เตรียมกระเทียมและไม้กางเขนเอาไว้เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยผีดูดเลือดที่กำลังมองหาเลือดเป็นอาหาร เรากำลังจะนับถอยหลัง 10 อันดับ ผีดูดเลือดในอาณาจักรสัตว์และเปรียบเทียบพวกมันกับความสยองขวัญของมนุษย์มาดูกันว่าอะไรที่เป็นที่สุดของที่สุดในการดูดเลือด
มนุษย์ที่แข็งแรงกินอาหารประมาณครึ่งตันต่อปี เรากินทั้งพืชและสัตว์หลากหลายเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นที่ร่างกายต้องการ แต่ไม่มีมนุษย์คนไหนมีชีวิตรอดอยู่ได้หากกินแต่เลือด ขณะที่เลือดเต็มไปด้วยโปรตีนมีระดับน้ำตาลต่ำประกอบด้วยเกลือและธาตุเหล็ก มีสัตว์เพียงไม่กี่ชนิดที่ปรับตัวให้อยู่รอดด้วยการกินเลือดเพียงอย่างเดียว
อันดับ 10 นกแวมไพร์ฟินช์ (Vampire Finch)
ผีดูดเลือดตัวแรกของเราบินได้เหมือนกับ Dracula ผีดูดเลือดตัวนี้ไม่ใช่ค้างคาวแต่มันคือนก เพื่อนของเราตัวนี้พบได้บนเกาะกาลาปากอส (Galapagos) ไม่มีนกทะเลตัวไหนที่ปลอดภัยจากนกฟินช์ แวมไพร์ (Vampire Finch) ขณะที่นกฟินช์ สายพันธุ์อื่นกินเมล็ดพืชหรือแมลง แต่นกแวมไพร์ฟินช์จะจิกที่ฐานขนของนกบูบี้ (Blue-footed Boobies) เมื่อผิวหนังเปิดมันก็จะจิกกินเลือดที่ไหลออกมา ผีดูดเลือดตัวอื่นเข้าคิวที่ด้านหลังธนาคารเลือดนกบูบี้
นกฟินช์ในเกาะกาลาปากอสมีชื่อเสียงก็เพราะชาร์ล ดาร์วินในฐานะหลักฐานในทฤษฎีวิวัฒนาการ คาดกันว่าบรรพบุรุษของผีดูดเลือดเหล่านี้ไม่ต้องการกินเลือด แต่มันจิกกินปรสิตบนขนนกบูบี้นั่นเอง อาจดูน่ากลัวแต่มันจะไม่สร้างความเสียหายในระยะยาวกับนกบูบี้ก็เพราะนกบูบี้ก็เหมือนกับมนุษย์ที่มีเลือดสำรองอยู่มาก
เลือดเป็นของเหลวที่มีค่าที่สุดของเรามันนำเอาออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย ต้องขอบคุณเซลล์เม็ดเลือดแดง 25 ล้านล้านเซลล์ที่ไหลผ่านเส้นเลือดยาวกว่า 1000 ไมล์ ร่างกายมนุษย์มีเลือดประมาณ 10 ไพนต์ (Pints) ที่สูบฉีดไปทั่วร่างกายด้วยการทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยของหัวใจ
ในวันปกติเลือดจะไหลเวียนประมาณ 3,475 แกลลอน นั่นหมายถึงใน 1 ปีหัวใจของคุณสูบฉีดเลือดมากพอที่จะเติมในถังน้ำมันของเครื่องบินจัมโบเจ๊ตได้ถึง 10 ลำ นกฟินช์ดูดเลือดใช้นกบูบี้เป็นเหมือนกับธนาคารเลือดเคลื่อนที่ มันใช้เลือดเป็นอาหารเสริมเพื่อช่วยให้มันอยู่รอดในช่วงที่แห้งแล้ง
อันดับที่ 9 ผีเสื้อ Madrilenial
ผู้ท้าชิงรายต่อไปในการจัดอันดับสัตว์ผีดูดเลือดทำให้เกิดเรื่องราวของโฉมงามกับเจ้าชายอสูรฉบับใหม่ จะมีสัตว์ชนิดอื่นใดที่ดูสวยงามและดูไม่มีพิษมีภัยได้เมือนกับผีเสื้อบ้าง มีผีเสื้อมากกว่า 28,000 ชนิดและส่วนมากจะกินน้ำหวานจากดอกไม้เป็นอาหารโดยใช้งวงที่เป็นก้านยาวงอ แต่ในสเปนมีผีเสื้อชนิดหนึ่งที่มีความลับดำมืด
