ผมอยากเป็นหมอมาก คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) คือทุกอย่างของชีวิตผม แต่ตอนนี้ก็ 20กลางๆแล้ว ก็ยังไม่ได้แม้แต่จะเตรียมตัวสอบจริงๆจังๆ ซะที เพื่อเข้า คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต)
เรื่องความวันนาบี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่ การได้เข้าเรียนคณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) จะเข้ามาเป็นเงื่อนไขในการใช้ชีวิตทุกอย่างๆของผม รู้ตัวอีกทีก็ ก็โงหัวไม่ขึ้นแล้ว
ตอนปี1 ที่คณะๆนึงๆ มหาวิทยาลัยนึงๆ มีห้องเชียร์ ผมก็ก็ไม่เคยเข้าเลย ไม่ใช่ว่าแอนตี้Sotusอะไรหรอก แต่ผมบอกกับตัวเองว่า ผมจะรอไปเข้าห้องเชียร์ที่ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) เท่านั้น ตอนนั้นผมมุ่งแต่จะซิ่วหมอ
ตอนปี1 รับน้อง ผมก็ไม่ค่อยสนุกกับกิจกรรมอะไร ไม่ค่อยอยากรู้จักใคร เพราะคิดแต่ว่า สังคมของผมอยู่ที่ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) เท่านั้น ผมอยากเรียนหมอ
พอขึ้นปีสูงๆที่คณะนั้นๆ ผมก็ลงเรียนแต่วิชาที่ใกล้เคียงกับเนื้อหาของ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) เท่านั้น
ตลอดระยะเวาที่เรียนคณะนั้นๆ ในหัวผมมีแต่คำว่า การสอบเข้าหมอ เข้าแพทย์ กสพท. วิชาสามัญ ความถนัดแพทย์ เรียนหมอ เรียนแพทย์ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) ผมไม่ค่อยได้สนใจสิ่งที่เรียนเท่าไหร่นัก ซึ่งก็ตามมาด้วยผลการเรียน เกรด ที่ไม่ดีเลย ไม่ตั้งใจทำโปรเจคใดๆทั้งสิ้น โดนอาจารย์ทที่ปรึกษาโปรเจคประชดใส่เรื่องคณะแพทย์ ก็โดนมาแล้ว
ผมมีความสุขมาก กับเนื้อหาวิชาที่ มีเนื้อหาแบบคณะแพทย์ เช่น biochem physilogy anatomy micro patology ผมซื้อหนังสือเหล่านี้เก็บไว้อ่านด้วยเมื่อได้เรียนหมอ
ตอนเรียนในคณะนั้นๆ ผมไม่เคยนั่งใต้ตึกคณะตัวเอง ผมชอบไปนั่งที่ตึกคณะแพทย์มากกว่า รู้สึกลมเย็น รู้สึกสถานที่แห่งนี้คือที่ของเราต่างหาก(อ้อ ไม่ต้องคิดว่าผมน่ากลัว เข้าไปนั่งเรียนกับ นักเรียนแพทย์หรอก ผมนั่งโซนที่คนทั่วๆไปก็นั่งได้ ไม่ได้คะยั้นคะยอเข้าไปในห้องเรียนห้องแลปขนาดนั้น)
ในช่วงเวลาหลายปี ผมซื้อหนังสือม.ปลาย เตรียมสอบเข้าแพทย์เก็บไว้เยอะมาก (เกิน100เล่ม) ผมอยากเรียนแต่หมอ ผมวาดฝันไว้อย่างดีว่าเรียนจบเมื่อไหร่ผมจะตะลุยหนังสือ โจทย์ให้หมด เพื่อคณะแพทยศาสตร์
ชีวิตส่วนตัว ผมไม่เคยคิดอยากมีแฟนเลย ผมจะมีแฟนก็ต่อเมื่อได้เข้าเรียน คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) แล้วเท่านั้น ไม้เช่นนั้นผมก็ไม่มีความมั่นใจไปจีบอะไรใครทั้งสิ้น ถ้าชีวิตนี้ผมไม่ได้เรียนคณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) ผมก็ยอมโสดไปจนตาย
