เห็นคนในห้องสินธรสงสัยกันเยอะว่าทำไมราคาทองคำถึงได้ขึ้นมามาก อันนี้เป็นบทวิเคราะห์ส่วนตัวนะครับ ถูกผิดไม่ว่ากันนะครับ
สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้สนใจกันก็คือตั้งแต่วิกฤต subprime คราวก่อน (2007-2008) ธนาคารกลางของหลายๆ ประเทศได้พิมพ์เงินเพิ่มเพื่ออัดฉีดเข้าระบบจำนวนมหาศาลเพื่อแก้ปัญหา (ที่ได้ยินข่าวเรื่อง QE กันน่ะครับ) และทำให้ประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่มีอันตราส่วนหนี้ต่อ GDP สูงกันเป็นประวัติการณ์ (ไทยเราไม่เป็นนะครับ จากวิกฤตต้มยำกุ้งทำให้วินัยการเงินการคลังเรารัดกุมมาก เงินบาทเลยแข็งกว่าเงินประเทศอื่น)
ซึ่งเหตุการณ์ก็เหมือนจะจบด้วยดี สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ และนักเศรษฐศาสตร์ก็คิดว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับมา cycle ของ economic expansion อีกครั้ง แต่ปรากฎว่าแม้จะอัดฉีดเงินและลดอัตราดอกเบี้ยจนต่ำติดดินแล้ว เศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศแม้ไม่เกิดวิกฤตก็จริง แต่ก็อยู่ในอาการทรงๆ ทรุดๆ เพราะแม้ QE ช่วยแก้วิกฤตได้ แต่ QE ก็ทำให้วินัยการเงินของประเทศและบริษัทต่างๆ แย่มาก และทำให้ช่องว่างคนรวยกับคนจนห่างยิ่งขึ้น เศรษฐกิจเลยไม่สามารถกลับไปที่ cycle ของ economic expansion แบบปกติได้
พอเศรษฐกิจไม่ฟื้นเต็มที่ซักที มาตรการ QE และการกดอัตราดอกเบี้ยก็เลยถูกลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน จนตอนนี้เศรษฐกิจเริ่มกลับมาทรุดอีกครั้งนึง แต่คราวนี้หนักกว่าเก่า เพราะทั้งประเทศและบริษัทต่างๆ แบกหนี้กันหัวโต แถมดอกเบี้ยก็กดจนติดลบแล้ว (negative interest rate) ตลกมั้ยครับ เดี๋ยวนี้ถ้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของยุโรปหลายๆ ประเทศ ซื้อแล้วแทนที่จะได้ดอกเบี้ย กลายเป็นต้องเสียดอกเบี้ยให้รัฐบาลแทน เรียกว่าโครงสร้างทางการเงินของโลกตอนนี้เปราะบางมากครับ (นึกถึงคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตน่ะครับ ประเภทเอาบัตรนู้นโปะบัตรนี้ แต่ยังพอหมุนเงินทันจ่ายดอกเบี้ยอยู่)
เท่านั้นยังไม่พอ ตอนนี้เรายังมี cold war ระหว่างขั้วอำนาจเก่า (อเมริกา) กับขั้วอำนาจใหม่ (จีน-รัสเซีย) ซ้ำเข้ามาอีกด้วย แถมด้วยนโยบาย america first ของ trump เข้าไปอีก (ตอนนี้อเมริกาเลยไฝว้กับชาวโลกเค้าไปทั่วเลย)
แล้วถามว่าถ้าเศรษฐกิจโลกเค้าสู่ภาวะถดถอย (recession) ในสถานการณ์แบบนี้จะเกิดอะไรขึ้น? สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นก็คือธนาคารกลางทั่วโลกน่าจะยิ่งพิมพ์เงินออกมาอีกมหาศาลมากๆ (เดาว่าเป็นสิบเท่าของเงิน QE คราวก่อนเลยครับ) เพื่ออุ้มเศรษฐกิจ และเงินกระดาษ (fiat currency) ก็จะเสื่อมค่าอย่างรวดเร็ว (นึกถึงเวเนซุเอลาก็ได้ครับ แต่คงไม่ได้รุนแรงเท่าเวเนซุเอลานะครับ)
พอเรารู้อย่างงี้แล้ว ถามว่าอะไรที่ช่วยป้องกันไม่ให้เงินที่เรามีมันเสื่อมค่าลงไปได้?