ผีเสื้อ Madrilenial กระหายที่จะกินเลือด ผีเสื้อแวมไพร์ชนิดนี้ได้อันดับ 9 ในการนับถอยหลังของเรา นอกจากจะดูดน้ำหวานจากดอกไม้แล้วมันยังดูดเลือดจากซากสัตว์อีกด้วย พฤติกรรมเช่นนี้เพิ่งถูกค้นพบไม่นาน จึงยังไม่มีการวิจัยว่าผีเสื้อที่เคยดูดน้ำหวานเปลี่ยนมาดูดเลือดจากซากสัตว์ได้อย่างไร
ผีดูดเลือดชนิดนี้นับว่าไม่ปกติเพราะเหยื่อของมันตายแล้ว ผีดูดเลือดส่วนมากชอบดูดเลือดจากเหยื่อที่ยังมีชีวิต ผีดูดเลือดที่โด่งดังที่สุดนั่นก็คือท่านเคาท์แดร็กคิวล่า การพบผีดูดเลือดเริ่มต้นที่ยุโรปตะวันออก ซึ่งครั้งหนึ่งสัตว์ที่ดูดเลือดถูกคิดว่าเป็นวิญญาณของคนตาย
ประเพณีของผีดูดเลือดยังคงสืบเนื่องมาในปัจจุบันมีชายคนหนึ่งที่เชื่อว่าตัวเขาเองนั้นเป็นแวมไพร์ ถนนมืดๆในนิวออร์ลีนเป็นบ้านของแวมไพร์ยุคใหม่ โทนี่ พาร์คเกอร์ เขาเล่าว่า"ผมเป็นแวมไพร์มาตลอดชีวิต เมื่ออายุหกขวบได้ ผมมักจะบอกว่า เราเป็นมาตั้งแต่เกิด มันเลือกคุณ คุณไม่ได้เลือกที่จะเป็น ผมกัดคนไปประมาณห้าคน
คนที่เชื่อว่าเป็นแวมไพร์จะดูจากวิธีการแต่งตัว วิธีใช้ชีวิต ลักษณะภายนอก สิ่งที่ทำจะไม่มีอะไรที่ดูธรรมดา และนั่นเป็นวิธีการใช้ชีวิตของผมและนั่นไม่ใช่สิ่งที่คนเรียกกันว่าปกติ มันไม่ใช่เลยน่ะครับ" การเป็นแวมไพร์มีความหมายมากกว่าการใส่เสื้อคลุม มันเป็นเรื่องของจิตใจ
แวมไพร์ยุคใหม่ดำเนินชีวิตตามท่านเคาท์แดร็กคิวล่าที่ไม่ยึดติดพวกเขามองความตายในฐานะความจริงของชีวิตและต่อต้านความกดดันจากสังคมที่บอกว่าสิ่งใดถึงเรียกว่าปกติ และแน่นอนว่าแวมไพร์จะออกหากินตอนกลางคืน มันทำให้โทนี่ต้องทำงานตอนกลางคืนเท่านั้นนั่นก็คืองานไกด์ส่วนตัวที่พานักท่องเที่ยวชมมรดกแวมไพร์ของเมือง
ไฮไลท์ของการทัวร์จะเป็นตอนจบ ทันทีที่จบการทัวร์เราเล่าประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวฟัง บางคนก็จะช็อค บางคนก็แปลกใจ บางคนรู้สึกกลัวและบางคนก็ทึ่งมากจนรู้ว่าพวกเขาต้องกลับมาอีก และบางคนจะเป็นเหมือนที่เราเป็นเพียงแต่เขายังไม่รู้ตัวเท่านั้น ยากที่จะรู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเป็นแวมไพร์ เหนือสื่งอื่นใดใครจะเชื่อว่าสิ่งที่สวยงามอย่างผีเสื้อจะเป็นสิ่งมีชีวิตกระหายเลือดได้
อันดับที่ 8 ปลาแคนดิรู (Candiru Fish)
ในผืนน้ำของอเมซอนมีสัตว์กินเลือดที่น่ากลัวมากจนเหมือนกับออกมาจากภาพยนต์สยองขวัญของฮอลลีวู้ด ไม่ต้องนึกถึงจระเข้ ปลาไหลไฟฟ้าหรือปลาปิรันย่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในน้ำของอเมริกาใต้ตัวยาวไม่ถึง 1 นิ้ว
ปลาตัวเล็กนี้มีชื่อว่าแคนดิรู (Candiru) มันได้อันดับ 8 จากการจัดอันดับของเราเพราะว่ามันดูดเลือด มันอาบเลือด มันจะหาเหยื่อด้วยการตามรอยสารประกอบไนโตรเจนที่ออกมาจากเหงือกของปลาที่ตัวใหญ่กว่า จากนั้นมันก็รอโอกาสไปอยู่ข้างเส้นเลือดใต้เปลือกที่ปิดเหงือกนั่นเอง
