สวัสดีครับ อายุ2x แล้วครับ ตอนนี้ผมจบ เนติบัณฑิต และมีใบอนุญาตให้เป็นทนายความเรียบร้อยแล้ว
แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น ผมอยากเป็นหมอมากๆครับ อยากเป็นแค่อาชีพเดียว สมัยผมเรียน นิติศาสตร์ที่รามคำแหง ผมก็บงวิชาเลือกนิติเวช ผมก็ชอบมาก
ตอนม.6 ผมสอบไม่ติดครับ เลยมาเรียนคณะวิทยาศาสตร์ สาขาหนึ่ง จบมาแล้ว ผมก็อยากมาสมัครสอบเข้าหมอนะครับ ตอนนั้นประมาณปี2556 ได้มั้ง แต่แม่ผม ก็สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงแล้ว แม่มีผมตอนที่ผมอายุเยอะแล้ว พอผมเรียนจบอายุ22 แม่ก็ปาเข้าไป 68 69 แล้ว
แม่ผมไตวาย ต้องฟอกเลือด ตาเป็นต้อกระจก เดินไม่ค่อยไหว ผมเบรกความฝันไว้อีกรอบ เพระถ้าเรียนหมอคงอยู่ดูแลแม่ไม่ได้แน่ๆ ผมเลยต้องลงเรียนนิติ ซึ่งผมเองก้สนใจระดับหนึ่งอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่วายสนใจเรื่องกฎหมายแนวๆการแพทย์ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหมอ อะไรทำนองนี้ตลอด เรียนรามผมสามารถอยู่บ้านได้ ไม่ต้องไปไหนไกลๆนานๆ
ผมเรียนลงเรียนรามตอน57 เรียนสองปี ประมาณ59 ก็จบที่ราม ลงทะเบียนเต็มทุกเทอม ตอนนั้นยังลงได้24 หน่วยกิตอยู่ จบแล้วก็ต่อเนติฯ สอบใบปนุญาตฯไปด้วย
ต่อมาประมาณปี60-61 ผมจบเนติบัณฑิตแล้ว มีตั๋วทนายแล้ว แม่ก็จากไปอย่างสงบ ผมจบจัดการเรื่องราวต่างทั้งทรัพย์สิน ทั้งอะไรๆของแม่จนหมดในปี61 เรียบร้อย ผมไม่เคยลืมความฝันตัวเอง ตอนนี้ไม่มีภาระผูกพันใดๆแล้ว ผมเลยเตรียมจะสอบ กสพท ปีต่อไป (ปีนี้สมัครไม่ทันแล้ว)
อ้อเรื่องเนื้อหา ผมไม่เคยทิ้งนะครับสำหรับเนื้อหาการสอบเข้าแพทย์ ตลอดระยะเวลาหลายๆปีที่ผานมา ผมฝึกโจทย์เลขม.ปลาย ้เรียงๆไปบทต่างๆ เซต ตรีโกณ สถิติ log expo cal วิทย์ก็ทวนอยู่ตลอด ฝึกทำโจทย์มาตลอดโหลดข้อสอบเก่า วิชาสามัญมาทำตลอด วิชาอื่นๆก็เช่นกัน เพราะผมอยากเป็นหมอมาก หวังว่าซักวันจะได้มาสอบเข้าหมอ
ผมรับข้อมูลหลายๆทาง ทั้งจากพันทิป เว็บไซต์ต่างๆ เห็นมีหมอหลายคน จบแล้วก็ลงเรียนนิติหรือบางคน เรียนหมอควบนิติรามก็มี ถ้าผมจะจบ สายนิติที่ดูเหมือนไปไกลแล้ว จะย้อนกลับมาเรียนหมอ คงไม่ดูแปลกอะไรใช่มั้ยครับ ในอนาคตผมอยากจะเป็นนักกฎหมายการแพทย์ ผมเคยอ่านหนังสือกฎหมายการแพทย์ ของทั้งสองท่าน เล่มนึง อ.แสวง ซึ่งเป็นอาจารย์ด้านกฎหมายเขียน เล่มนึง อ.วิฑูรย์ เป็นอาจารย์หมอที่ จบนิติด้วย เขียน
อ่านแล้วรู้สึกชอบมาก และก็เห็นหลายๆจุดที่ นักกฎหมายกับ หมอ มองคนละแบบ