ก็ทองคำไงครับ เป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ เลยที่ช่วยป้องกันการเสื่อมค่าของเงินได้
ดังนั้นที่ทองคำขึ้นช่วงนี้ มันมีเหตุผลของมันอยู่ครับ ไม่ได้ขึ้นมาแบบบังเอิญ
วิกฤตการเงินโลกกับราคาทองคำ
สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้สนใจกันก็คือตั้งแต่วิกฤต subprime คราวก่อน (2007-2008) ธนาคารกลางของหลายๆ ประเทศได้พิมพ์เงินเพิ่มเพื่ออัดฉีดเข้าระบบจำนวนมหาศาลเพื่อแก้ปัญหา (ที่ได้ยินข่าวเรื่อง QE กันน่ะครับ) และทำให้ประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่มีอันตราส่วนหนี้ต่อ GDP สูงกันเป็นประวัติการณ์ (ไทยเราไม่เป็นนะครับ จากวิกฤตต้มยำกุ้งทำให้วินัยการเงินการคลังเรารัดกุมมาก เงินบาทเลยแข็งกว่าเงินประเทศอื่น)
ซึ่งเหตุการณ์ก็เหมือนจะจบด้วยดี สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ และนักเศรษฐศาสตร์ก็คิดว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับมา cycle ของ economic expansion อีกครั้ง แต่ปรากฎว่าแม้จะอัดฉีดเงินและลดอัตราดอกเบี้ยจนต่ำติดดินแล้ว เศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศแม้ไม่เกิดวิกฤตก็จริง แต่ก็อยู่ในอาการทรงๆ ทรุดๆ เพราะแม้ QE ช่วยแก้วิกฤตได้ แต่ QE ก็ทำให้วินัยการเงินของประเทศและบริษัทต่างๆ แย่มาก และทำให้ช่องว่างคนรวยกับคนจนห่างยิ่งขึ้น เศรษฐกิจเลยไม่สามารถกลับไปที่ cycle ของ economic expansion แบบปกติได้
พอเศรษฐกิจไม่ฟื้นเต็มที่ซักที มาตรการ QE และการกดอัตราดอกเบี้ยก็เลยถูกลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน จนตอนนี้เศรษฐกิจเริ่มกลับมาทรุดอีกครั้งนึง แต่คราวนี้หนักกว่าเก่า เพราะทั้งประเทศและบริษัทต่างๆ แบกหนี้กันหัวโต แถมดอกเบี้ยก็กดจนติดลบแล้ว (negative interest rate) ตลกมั้ยครับ เดี๋ยวนี้ถ้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของยุโรปหลายๆ ประเทศ ซื้อแล้วแทนที่จะได้ดอกเบี้ย กลายเป็นต้องเสียดอกเบี้ยให้รัฐบาลแทน เรียกว่าโครงสร้างทางการเงินของโลกตอนนี้เปราะบางมากครับ (นึกถึงคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตน่ะครับ ประเภทเอาบัตรนู้นโปะบัตรนี้ แต่ยังพอหมุนเงินทันจ่ายดอกเบี้ยอยู่)
เท่านั้นยังไม่พอ ตอนนี้เรายังมี cold war ระหว่างขั้วอำนาจเก่า (อเมริกา) กับขั้วอำนาจใหม่ (จีน-รัสเซีย) ซ้ำเข้ามาอีกด้วย แถมด้วยนโยบาย america first ของ trump เข้าไปอีก (ตอนนี้อเมริกาเลยไฝว้กับชาวโลกเค้าไปทั่วเลย)
แล้วถามว่าถ้าเศรษฐกิจโลกเค้าสู่ภาวะถดถอย (recession) ในสถานการณ์แบบนี้จะเกิดอะไรขึ้น? สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นก็คือธนาคารกลางทั่วโลกน่าจะยิ่งพิมพ์เงินออกมาอีกมหาศาลมากๆ (เดาว่าเป็นสิบเท่าของเงิน QE คราวก่อนเลยครับ) เพื่ออุ้มเศรษฐกิจ และเงินกระดาษ (fiat currency) ก็จะเสื่อมค่าอย่างรวดเร็ว (นึกถึงเวเนซุเอลาก็ได้ครับ แต่คงไม่ได้รุนแรงเท่าเวเนซุเอลานะครับ)
พอเรารู้อย่างงี้แล้ว ถามว่าอะไรที่ช่วยป้องกันไม่ให้เงินที่เรามีมันเสื่อมค่าลงไปได้?
ก็ทองคำไงครับ เป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ เลยที่ช่วยป้องกันการเสื่อมค่าของเงินได้
ดังนั้นที่ทองคำขึ้นช่วงนี้ มันมีเหตุผลของมันอยู่ครับ ไม่ได้ขึ้นมาแบบบังเอิญ