ปลาแคนดิรูใช้หนามแหลมที่หัวขูดไปตามเหงือกของเหยื่อจนกระทั่งเลือดไหล มันใช้เวลาไม่กี่นาทีดูดเลือดจนอิ่มจนท้องป่องจากนั้นก็ออกมาจมลงไปใต้อม่น้ำเพื่อย่อยอาหาร และสิ่งที่ทำให้ปลาผีดูดเลือดนี้ดูน่ากลัวนั้นเพราะของเสียที่ขับออกมาทางเหงือกปลานั้นคล้ายกับสารที่พบในปัสสาวะคน สิ่งนี้อาจทำให้ปลาแคนดิรูสับสนจนเกิดความผิดพลาดได้
ปลาชนิดนี้เคยถูกผ่าออกมาจากท่อปัสสาวะของคน ต้องใช้วิธีการแพทย์ที่ซับซ้อนเอาปลาที่อยู่ในท่อปัสสาวะนั้นออกมา แต่ปลาแคนดิรูไม่ใช่สัตว์ชนิดเดียวที่ชอบอาบเลือด ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อว่าเลือดนำแก่นของชีวิตไปทั่วร่าง ดังนั้นการอาบเลือดจึงน่าจะเป็นวิธีในอุดมคติ นักรบชาวโรมันเห็นว่าเลือดคือสุดยอดเครื่องดื่มให้พลังงาน พวกเขาได้พละกำลังมาจากการดื่มเลือดของคู่ต่อสู้
ปัจจุบันคนบางคนยังดื่มเลือดกันอยู่ ในแอฟริกาชาวเผ่ามาไซ (Maasai Tribe) ไม่ดื่มเลือดมนุษย์ แต่ได้รับธาตุอาหารจากเลือดของวัวที่เลี้ยงไว้ สัตว์เหล่านี้ถูกรีดเลือดออกมาอย่างระมัดระวังเพื่อให้วัวไม่เป็นอันตราย เลือดมักจะถูกนำไปผสมกับนม เป็นเครื่องดื่มที่ชาวมาไซเชื่อว่าทำให้มีเรี่ยวแรงกำลังวังชา
มิลค์เชคเลือดนี้อาจไม่ใช่รสชาติสำหรับทุกคนแต่สำหรับชาวมาไซแล้วเลือดเป็นเพียงแหล่งอาหารและแหล่งโปรตีนที่สำคัญอีกชนิดเท่านั้น เลือดเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญต่อปลาแคนดิรู และนี่ก็คือเหตุผลที่ทุกคนซึ่งปัสสาวะขณะว่ายน้ำในอเมซอนจะต้องจดจำเอาไว้เสมอว่าอาจจะมีปลาดูดเลือดแคนดิรูแอบเข้าไปในบริเวณไม่พึงประสงค์ได้
อันดับ 7 ค้างคาวแวมไพร์
ค้างคาวที่มีชื่อเสียงแต่คุณจะไม่เจอผีดูดเลือดชนิดนี้ที่ทรานซิลวาเนีย ค้างคาวดูดเลือดตัวจริงพบได้ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ พวกมันชอบกินเลือดวัวและมีอันครายทางสุขภาพที่คาดไม่ถึง
ค้างคาวแวมไพร์มีต่อมที่ไวต่อการรับความร้อนที่จมูกซึ่งหมายความว่ามันจะพบว่าตรงไหนที่เส้นเลือดอยู่ใกล้ผิวหนัง จากนั้นมันจะเลียผิวหนังนั้น กัด ดึงบริเวณที่มีขนออก ก่อนจะดึงเอาชิ้นเนื้อเล็กๆออกมาด้วยฟันหน้าที่แหลมคมของมัน ค้างคาวไม่ดูดเลือดแต่ใช้วิธีเลีย มันดูดเลือดประมาณ 5 ช้อนชา ซึ่งนับว่าเป็นของเหลวจำนวนมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวของมัน
ลองนึกภาพดูหากเราดูดเลือดได้เหมือนค้างคาวดูดเลือด เราคงดูดเลือดเป็นปริมาณเท่ากับน้ำหนักตัวของเราในแต่ละวัน สารประกอบสำคัญของเลือดคือพลาสมา ของเหลวใสที่กินพื้นที่ภายในกระเพาะของค้างคาวแต่กลับให้ธาตุอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นั่นคือเหตุผลที่เมื่อค้างคาวอิ่มแล้ว มันจะปล่อยปัสสาวะออกมา เป็นวิธีกำจัดน้ำหนักส่วนเกินที่เร็วที่สุดก่อนจะขึ้นบิน ค้างคาวแวมไพร์ได้อันดับ 7 ของเราเพราะการปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตของนักดูดเลือดอีกข้อ เมื่อเปรียบเทียบกับค้างคาวชนิดอื่น ผนังกระเพาะของมันบางและยืดหยุ่นได้ดีและยังมีเส้นเลือดฝอยรอบๆกระเพาะเพื่อเพิ่มอัตราการดูดซึมธาตุอาหาร แวมไพร์เหล่านี้เสี่ยงที่จะถูกกัดเพราะมันหิวอยู่เสมอ ค้างคาวอยู่เกินสองคืนไม่ได้ถ้าไม่มีอาหาร ไม่เช่นนั้นมันอาจจะตายได้
