัสเพื่อไป University of Washington นานหน่อย ประมาณ 40 นาที ตอนนั้นอากาศเริ่มร้อนๆแล้วแดดเริ่มมา เราก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะต้องรีบเที่ยว
บัสมาจอดข้างหน้าต้องเดินเข้าไปอีกนิดหน่อย
ถึงแล้ว University นี้สวยมาก ยังไงถ้ามา Seattle แล้วห้ามพลาดเข้ามาชมบรรยากาศข้างในกัน
เราเดินไปตามป้ายที่เขียนว่าไป Library เดินไปถึงก็ไม่เห็นจะเจอ Suzzalo library เลย เข้าไปข้างในก็แล้ว
เราเลยเดินย้อนออกมามั่วๆ พยายามหาตึกที่เป็นแบบนี้เพราะมันคือทางเข้า
เดินเข้าไปข้างใน
ต้องขึ้นไปข้างบนอีกถึงจะเจอ จะมีป้ายเขียนว่า Quiet Zone เดินเข้าไป
จะเห็นว่ามีนักศึกษา หรือบุคคลภายนอกเข้ามาอ่านหนังสือในนี้จริงๆ พวกนักท่องเที่ยวอย่างเราเวลาเดินเวลาถ่ายรูปก็ต้องเงียบๆหน่อย เพราะเดี๋ยวจะไปรบกวนเขาได้