ลินดา เด็กผู้หญิงชั้น ม.3 คนหนึ่งที่แสนธรรมดา แต่เรื่องเดียวที่เธอแตกต่างจากเพื่อนๆในห้อง คือเธอเรียนไม่เก่ง...
เธอเป็นคนที่สดใสร่าเริง น่ารักกับทุกๆคนเสมอ ลินดาเป็นเด็กที่ความจำค่อนข้างที่จะดีมาก เธอมักจะได้คะแนนส่วนใหญ่มาจากวิชาที่เน้นการท่องจำมากกว่าการคำนวน
ทุกครั้งที่มีการจับกลุ่มทำงานอะไรบางอย่าง เพื่อนๆจะแย่งตัวลินดา และหลอกใช้เธอให้ทำทุกอย่าง ลินดาจำเป็นจะต้องทำ เพราะเธอเป็นคนที่รักเพื่อนมาก เธอเรียนไม่เก่งนั่นแหละคือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องยอมทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เพื่อนๆเกลียด หรือเลิกคบเธอ เมื่อถึงเวลาสอบปลายภาค ลินดาตั้งใจอ่านหนังสือมาก เธอเบื่อกับชีวิตที่จะต้องคอยรับใช้คนอื่นเหมือนกับทาสในห้องเรียน เธอทุ่มเวลาว่างทั้งหมดให้กับหนังสือ จมปลักอยู่กับมัน พ่อแม่ของเธอเริ่มเป็นห่วงเธอเพราะเธอหักโหมมากเกินไปโดยไม่มีเวลาพักให้ตัวเอง
แต่เธอก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง การหักโหมของเธอส่งผลให้จิตใจของเธอวอกแวกและไม่มีสมาธิในการสอบเลย แม้ว่าเธอจะมั่นใจว่าทำได้ แต่คะแนนที่ครูบอกออกมา มันน้อยนิด
"ด.ญ.ลินดา 9 /20 "
คำพูดคำนั้นทำเอาลินดาสะท้านไปทั้งตัว เพื่อนๆในห้องส่งเสียหัวเราะหยอกล้อเธอไปมาและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกันง่ายๆเลย
________________________________
ฉันรู้สึกหน้าชาไปหมด ความรู้สึกผิดหวังปนเสียใจมันทำเอาฉันแทบทรุด เสียงหัวเราะและคำพูดต่างๆที่ออกจากปากของคนที่ไม่คิดอะไรนั้นช่างทำลายจิตใจของฉันเหลือเกิน อยากหนีไปให้ไกล ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว เมื่อไหร่มันจะจบสักที
ฉันย้ำคิดกับตัวเองหลายสิบรอบ ก่อนจะรู้สึกตัวอีกที คุณครูก็มายืนอยู่ด้านหน้าของฉันและตบที่โต๊ะอย่างแรง ท่านเริ่มต่อว่าด่าทอต่างๆนาๆ
คำที่จำได้จับใจคุณครูพูดกับฉันว่า
"ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ แค่โจทย์เลขง่ายๆยังทำไม่ได้เลย โง่บรม หัวสมองไม่มี โตไปก็อดตาย"
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ฉันยังมีสติพอที่จะได้ยินมัน ก่อนที่เขื่อนน้ำตาจะแตกสลายออกมา ฉันร้องไห้ดังมาก มันเป็นเหมือนการปลดปล่อยทุกสิ่งอย่างในตอนนั้น ความรู้สึกแย่ถูกระบายออกทางน้ำตาและใบหน้าที่เหยเก เพื่อนๆและคุณครูต่างพากันตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อนบางคนในกลุ่มของฉันเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจคุณครูและเพื่อนคนอื่นๆ บรรยากาศภายในห้องเริ่มเงียบงัน มีเพียงเสียงร้องไห้ของฉันเท่านั้นที่ยังคงอยู่ไม่ไปไหน เมษา เพื่อนคนนึงในกลุ่มของฉันลุกขึ้นมาปลอบฉันที่โต๊ะ เธอเริ่มต่อว่าคนรอบข้าง ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น รู้แค่เพียงเธอทะเลาะกับคุณครู จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต
ฉันและเมษาถูกเชิญผู้ปกครอง ยอมรับว่าตอนนั้นไม่มีอะไรจะเสียแล้วจริงๆ แต่ฉันรู้สึกผิด มันแย่มากที่นำเมสาเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย พ่อแม่ของเราค่อนข้างเข้าใจเราทั้งคู่ดี พวกท่านไม่เห็นด้วยกับการที่ฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ พวกท่านจึงขอเข้าพบผอ.
การเจรจาต่างๆเกิดขึ้นโดยไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง ผอ.เพียงบอกให้ฉันตั้งใจเรียนให้มากขึ้นพร้อมบอกว่าสู้ๆ ส่วนเมษา ท่านเข้าใจเธอดี คนที่ควรถูกลงโทษคือพวกเด็กคนอื่นๆมากกว่า คุณครูโดนต่อว่าอย่างหนัก เด็กหลายๆคนเริ่มออกมาพูดเกี่ยวกับพฤติกรรมแย่ๆของคุณครูท่านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ฉันเริ่มที่จะทำงานช่วยพ่อแม่และหาช่องทางการทำเงินต่างๆในตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนไปสักทีเดียว อยากรวยไวๆ พ่อแม่ฉัน จะต้องได้เชิดหน้าชูตาในสังคมแบบเต็มอก
.