อันดับ 6 ยุง
ส่วนมากยุงตัวผู้และตัวเมียมักจะกินน้ำตาลจากพืช แต่ถ้ายุงตัวเมียต้องการแพร่พันธุ์ พวกมันต้องการเลือด ดังนั้นยุงทุกตัวที่เคยกัดคุณจะต้องเป็นยุงตัวเมีย
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบสารเคมี 340 ชนิดที่ร่างกายปล่อยออกมาซึ่งเป็นที่ชื่นชิบของยุง ถ้าคุณคิดว่ายุงกัดคุณมากกว่าคนอื่น อาจเป็นเพราะคุณมีกลิ่นที่แตกต่างกันเล็กน้อย เลือดของคุณที่ยุงดูดเข้าไปจะทำให้ตัวของมันพองเหมือนแมลงลูกโป่ง ต้องขอบคุณปากที่ซับซ้อนที่สุดในอันดับของเรานี้
ปากของยุงเหมือนกับส่วนผสมของมีดเอนกประสงค์ swiss army เข็มฉีดยาและเครื่องดูดฝุ่น ยุงอยู่ในอันดับที่หกเพราะมันสามารถดูดเลือดได้มากกว่าน้ำหนักของมันเองถึงหนึ่งเท่าครึ่ง ดูเหมือนไม่มากแต่ถ้าคูณด้วยจำนวนยุงพันล้านตัว คุณก็จะเห็นการนองเลือด ลองนึกภาพว่าถ้าคุณถูกล้อมด้วยยุงตัวเมียที่กระหายเลือด
สถิติบันทึกว่าคนเรานั้นโดนยุงกัดได้ 9,000 ครั้งต่อนาที ด้วยอัตราเท่านี้จะทำให้คุณเสียเลือดไปในร่างกายครึ่งหนึ่งในเวลาเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น ไม่น่าแปลกใจที่สัตว์บางชนิดหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้โดนยุงกัด ยุงนั้นน่ารำคาญมากจนทำให้เกิดการอพยพที่ยิ่งใหญ่บนโลก
กวางแคริบู (Caribou, Reindeer) ที่เกิดในหน้าร้อนของเขตหนึ่งถูกฝูงยุงจำนวนมากรบกวน มันจะยืนอยู่รวมๆกัน เพราะแต่ละตัวจะทรมานน้อยลงเมื่ออยู่รวมกันเป็นฝูง ช่วงเวลาที่ฝูงแมลงอาละวาดรุนแรงฝูงกวางแคริบูจะเคลื่อนที่ตลอดเวลาและสามารถเดินทางได้ 40 ไมล์ต่อวัน เมื่อโดนฝูงยุงไล่ตามอาจจะน่ารำคาญ แต่อย่างน้อยคุณยังได้ยินเสียงมันเข้ามาใกล้ ไม่เหมือนกับสัตว์ดูดเลือดในอันดับต่อไป
อันดับ 5 ทากดูดเลือด
ที่วนอุทยานแห่งชาติ Kaziranga ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย งานปกป้องถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าที่นี่เป็นงานที่อันตรายของเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน พวกเขามักโดนทากเข้าโจมตี ตัวดูดเลือดตัวเล็กๆนี้มีอาวุธเป็นเซ็นเซอร์ที่น่าทึ่ง ร่างกายของมันปกคลุมด้วยเซลล์ที่ไวต่อแสง ทำให้มันเชี่ยวชาญในการเคลื่อนที่ตามเงาและกระโดดลงใส่ทุกอย่างที่อยู่เบื้องล่าง
ถ้ามันลงมาไม่ต้องมันก็จะตามคุณโดยตามกลิ่นที่ทิ้งเอาไว้นั่นเอง ความร้อนในร่างกายของเหยื่อนำไปสู่การเดินทางในช่วงสุดท้ายของทาก ทากมีเขี้ยวสามอัน และฟัน 300 ซี่ ที่จะพยายามเจาะผ่านผิวหนังของคุณ ทากอยู่ในอันดับ 5 เพราะมันกินเลือดได้มากกว่าน้ำหนักตัวของมันถึงห้าเท่า ความกระหายเลือดของทากเป็นที่นึกถึงของแพทย์ในยุคกลาง