บางท่านอาจจะบอกว่า ต่อปริญญาโทกฎหมายการแพทย์จะตรงกว่ามั้ย คำตอบคือ ไม่ครับ ผมไม่ได้อยากทำงานสายกฎหมาย แต่ผมอยากเป็นหมอต่างหากครับ ผมไม่เสียดาย เสียใจอะไรกับ วุฒิ เนฯ นิติฯ ใบอนุญาติฯทนายความ ใดๆทั้งสิ้น ผมต้องการแพทยศาสตรบัณฑิต ผมฝึกฝน ฝึกโจทย์ มาตลอดผมหวังว่าซักวันจะมาสอบเข้า แม่ผมก็เคยบ่นบ่อยๆว่าหนังสือเยอะแยะ ไมไ่ด้ใช้แล้วก็ขายทิ้งเถอะ ผมไม่ขาย เพราะผมอ่านมันอยู่ตลอดหลายปี
เรื่องร่างกาย ผมฟิตร่างกายดีมาก เพราะผมคิดไว้แล้วว่าน่าจะได้เรียนหมอตอนอายุเยอะ ผมวิ่งทุกวัน มีฟิตเนสบ้าง ฝึกมวยในค่ายบ้าง วิ่งมาราทอนก็เคยไปมาแล้วหลายงาน ผมต้องการเป็นหมอ ผมต้องดูแลตัวเองให้ดีถึงจะไปดูแลนคนอื่นได้ ผมอยากสอบเข้าหมอครับ
เรื่องสอบติดไม่ติด ไม่ใช่ประเด็น ไม่ติดปีแรก ก็สอบอีกปีที่สอง ไม่ติดปีที่สองก็สอบอีกปีที่สาม ไปเรื่อยๆ เพราะผมอยากจะเป็นหมอครับ
เรื่องค่าใช้จ่าย ไม่มีปัญหาครับ สั้นๆ นะ "มีปัญญาจ่าย" เรื่องค่าเทอม ผมเลือกแต่ม.รัฐ ผมหาข้อมูลมาหมดแล้ว ว่าเท่าไหร่บ้างนะครับ มันไมไ่ด้แพงเว่อร์แบบที่หลายคนคิด
สุดท้ายนี้เลยอยากจะถามทุกท่านว่า คงไมไ่ด้แปลกใช่มั้ยถ้าผมจะเข้าไปเรียนคณะแพทย์ใหม่ทั้งหมด ผมเป็นคนเฟรนลี่ เข้ากับเด็กๆได้สบายๆครับ
มีหมอจบหมอแล้ว มาเรียนนิติมากมาย ถ้าผมจะจบสายนิติ จะมาสอบเข้าแพทย์ กสพท ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรใช่มั้ยครับ
แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น ผมอยากเป็นหมอมากๆครับ อยากเป็นแค่อาชีพเดียว สมัยผมเรียน นิติศาสตร์ที่รามคำแหง ผมก็บงวิชาเลือกนิติเวช ผมก็ชอบมาก
ตอนม.6 ผมสอบไม่ติดครับ เลยมาเรียนคณะวิทยาศาสตร์ สาขาหนึ่ง จบมาแล้ว ผมก็อยากมาสมัครสอบเข้าหมอนะครับ ตอนนั้นประมาณปี2556 ได้มั้ง แต่แม่ผม ก็สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงแล้ว แม่มีผมตอนที่ผมอายุเยอะแล้ว พอผมเรียนจบอายุ22 แม่ก็ปาเข้าไป 68 69 แล้ว
แม่ผมไตวาย ต้องฟอกเลือด ตาเป็นต้อกระจก เดินไม่ค่อยไหว ผมเบรกความฝันไว้อีกรอบ เพระถ้าเรียนหมอคงอยู่ดูแลแม่ไม่ได้แน่ๆ ผมเลยต้องลงเรียนนิติ ซึ่งผมเองก้สนใจระดับหนึ่งอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่วายสนใจเรื่องกฎหมายแนวๆการแพทย์ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหมอ อะไรทำนองนี้ตลอด เรียนรามผมสามารถอยู่บ้านได้ ไม่ต้องไปไหนไกลๆนานๆ
ผมเรียนลงเรียนรามตอน57 เรียนสองปี ประมาณ59 ก็จบที่ราม ลงทะเบียนเต็มทุกเทอม ตอนนั้นยังลงได้24 หน่วยกิตอยู่ จบแล้วก็ต่อเนติฯ สอบใบปนุญาตฯไปด้วย
