#####สรุปเนื้อหาใจความเนื้อๆเน้นๆอีกที ฉบับย่อๆยู่ที่ เม้นท์ 4-1 นะครับ

เหตุการณ์เมื่อคืนสดๆร้อนๆเลยครับ เตอนเที่ยงคืนเป๊ะ รถผมติดอยู่แยกทองเอกมัยตรงห้างญี่ปุ่นชื่อดัง...ซึ่ง ความจริงก็ผ่านหลายรอบมาก แต่รถก็ติดแสนสาหัส เลยไม่มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสซักที คราวนี้ฝนก็ตก อยู่หน้าห้างเลยหักรถเข้าไปครับ

คือเคยดูรายการในยูทูปนะ ที่พาไปรีวิวเที่ยวห้างนี้ เพราะมันมีแต่ของญี่ปุ่น เลยอยากเข้าไปดูเป็นขวัญตากับเค้าบ้าง ว่าสมคำร่ำลือรึเปล่า? ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะซื้ออะไรบ้าง

....และนี่แหละตัวปัญหาของเรื่องนี้ คือ ที่จอดรถครับ มันอยู่ชั้นใต้ดิน เป็นตู้แจกบัตรอัตโนมัติ ไม่มีรปภ. ผมอ่านป้ายผ่านๆอย่างไม่คิดอะไรมาก เพราะมีรถคันหลังตามมาติดๆ (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา) จับใจความได้ว่า..

7โมงเช้า -22น. ค่าจอดรถ ชม.ละ 100 บ. ลงมาอีกบรรทัด

หลัง22น.- 7โมงเช้า ไม่มี free (มีภาษาอังกฤษข้างล่างอีกทีว่า No Free)

เห็นดังนั้น ผมก็ตรงดิ่งแบบไม่คิดมาก....สันนิษฐานในใจว่าเจ้าของคงห้างป๋ามาก ไม่มีเก็บค่าที่จอดตอนกลางคืน น่าจะใช้ฟอร์แมทเดียวกันกับ ห้าง Max Value เจ้าของ ญี่ปุ่น 24 ชม. เหมือนกัน อาจต้องการดึงลูกค้ามาเดินช็อปตอนกลางคืน ....และผมก็โชคดีมากไม่ต้องวนหาที่จอดเลย เข้าไปปุ๊บ มีรถคันนึงออกมาปั๊บ ก็เลยจอดปุ๊บปั๊บทันที

แต่ในใจยังตะหงิดๆ อยู่นิดนึง ว่ามันใช้คำสื่อความหมายแปลก ตกลง จะไม่มี หรือ จะ free กันแน่ และจำได้ว่ามีภาษาอังกฤษ กำกับข้างล่างว่า no free มันแปลว่า ไม่ฟรี นี่ เอ๊ะ และ เอ๊ะ ต่อไปเรื่อยๆ เก็บเควสชั่นมาร์คตัวเบ้อเร่อในหัว

จนขึ้นลิฟท์ไปหน้าห้าง ถาม น้อง รปภ.ดู ว่าตกลงมัน ไม่มี เว้นวรรค free แปลว่า ไม่เก็บตัง ฟรีใช่ไม๊ หรือแปลว่า ไม่มีฟรีนะเว้ย! คุณลูกค้า

ซึ่งได้คำตอบจาก น้องรปภ หญิงว่า "จอดฟรี 15 นาทีมั้งคะ" ..... ผมคิดในใจ เฮ้ยมี "มั้งคะ" ด้วย ไม่ได้การละ รอลิฟท์ขึ้นมาก็เกือบ 5 นาทีละ

ผมเลยถามน้องเค้าต่อว่า "เอาให้แน่ๆนะน้อง ตกลงมันฟรีเลย หรือว่าฟรี 15น. แรก" น้องเค้าก็ตอบวนๆ ไม่แน่ใจ และบอกว่าเพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่วัน ยังไม่ค่อยรู้อะไรมาก

จนสุดท้ายแนะนำบอกให้ผมไปถามที่แคชเชียร์ดีกว่า ผมก็เดินเข้าห้างไปหาแคชเชียร์ และได้คำตอบว่า

"ไม่มีฟรี ก็คือไม่ฟรีค่ะ เข้ามาก็ต้องจ่ายค่าจอดรถเลย" แคชเชียร์ตอบ

ผมตอบกลับไปว่า "อ้าวแล้วทำไมคุณไม่ติดป้ายบอกไปเลยล่ะ ว่าคิดค่าบริการ ชม.ละ 100 ทำไมต้องเขียนวกวน บอก ไม่มี Free"