ที่สุดผีดูดเลือดในอาณาจักรสัตว์
มนุษย์ที่แข็งแรงกินอาหารประมาณครึ่งตันต่อปี เรากินทั้งพืชและสัตว์หลากหลายเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นที่ร่างกายต้องการ แต่ไม่มีมนุษย์คนไหนมีชีวิตรอดอยู่ได้หากกินแต่เลือด ขณะที่เลือดเต็มไปด้วยโปรตีนมีระดับน้ำตาลต่ำประกอบด้วยเกลือและธาตุเหล็ก มีสัตว์เพียงไม่กี่ชนิดที่ปรับตัวให้อยู่รอดด้วยการกินเลือดเพียงอย่างเดียว
อันดับ 10 นกแวมไพร์ฟินช์ (Vampire Finch)
ผีดูดเลือดตัวแรกของเราบินได้เหมือนกับ Dracula ผีดูดเลือดตัวนี้ไม่ใช่ค้างคาวแต่มันคือนก เพื่อนของเราตัวนี้พบได้บนเกาะกาลาปากอส (Galapagos) ไม่มีนกทะเลตัวไหนที่ปลอดภัยจากนกฟินช์ แวมไพร์ (Vampire Finch) ขณะที่นกฟินช์ สายพันธุ์อื่นกินเมล็ดพืชหรือแมลง แต่นกแวมไพร์ฟินช์จะจิกที่ฐานขนของนกบูบี้ (Blue-footed Boobies) เมื่อผิวหนังเปิดมันก็จะจิกกินเลือดที่ไหลออกมา ผีดูดเลือดตัวอื่นเข้าคิวที่ด้านหลังธนาคารเลือดนกบูบี้
นกฟินช์ในเกาะกาลาปากอสมีชื่อเสียงก็เพราะชาร์ล ดาร์วินในฐานะหลักฐานในทฤษฎีวิวัฒนาการ คาดกันว่าบรรพบุรุษของผีดูดเลือดเหล่านี้ไม่ต้องการกินเลือด แต่มันจิกกินปรสิตบนขนนกบูบี้นั่นเอง อาจดูน่ากลัวแต่มันจะไม่สร้างความเสียหายในระยะยาวกับนกบูบี้ก็เพราะนกบูบี้ก็เหมือนกับมนุษย์ที่มีเลือดสำรองอยู่มาก
เลือดเป็นของเหลวที่มีค่าที่สุดของเรามันนำเอาออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย ต้องขอบคุณเซลล์เม็ดเลือดแดง 25 ล้านล้านเซลล์ที่ไหลผ่านเส้นเลือดยาวกว่า 1000 ไมล์ ร่างกายมนุษย์มีเลือดประมาณ 10 ไพนต์ (Pints) ที่สูบฉีดไปทั่วร่างกายด้วยการทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยของหัวใจ
ในวันปกติเลือดจะไหลเวียนประมาณ 3,475 แกลลอน นั่นหมายถึงใน 1 ปีหัวใจของคุณสูบฉีดเลือดมากพอที่จะเติมในถังน้ำมันของเครื่องบินจัมโบเจ๊ตได้ถึง 10 ลำ นกฟินช์ดูดเลือดใช้นกบูบี้เป็นเหมือนกับธนาคารเลือดเคลื่อนที่ มันใช้เลือดเป็นอาหารเสริมเพื่อช่วยให้มันอยู่รอดในช่วงที่แห้งแล้ง
อันดับที่ 9 ผีเสื้อ Madrilenial
ผู้ท้าชิงรายต่อไปในการจัดอันดับสัตว์ผีดูดเลือดทำให้เกิดเรื่องราวของโฉมงามกับเจ้าชายอสูรฉบับใหม่ จะมีสัตว์ชนิดอื่นใดที่ดูสวยงามและดูไม่มีพิษมีภัยได้เมือนกับผีเสื้อบ้าง มีผีเสื้อมากกว่า 28,000 ชนิดและส่วนมากจะกินน้ำหวานจากดอกไม้เป็นอาหารโดยใช้งวงที่เป็นก้านยาวงอ แต่ในสเปนมีผีเสื้อชนิดหนึ่งที่มีความลับดำมืด
ผีเสื้อ Madrilenial กระหายที่จะกินเลือด ผีเสื้อแวมไพร์ชนิดนี้ได้อันดับ 9 ในการนับถอยหลังของเรา นอกจากจะดูดน้ำหวานจากดอกไม้แล้วมันยังดูดเลือดจากซากสัตว์อีกด้วย พฤติกรรมเช่นนี้เพิ่งถูกค้นพบไม่นาน จึงยังไม่มีการวิจัยว่าผีเสื้อที่เคยดูดน้ำหวานเปลี่ยนมาดูดเลือดจากซากสัตว์ได้อย่างไร