ในfacebook ผมไม่เคยเอาขึ้นว่าเรียนที่ไหน ทั้งสิ้น ผมจะรอเอาขึ้นแต่ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) มหาวิทยาลัยซักที่หนึ่ง
ผมไม่ค่อยกล้ามีความมั่นใจที่จะโพสต์ คอมเม้น แสดงความคิดเห็นอะไรบนโลกโซเชี่ยเท่าไหร่ เพราะผมยังไม่ได้เรียนคณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต)
เวลาผมออกกำลังกาย จะเวท จะคาร์ดิโอทั้งหลาย ผมก็คิดแค่ว่า ผมต้องดูแลสุขภาพ เพราะอีกหน่อยจะเป็นหมอ จะดูแลคนอื่น เราต้องดูแลตัวองให้ดี ผมไม่ได้รักสุขภาพอะไรจริงๆ แต่เพราะ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) เข้ามาเป็นเงื่อนไข
เวลาผมเดินที่ไหนๆก็ตาม ผมจะเดินหลังตรง อกผาย ตลอด เพราะคิดว่า บุคลิกผมต้องดี (แม้หน้าตาจะแย่) เพราะผมจะเป็น "คุณหมอ" คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต)
เพลงประจำวันผม ก็ไม่ใช่เพลงอื่น แต่เป็นเพลงคณะแพทย์ ทั้ง20กว่าสถาบัน ฟังวนๆไปแต่ละที่ มันไพเราะมาก กับบทเพลงของคณะแพทยศาสตร์ ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมฟังเพลงอื่นๆที่ชาวบ้านเค้าฟังกันเมื่อไหร่
ผมทานข้าว ผมก็จะกินอย่างคุณหมอ ผมทานแต่ของมีประโยชน์ ผมเป็นหมอ
มาเรียนนิติศาสตร์ ก็อยากลงวิชาเลือกกฎหมาย นิติเวชศาสตร์ กฎหมายการแพทย์ เพราะผมอยากเป็นหมอในอนาคต
ตอนม.6 ผมมีเรื่องเข้ามากวนใจ ซึ่งผมก็ไม่โทษใครหรอกครับ โทษตัวเองในตอนนั้นที่ งี่เง่ามากๆ ตอนปี1 ก็ไม่ได้ซิ่ว แต่พอขึ้นปีสูงๆ ผมอยากลาออกมาก แม่ก๋ไม่ให้ลาออก แถมดูถูกผมนักหนา ว่าผมไม่มีทางสอบได้
ผมเลยกะว่า จะมาสอบหลังเรียนจบ คณะนั้นๆแล้ว ต่อมา แม่ก็ดันไตวาย หลอดเลือดสมองตีบ อาการบางทีก็เหมือนคนติดเตียง ต้องคอยหาข้าวหาน้ำให้กิน ผมก็เลยอดไปสอบเข้าแพทย์
ผมอยากไปสอบหมอมาก ทำอะไรก็ทำไม่ได้สุด เพราะมันติดที่ความคิดที่ว่า "ฉันอยากเข้าหมอ" ตลอด และก็ไปสอบไม่ได้ด้วย เพราะต้องอยุ่กับแม่ ในแต่ละวัน ผมไปไหนไกลยังไม่ได้เลย
ต้องอยู่กับแม่จนกว่าแม่จะตาย (ซึงก็ไม่รุ้เมื่อไหร่)แล้วเอามรดก(ที่ไม่รู้ว่าแม่จะใช้หมดไปก่อนมั้ย) ไปใช้ว่างั้นเถอะ ผมถึงจะได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง
จริงๆตอนนี้ผมก็แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เพราะนอกจากที่ผมไปสอบเข้าแพทย์ไม่ได้แล้ว แม่ผมไม่สนับสนุนให้ผมทำอะไรทั้งสิ้น หางานทำก็ไม่ได้(เคยหนีไปทำงาน แต่แม่ก็ไปตามตัว บังคับให้ลาออก) ไปเล่นกีฬาที่รักก็ไม่ได้ เรียนนิติภาคบัณฑิต ก็ไม่ได้ (สองอันหลังนี่ ดูถูกเหมือนเรื่องเข้าหมอ ว่าผมต่อยมวยไม่ไหว นิติยาก ผมความจำไม่ดี) อะไรๆก็ไม่ได้ ดังนั้น วันๆก็ได้แต่อยู่กับความหลอนในความอยากเรียนคณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสบัณฑิต)
ผมจะล้มเลิกความฝันนี้อย่างไรดี ผมจะได้เลิกบ้า อยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องมีเป้าหมายอะไร อยู่ไปวันๆพอ ชีวิตตื่นมาซื้อข้าว พาแม่ไปฟอกไต พอ พอเลิกอยากเป็นหมอ ผมก็คงจะไม่รู้จะทำอะไรเลย เพราะไม่เคยคิดอยากเป็นอะไรนอกจากหมอ มาตั้งแต่อายุ 15แล้ว
จะเลิกความอยากเป็นหมอนี้ยังไงดี วอนนาบีมาจนอายุยี่สิบกว่า แต่ก็ยังไม่ได้ไปสอบเข้าซะที
เรื่องความวันนาบี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนม.6 ผมมีเรื่องเข้ามากวนใจ ซึ่งผมก็ไม่โทษใครหรอกครับ โทษตัวเองในตอนนั้นที่ งี่เง่ามากๆ ตอนปี1 ก็ไม่ได้ซิ่ว แต่พอขึ้นปีสูงๆ ผมอยากลาออกมาก แม่ก๋ไม่ให้ลาออก แถมดูถูกผมนักหนา ว่าผมไม่มีทางสอบได้
ผมเลยกะว่า จะมาสอบหลังเรียนจบ คณะนั้นๆแล้ว ต่อมา แม่ก็ดันไตวาย หลอดเลือดสมองตีบ อาการบางทีก็เหมือนคนติดเตียง ต้องคอยหาข้าวหาน้ำให้กิน ผมก็เลยอดไปสอบเข้าแพทย์
ผมอยากไปสอบหมอมาก ทำอะไรก็ทำไม่ได้สุด เพราะมันติดที่ความคิดที่ว่า "ฉันอยากเข้าหมอ" ตลอด และก็ไปสอบไม่ได้ด้วย เพราะต้องอยุ่กับแม่ ในแต่ละวัน ผมไปไหนไกลยังไม่ได้เลย
ต้องอยู่กับแม่จนกว่าแม่จะตาย (ซึงก็ไม่รุ้เมื่อไหร่)แล้วเอามรดก(ที่ไม่รู้ว่าแม่จะใช้หมดไปก่อนมั้ย) ไปใช้ว่างั้นเถอะ ผมถึงจะได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง
จริงๆตอนนี้ผมก็แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เพราะนอกจากที่ผมไปสอบเข้าแพทย์ไม่ได้แล้ว แม่ผมไม่สนับสนุนให้ผมทำอะไรทั้งสิ้น หางานทำก็ไม่ได้(เคยหนีไปทำงาน แต่แม่ก็ไปตามตัว บังคับให้ลาออก) ไปเล่นกีฬาที่รักก็ไม่ได้ เรียนนิติภาคบัณฑิต ก็ไม่ได้ (สองอันหลังนี่ ดูถูกเหมือนเรื่องเข้าหมอ ว่าผมต่อยมวยไม่ไหว นิติยาก ผมความจำไม่ดี) อะไรๆก็ไม่ได้ ดังนั้น วันๆก็ได้แต่อยู่กับความหลอนในความอยากเรียนคณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสบัณฑิต)
ผมจะล้มเลิกความฝันนี้อย่างไรดี ผมจะได้เลิกบ้า อยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องมีเป้าหมายอะไร อยู่ไปวันๆพอ ชีวิตตื่นมาซื้อข้าว พาแม่ไปฟอกไต พอ พอเลิกอยากเป็นหมอ ผมก็คงจะไม่รู้จะทำอะไรเลย เพราะไม่เคยคิดอยากเป็นอะไรนอกจากหมอ มาตั้งแต่อายุ 15แล้ว