แคชเชียร์ตอบ "เราขอโทษด้วยจริงๆค่ะ มันเป็นคนละส่วนงานกัน ตรงส่วนนี้คือห้าง ไม่เกี่ยวอะไรกับส่วนบริษัท รปภ และ บ.เจ้าของอาคารที่บริหารอาคารที่จอดรถค่ะ"

อ้าว ผมคิดในใจ โยนขี้กันแบบนี้เลยหรอ

ผมตอบกลับว่า "แล้วทำไมคุณ หรือผจก ไม่ประสานงานกันดีๆล่ะ คุณติดป้ายบอกเองก็ได้ ตรงหน้าห้าง ไม่ต้องรอให้ ทางเจ้าของมาติด"

แคชเชียร์ตอบ "มันติดไม่ได้ค่ะ เป็นคนละบริษัทกัน"

ผมหัวเสียมาก กับคำตอบแบบผลักความรับผิดชอบแบบนี้

เธอยังบอกต่อไปว่า "มีลูกค้าหลายรายแล้วที่มาบ่นเรื่องนี้ แต่เราก็ต้องขอโทษแทนห้างจริงๆ หนูเป็นแค่แคชเชียร์ทำอะไรไม่ได้ แต่เดี๋ยวจะแจ้ง ผจก. ให้เค้าปรับปรุงอีกที"

พวกคำพูดนี่ผมจับใจความหลักๆนะครับ เพราะคุยนานมาก

...."แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ตอนนี้มีวิธีไม๊" ผมถาม

แคชตอบกลับ " อ่อ คุณลค ต้องซื้อของครบ 1000 บ. ค่ะ เราจะให้จะมีบัตรให้จอดฟรี"

ผมจำไม่ได้ว่าจอดฟรีกี่ชม.นะ หรือแค่ ชม. เดียว เพราะตอนนั้น กะลังคิดในใจว่า เอาแล้วไงมืงงง

"แสดงว่าห้างจะบังคับให้ผมซื้อของ 1พันบาทแลกกับการจอดรถฟรี แล้วนี่ผมมาครั้งแรก ยังไม่รู้มีอะไรขายบ้าง ....ถ้าผมอยากซื้อแค่ 3-4 ร้อย แล้วต้องมาจ่ายค่าที่จอดรถอีก 100 เพิ่ม... นี่คุณคิดจะเอากำไรจากที่จอดรถ รีดไถผู้บริโภคหรอครับ" ผมซัดไป ประมาณนี้ แต่จริงๆยาวกว่านี้นะ

"ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ มันเป็นกฎของห้าง" แคชตอบ

"กฎอะไรของคุณ ห้างอื่นเค้ายังมีจอดฟรี ครึ่งชม. หนึ่งชม. ให้ลงไปซื้อของเลย นี่เท่ากับผมซื้อบัตรผ่านประตู 100 นึงเพื่อเข้ามาเดินห้างซื้อของหรอครับ" ผมกล่าว

เธอนิ่งไปพัก และมีเพื่อนอีกคนช่วยเข้ามาเคลียร์

"เอาอย่างงี้ค่ะ ถ้ามีอะไรก็ให้ไปคอมเม้นต์ที่เฟสบุ๊คของดองกินะคะ" แคชอีกคนกล่าว

ผมตอบกลับว่า "ผมไปเม้นต์ในเฟสแล้วได้อะไร ผมต้องเสียเงิน 100 มีใครรับผิดชอบ คุณจะจ่ายให้ผมหรือเปล่าล่ะ"

"หนูก็จ่ายให้ไม่ได้ล่ะค่ะ ต้องถาม ผจก. แต่ผจก . กลับบ้านไปแล้วนะคะ ให้โทรหาพรุ่งนี้" เธอตอบ

สุดท้ายผมบอกว่า เอาเบอร์ ผจก.มา เธอก็ไปโทรหาใครสักคน พร้อมนำเบอร์กลับมาให้ ทั้งหมดนี้กินเวลาไป เกือบ 20 นาทีแล้ว

และเธอเสนอว่าให้ผมลงไปคุยกับฝ่ายอาคารสถานที่ ผมก็บอกให้เธอพาไป จนได้คุยกับฝ่ายอาคารสถานที่ เป็นพนง.ผู้ชาย

"ตกลงมันฟรี หรือไม่ฟรีกันแน่ครับน้อง" ผมถาม

พนง.อาคารสถานที่จอดรถตอบ "ฟรี 15นาทีแรกครับ"

อ้าว ผมคิดในใจ เกมส์พลิกอีกแล้ว

"ยังไงกันแน่น้อง ผมถามรปภ. ตอนแรกบอก 15นาทีมั้ง ไม่มั่นใจ ให้มาถามแคชเชียร์ พอถามแคชเชียร์ ก็กลับบอกว่า คิดตังตั้งแต่รับบัตรแล้ว จะฟรีต่อเมื่อ ซื้อของครบ 1000 บ."ผมกล่าว