ผีดูดเลือดชนิดนี้นับว่าไม่ปกติเพราะเหยื่อของมันตายแล้ว ผีดูดเลือดส่วนมากชอบดูดเลือดจากเหยื่อที่ยังมีชีวิต ผีดูดเลือดที่โด่งดังที่สุดนั่นก็คือท่านเคาท์แดร็กคิวล่า การพบผีดูดเลือดเริ่มต้นที่ยุโรปตะวันออก ซึ่งครั้งหนึ่งสัตว์ที่ดูดเลือดถูกคิดว่าเป็นวิญญาณของคนตาย
ประเพณีของผีดูดเลือดยังคงสืบเนื่องมาในปัจจุบันมีชายคนหนึ่งที่เชื่อว่าตัวเขาเองนั้นเป็นแวมไพร์ ถนนมืดๆในนิวออร์ลีนเป็นบ้านของแวมไพร์ยุคใหม่ โทนี่ พาร์คเกอร์ เขาเล่าว่า"ผมเป็นแวมไพร์มาตลอดชีวิต เมื่ออายุหกขวบได้ ผมมักจะบอกว่า เราเป็นมาตั้งแต่เกิด มันเลือกคุณ คุณไม่ได้เลือกที่จะเป็น ผมกัดคนไปประมาณห้าคน
คนที่เชื่อว่าเป็นแวมไพร์จะดูจากวิธีการแต่งตัว วิธีใช้ชีวิต ลักษณะภายนอก สิ่งที่ทำจะไม่มีอะไรที่ดูธรรมดา และนั่นเป็นวิธีการใช้ชีวิตของผมและนั่นไม่ใช่สิ่งที่คนเรียกกันว่าปกติ มันไม่ใช่เลยน่ะครับ" การเป็นแวมไพร์มีความหมายมากกว่าการใส่เสื้อคลุม มันเป็นเรื่องของจิตใจ
แวมไพร์ยุคใหม่ดำเนินชีวิตตามท่านเคาท์แดร็กคิวล่าที่ไม่ยึดติดพวกเขามองความตายในฐานะความจริงของชีวิตและต่อต้านความกดดันจากสังคมที่บอกว่าสิ่งใดถึงเรียกว่าปกติ และแน่นอนว่าแวมไพร์จะออกหากินตอนกลางคืน มันทำให้โทนี่ต้องทำงานตอนกลางคืนเท่านั้นนั่นก็คืองานไกด์ส่วนตัวที่พานักท่องเที่ยวชมมรดกแวมไพร์ของเมือง
ไฮไลท์ของการทัวร์จะเป็นตอนจบ ทันทีที่จบการทัวร์เราเล่าประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวฟัง บางคนก็จะช็อค บางคนก็แปลกใจ บางคนรู้สึกกลัวและบางคนก็ทึ่งมากจนรู้ว่าพวกเขาต้องกลับมาอีก และบางคนจะเป็นเหมือนที่เราเป็นเพียงแต่เขายังไม่รู้ตัวเท่านั้น ยากที่จะรู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเป็นแวมไพร์ เหนือสื่งอื่นใดใครจะเชื่อว่าสิ่งที่สวยงามอย่างผีเสื้อจะเป็นสิ่งมีชีวิตกระหายเลือดได้
อันดับที่ 8 ปลาแคนดิรู (Candiru Fish)
ในผืนน้ำของอเมซอนมีสัตว์กินเลือดที่น่ากลัวมากจนเหมือนกับออกมาจากภาพยนต์สยองขวัญของฮอลลีวู้ด ไม่ต้องนึกถึงจระเข้ ปลาไหลไฟฟ้าหรือปลาปิรันย่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในน้ำของอเมริกาใต้ตัวยาวไม่ถึง 1 นิ้ว
ปลาตัวเล็กนี้มีชื่อว่าแคนดิรู (Candiru) มันได้อันดับ 8 จากการจัดอันดับของเราเพราะว่ามันดูดเลือด มันอาบเลือด มันจะหาเหยื่อด้วยการตามรอยสารประกอบไนโตรเจนที่ออกมาจากเหงือกของปลาที่ตัวใหญ่กว่า จากนั้นมันก็รอโอกาสไปอยู่ข้างเส้นเลือดใต้เปลือกที่ปิดเหงือกนั่นเอง
ปลาแคนดิรูใช้หนามแหลมที่หัวขูดไปตามเหงือกของเหยื่อจนกระทั่งเลือดไหล มันใช้เวลาไม่กี่นาทีดูดเลือดจนอิ่มจนท้องป่องจากนั้นก็ออกมาจมลงไปใต้อม่น้ำเพื่อย่อยอาหาร และสิ่งที่ทำให้ปลาผีดูดเลือดนี้ดูน่ากลัวนั้นเพราะของเสียที่ขับออกมาทางเหงือกปลานั้นคล้ายกับสารที่พบในปัสสาวะคน สิ่งนี้อาจทำให้ปลาแคนดิรูสับสนจนเกิดความผิดพลาดได้