ต่อมาประมาณปี60-61 ผมจบเนติบัณฑิตแล้ว มีตั๋วทนายแล้ว แม่ก็จากไปอย่างสงบ ผมจบจัดการเรื่องราวต่างทั้งทรัพย์สิน ทั้งอะไรๆของแม่จนหมดในปี61 เรียบร้อย ผมไม่เคยลืมความฝันตัวเอง ตอนนี้ไม่มีภาระผูกพันใดๆแล้ว ผมเลยเตรียมจะสอบ กสพท ปีต่อไป (ปีนี้สมัครไม่ทันแล้ว)
อ้อเรื่องเนื้อหา ผมไม่เคยทิ้งนะครับสำหรับเนื้อหาการสอบเข้าแพทย์ ตลอดระยะเวลาหลายๆปีที่ผานมา ผมฝึกโจทย์เลขม.ปลาย ้เรียงๆไปบทต่างๆ เซต ตรีโกณ สถิติ log expo cal วิทย์ก็ทวนอยู่ตลอด ฝึกทำโจทย์มาตลอดโหลดข้อสอบเก่า วิชาสามัญมาทำตลอด วิชาอื่นๆก็เช่นกัน เพราะผมอยากเป็นหมอมาก หวังว่าซักวันจะได้มาสอบเข้าหมอ
ผมรับข้อมูลหลายๆทาง ทั้งจากพันทิป เว็บไซต์ต่างๆ เห็นมีหมอหลายคน จบแล้วก็ลงเรียนนิติหรือบางคน เรียนหมอควบนิติรามก็มี ถ้าผมจะจบ สายนิติที่ดูเหมือนไปไกลแล้ว จะย้อนกลับมาเรียนหมอ คงไม่ดูแปลกอะไรใช่มั้ยครับ ในอนาคตผมอยากจะเป็นนักกฎหมายการแพทย์ ผมเคยอ่านหนังสือกฎหมายการแพทย์ ของทั้งสองท่าน เล่มนึง อ.แสวง ซึ่งเป็นอาจารย์ด้านกฎหมายเขียน เล่มนึง อ.วิฑูรย์ เป็นอาจารย์หมอที่ จบนิติด้วย เขียน
อ่านแล้วรู้สึกชอบมาก และก็เห็นหลายๆจุดที่ นักกฎหมายกับ หมอ มองคนละแบบ
บางท่านอาจจะบอกว่า ต่อปริญญาโทกฎหมายการแพทย์จะตรงกว่ามั้ย คำตอบคือ ไม่ครับ ผมไม่ได้อยากทำงานสายกฎหมาย แต่ผมอยากเป็นหมอต่างหากครับ ผมไม่เสียดาย เสียใจอะไรกับ วุฒิ เนฯ นิติฯ ใบอนุญาติฯทนายความ ใดๆทั้งสิ้น ผมต้องการแพทยศาสตรบัณฑิต ผมฝึกฝน ฝึกโจทย์ มาตลอดผมหวังว่าซักวันจะมาสอบเข้า แม่ผมก็เคยบ่นบ่อยๆว่าหนังสือเยอะแยะ ไมไ่ด้ใช้แล้วก็ขายทิ้งเถอะ ผมไม่ขาย เพราะผมอ่านมันอยู่ตลอดหลายปี
เรื่องร่างกาย ผมฟิตร่างกายดีมาก เพราะผมคิดไว้แล้วว่าน่าจะได้เรียนหมอตอนอายุเยอะ ผมวิ่งทุกวัน มีฟิตเนสบ้าง ฝึกมวยในค่ายบ้าง วิ่งมาราทอนก็เคยไปมาแล้วหลายงาน ผมต้องการเป็นหมอ ผมต้องดูแลตัวเองให้ดีถึงจะไปดูแลนคนอื่นได้ ผมอยากสอบเข้าหมอครับ
เรื่องสอบติดไม่ติด ไม่ใช่ประเด็น ไม่ติดปีแรก ก็สอบอีกปีที่สอง ไม่ติดปีที่สองก็สอบอีกปีที่สาม ไปเรื่อยๆ เพราะผมอยากจะเป็นหมอครับ
เรื่องค่าใช้จ่าย ไม่มีปัญหาครับ สั้นๆ นะ "มีปัญญาจ่าย" เรื่องค่าเทอม ผมเลือกแต่ม.รัฐ ผมหาข้อมูลมาหมดแล้ว ว่าเท่าไหร่บ้างนะครับ มันไมไ่ด้แพงเว่อร์แบบที่หลายคนคิด
สุดท้ายนี้เลยอยากจะถามทุกท่านว่า คงไมไ่ด้แปลกใช่มั้ยถ้าผมจะเข้าไปเรียนคณะแพทย์ใหม่ทั้งหมด ผมเป็นคนเฟรนลี่ เข้ากับเด็กๆได้สบายๆครับ