"ฟรี 15 นาทีครับ แต่ว่าพี่เข้ามาตั้งแต่กี่โมง ถ้าเกิน 15 นาที ไม่ได้แล้วนะครับ ต้องเสียตังค์" พนง ยืนยัน

ผมตอบกลับว่า "มัน เกือบครึ่งชม. แล้วน้อง ตั้งแต่จอดรถ รอลิฟท์ ขึ้นไปถามรปภ ก็งงไม่มั่นใจคำตอบ ไปถามแคชเชียร์ ก็ตอบอีกอย่าง จนมาเจอน้องนี่แหละถึงรู้คำตอบจริงๆ เป็นแบบนี้ผมวนรถออกแต่แรกแล้ว"

"ก็ต้องจ่ายค่าที่จอดครับ เพราะมันเกินเวลา" พนง ยืนกราน

"แล้วมันความผิดผมหรอ คุณไม่ประสานงานกันให้ดี ข้อมูลไม่มีบอก ป้ายก็ติดงงๆ ....ไอ่คำว่า "ไม่มี"เขียน ภาษาไทย แต่ "Free" ใช้ภาษาอังฤษ เจตนาให้คนเข้าใจผิดหลงเข้ามาจอดรึเปล่า" ผมเริ่มฉุน

"ห้างอื่นๆเค้าติดไว้ชัดเจนว่า จอดฟรีกี่ชม. กี่นาที แต่ที่นี่ทำไมทำแปลกกว่าห้างอื่น แค่ป้าย คุณยังอธิบายไม่ชัดเจน แล้วมี การท้าจะให้ผมไปโพสแฉในเฟสของดองกิอีกนะ"ผมซัดอีกชุด

" ...อันที่จริงผมไม่อยากจะว่าคุณนะ แต่ถ้าคุณไม่อยากโดนว่า ก็ควรจะปรับปรุง....... ไม่รู้ล่ะ คุณในฐานะหัวหน้าที่นี่ก็ต้องรับผิดชอบ" ผมกระตุ้นต่อมจิตสำนึก พนง.

"โอเคครับ เดี๋ยวผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้" พนงตอบกลับอย่างจ๋อยๆ

สุดท้ายเค้าก็เอาบิลที่ไหนไม่รู้ น่าจะเป็นบิลที่ซื้อของครบ 1000บ. มาแปะที่ตู้จ่ายบัตร ให้ผมออกไป ตอน เที่ยงคืน 40นาที เป็นอันหมดเวรหมดกรรมไป

.....คือ เรื่องนี้ผมก็ฝากไว้ให้คนที่คิดจะขับรถไปห้างนี้รู้ไว้นะครับ ถ้าเป็นช่วงเช้า 7น.-22น. มันจะมีฟรีอยู่ชั่วโมงนึงมัง ถ้าจำไม่ผิด (ให้มั่นใจถ้าใครอยากไปห้างนี้ ต้องถามพนง.ฝ่ายอาคารสถานที่อีกรอบเอาครับ) แต่ตอนกลางคืนมันฟรีแค่ 15 นาทีพอให้คุณวนรถล่ะ ชม.ต่อไป จำไม่ได้ละเท่าไหร่ เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ ว่าถ้าอ่านป้ายแล้วไม่เคลียร์ อย่าคิดไปเอง ให้เข้าไปถาม พนง.เลย ถามจนกว่าจะรู้ข้อเท็จจริงแหละ

และห้างนี้ก็เปรี้ยวจริงๆ หวงที่จอดรถมาก (ไปค้นกระทู้เก่าๆ มีคนโดนค่ารถบานเลยด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์) สงสัยเค้าคงกันคนเข้าไปจอดแช่ มังเพราะไกล้ที่เที่ยว....แต่ก็นะป้ายอธิบายไม่เคลียร์ พนง.ไม่ประสานงานกัน ตอบไปคนละทิศละทาง

ความจริงไม่อยากโพสท์นะ แต่พนง.เค้าบอกให้ไปโพสท์ในเฟส ดองกิ ผมคิดว่าไม่ดีกว่า ...มาโพสท์ใน Pantip เงียบๆ พอแล้ว ไม่อยากให้กลุ่มลค เค้ามองห้างในแง่ไม่ดี ว่าจ้องจะโกงโดยไม่ตั้งใจ 555 โอเค แค่นี้ล่ะ ขอบคุณ สมช ทุกท่าน ที่อ่านจบถึง บรรทัดสุดท้ายนะครับ

ปล. ขอยืนยันอีกครั้งว่านี่คือเรื่องจริง ไม่ได้เป็น เรื่องที่แต่งขึ้นมาแต่ประการใดครับ