ปลาชนิดนี้เคยถูกผ่าออกมาจากท่อปัสสาวะของคน ต้องใช้วิธีการแพทย์ที่ซับซ้อนเอาปลาที่อยู่ในท่อปัสสาวะนั้นออกมา แต่ปลาแคนดิรูไม่ใช่สัตว์ชนิดเดียวที่ชอบอาบเลือด ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อว่าเลือดนำแก่นของชีวิตไปทั่วร่าง ดังนั้นการอาบเลือดจึงน่าจะเป็นวิธีในอุดมคติ นักรบชาวโรมันเห็นว่าเลือดคือสุดยอดเครื่องดื่มให้พลังงาน พวกเขาได้พละกำลังมาจากการดื่มเลือดของคู่ต่อสู้
ปัจจุบันคนบางคนยังดื่มเลือดกันอยู่ ในแอฟริกาชาวเผ่ามาไซ (Maasai Tribe) ไม่ดื่มเลือดมนุษย์ แต่ได้รับธาตุอาหารจากเลือดของวัวที่เลี้ยงไว้ สัตว์เหล่านี้ถูกรีดเลือดออกมาอย่างระมัดระวังเพื่อให้วัวไม่เป็นอันตราย เลือดมักจะถูกนำไปผสมกับนม เป็นเครื่องดื่มที่ชาวมาไซเชื่อว่าทำให้มีเรี่ยวแรงกำลังวังชา
มิลค์เชคเลือดนี้อาจไม่ใช่รสชาติสำหรับทุกคนแต่สำหรับชาวมาไซแล้วเลือดเป็นเพียงแหล่งอาหารและแหล่งโปรตีนที่สำคัญอีกชนิดเท่านั้น เลือดเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญต่อปลาแคนดิรู และนี่ก็คือเหตุผลที่ทุกคนซึ่งปัสสาวะขณะว่ายน้ำในอเมซอนจะต้องจดจำเอาไว้เสมอว่าอาจจะมีปลาดูดเลือดแคนดิรูแอบเข้าไปในบริเวณไม่พึงประสงค์ได้
อันดับ 7 ค้างคาวแวมไพร์
ค้างคาวที่มีชื่อเสียงแต่คุณจะไม่เจอผีดูดเลือดชนิดนี้ที่ทรานซิลวาเนีย ค้างคาวดูดเลือดตัวจริงพบได้ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ พวกมันชอบกินเลือดวัวและมีอันครายทางสุขภาพที่คาดไม่ถึง
ค้างคาวแวมไพร์มีต่อมที่ไวต่อการรับความร้อนที่จมูกซึ่งหมายความว่ามันจะพบว่าตรงไหนที่เส้นเลือดอยู่ใกล้ผิวหนัง จากนั้นมันจะเลียผิวหนังนั้น กัด ดึงบริเวณที่มีขนออก ก่อนจะดึงเอาชิ้นเนื้อเล็กๆออกมาด้วยฟันหน้าที่แหลมคมของมัน ค้างคาวไม่ดูดเลือดแต่ใช้วิธีเลีย มันดูดเลือดประมาณ 5 ช้อนชา ซึ่งนับว่าเป็นของเหลวจำนวนมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวของมัน
ลองนึกภาพดูหากเราดูดเลือดได้เหมือนค้างคาวดูดเลือด เราคงดูดเลือดเป็นปริมาณเท่ากับน้ำหนักตัวของเราในแต่ละวัน สารประกอบสำคัญของเลือดคือพลาสมา ของเหลวใสที่กินพื้นที่ภายในกระเพาะของค้างคาวแต่กลับให้ธาตุอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นั่นคือเหตุผลที่เมื่อค้างคาวอิ่มแล้ว มันจะปล่อยปัสสาวะออกมา เป็นวิธีกำจัดน้ำหนักส่วนเกินที่เร็วที่สุดก่อนจะขึ้นบิน ค้างคาวแวมไพร์ได้อันดับ 7 ของเราเพราะการปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตของนักดูดเลือดอีกข้อ เมื่อเปรียบเทียบกับค้างคาวชนิดอื่น ผนังกระเพาะของมันบางและยืดหยุ่นได้ดีและยังมีเส้นเลือดฝอยรอบๆกระเพาะเพื่อเพิ่มอัตราการดูดซึมธาตุอาหาร แวมไพร์เหล่านี้เสี่ยงที่จะถูกกัดเพราะมันหิวอยู่เสมอ ค้างคาวอยู่เกินสองคืนไม่ได้ถ้าไม่มีอาหาร ไม่เช่นนั้นมันอาจจะตายได้
อันดับ 6 ยุง
ส่วนมากยุงตัวผู้และตัวเมียมักจะกินน้ำตาลจากพืช แต่ถ้ายุงตัวเมียต้องการแพร่พันธุ์ พวกมันต้องการเลือด ดังนั้นยุงทุกตัวที่เคยกัดคุณจะต้องเป็นยุงตัวเมีย
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบสารเคมี 340 ชนิดที่ร่างกายปล่อยออกมาซึ่งเป็นที่ชื่นชิบของยุง ถ้าคุณคิดว่ายุงกัดคุณมากกว่าคนอื่น อาจเป็นเพราะคุณมีกลิ่นที่แตกต่างกันเล็กน้อย เลือดของคุณที่ยุงดูดเข้าไปจะทำให้ตัวของมันพองเหมือนแมลงลูกโป่ง ต้องขอบคุณปากที่ซับซ้อนที่สุดในอันดับของเรานี้
ปากของยุงเหมือนกับส่วนผสมของมีดเอนกประสงค์ swiss army เข็มฉีดยาและเครื่องดูดฝุ่น ยุงอยู่ในอันดับที่หกเพราะมันสามารถดูดเลือดได้มากกว่าน้ำหนักของมันเองถึงหนึ่งเท่าครึ่ง ดูเหมือนไม่มากแต่ถ้าคูณด้วยจำนวนยุงพันล้านตัว คุณก็จะเห็นการนองเลือด ลองนึกภาพว่าถ้าคุณถูกล้อมด้วยยุงตัวเมียที่กระหายเลือด
สถิติบันทึกว่าคนเรานั้นโดนยุงกัดได้ 9,000 ครั้งต่อนาที ด้วยอัตราเท่านี้จะทำให้คุณเสียเลือดไปในร่างกายครึ่งหนึ่งในเวลาเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น ไม่น่าแปลกใจที่สัตว์บางชนิดหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้โดนยุงกัด ยุงนั้นน่ารำคาญมากจนทำให้เกิดการอพยพที่ยิ่งใหญ่บนโลก
กวางแคริบู (Caribou, Reindeer) ที่เกิดในหน้าร้อนของเขตหนึ่งถูกฝูงยุงจำนวนมากรบกวน มันจะยืนอยู่รวมๆกัน เพราะแต่ละตัวจะทรมานน้อยลงเมื่ออยู่รวมกันเป็นฝูง ช่วงเวลาที่ฝูงแมลงอาละวาดรุนแรงฝูงกวางแคริบูจะเคลื่อนที่ตลอดเวลาและสามารถเดินทางได้ 40 ไมล์ต่อวัน เมื่อโดนฝูงยุงไล่ตามอาจจะน่ารำคาญ แต่อย่างน้อยคุณยังได้ยินเสียงมันเข้ามาใกล้ ไม่เหมือนกับสัตว์ดูดเลือดในอันดับต่อไป
อันดับ 5 ทากดูดเลือด
ที่วนอุทยานแห่งชาติ Kaziranga ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย งานปกป้องถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าที่นี่เป็นงานที่อันตรายของเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน พวกเขามักโดนทากเข้าโจมตี ตัวดูดเลือดตัวเล็กๆนี้มีอาวุธเป็นเซ็นเซอร์ที่น่าทึ่ง ร่างกายของมันปกคลุมด้วยเซลล์ที่ไวต่อแสง ทำให้มันเชี่ยวชาญในการเคลื่อนที่ตามเงาและกระโดดลงใส่ทุกอย่างที่อยู่เบื้องล่าง
ถ้ามันลงมาไม่ต้องมันก็จะตามคุณโดยตามกลิ่นที่ทิ้งเอาไว้นั่นเอง ความร้อนในร่างกายของเหยื่อนำไปสู่การเดินทางในช่วงสุดท้ายของทาก ทากมีเขี้ยวสามอัน และฟัน 300 ซี่ ที่จะพยายามเจาะผ่านผิวหนังของคุณ ทากอยู่ในอันดับ 5 เพราะมันกินเลือดได้มากกว่าน้ำหนักตัวของมันถึงห้าเท่า ความกระหายเลือดของทากเป็นที่นึกถึงของแพทย์ในยุคกลาง