ตอนนี้ฉันอายุ 23 ปีแล้ว มันมาพร้อมกับการประสบความสำเร็จมากที่สุดในบรรดาคนที่เคยดูถูกฉันด้วย เด็กทุกคนไม่ใช่ว่าจะต้องฉลาด อยู่ที่ใครจะค้นคว้า และพยายามที่จะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน มันก็แค่นั้นเอง
ผิดมากเหรอ ที่เด็กคนนึงจะเรียนไม่เก่ง?
เธอเป็นคนที่สดใสร่าเริง น่ารักกับทุกๆคนเสมอ ลินดาเป็นเด็กที่ความจำค่อนข้างที่จะดีมาก เธอมักจะได้คะแนนส่วนใหญ่มาจากวิชาที่เน้นการท่องจำมากกว่าการคำนวน
ทุกครั้งที่มีการจับกลุ่มทำงานอะไรบางอย่าง เพื่อนๆจะแย่งตัวลินดา และหลอกใช้เธอให้ทำทุกอย่าง ลินดาจำเป็นจะต้องทำ เพราะเธอเป็นคนที่รักเพื่อนมาก เธอเรียนไม่เก่งนั่นแหละคือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องยอมทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เพื่อนๆเกลียด หรือเลิกคบเธอ เมื่อถึงเวลาสอบปลายภาค ลินดาตั้งใจอ่านหนังสือมาก เธอเบื่อกับชีวิตที่จะต้องคอยรับใช้คนอื่นเหมือนกับทาสในห้องเรียน เธอทุ่มเวลาว่างทั้งหมดให้กับหนังสือ จมปลักอยู่กับมัน พ่อแม่ของเธอเริ่มเป็นห่วงเธอเพราะเธอหักโหมมากเกินไปโดยไม่มีเวลาพักให้ตัวเอง
แต่เธอก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง การหักโหมของเธอส่งผลให้จิตใจของเธอวอกแวกและไม่มีสมาธิในการสอบเลย แม้ว่าเธอจะมั่นใจว่าทำได้ แต่คะแนนที่ครูบอกออกมา มันน้อยนิด
"ด.ญ.ลินดา 9 /20 "
คำพูดคำนั้นทำเอาลินดาสะท้านไปทั้งตัว เพื่อนๆในห้องส่งเสียหัวเราะหยอกล้อเธอไปมาและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกันง่ายๆเลย
________________________________
ฉันรู้สึกหน้าชาไปหมด ความรู้สึกผิดหวังปนเสียใจมันทำเอาฉันแทบทรุด เสียงหัวเราะและคำพูดต่างๆที่ออกจากปากของคนที่ไม่คิดอะไรนั้นช่างทำลายจิตใจของฉันเหลือเกิน อยากหนีไปให้ไกล ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว เมื่อไหร่มันจะจบสักที
ฉันย้ำคิดกับตัวเองหลายสิบรอบ ก่อนจะรู้สึกตัวอีกที คุณครูก็มายืนอยู่ด้านหน้าของฉันและตบที่โต๊ะอย่างแรง ท่านเริ่มต่อว่าด่าทอต่างๆนาๆ
คำที่จำได้จับใจคุณครูพูดกับฉันว่า
"ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ แค่โจทย์เลขง่ายๆยังทำไม่ได้เลย โง่บรม หัวสมองไม่มี โตไปก็อดตาย"
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ฉันยังมีสติพอที่จะได้ยินมัน ก่อนที่เขื่อนน้ำตาจะแตกสลายออกมา ฉันร้องไห้ดังมาก มันเป็นเหมือนการปลดปล่อยทุกสิ่งอย่างในตอนนั้น ความรู้สึกแย่ถูกระบายออกทางน้ำตาและใบหน้าที่เหยเก เพื่อนๆและคุณครูต่างพากันตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อนบางคนในกลุ่มของฉันเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจคุณครูและเพื่อนคนอื่นๆ บรรยากาศภายในห้องเริ่มเงียบงัน มีเพียงเสียงร้องไห้ของฉันเท่านั้นที่ยังคงอยู่ไม่ไปไหน เมษา เพื่อนคนนึงในกลุ่มของฉันลุกขึ้นมาปลอบฉันที่โต๊ะ เธอเริ่มต่อว่าคนรอบข้าง ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น รู้แค่เพียงเธอทะเลาะกับคุณครู จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต
ฉันและเมษาถูกเชิญผู้ปกครอง ยอมรับว่าตอนนั้นไม่มีอะไรจะเสียแล้วจริงๆ แต่ฉันรู้สึกผิด มันแย่มากที่นำเมสาเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย พ่อแม่ของเราค่อนข้างเข้าใจเราทั้งคู่ดี พวกท่านไม่เห็นด้วยกับการที่ฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ พวกท่านจึงขอเข้าพบผอ.
การเจรจาต่างๆเกิดขึ้นโดยไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง ผอ.เพียงบอกให้ฉันตั้งใจเรียนให้มากขึ้นพร้อมบอกว่าสู้ๆ ส่วนเมษา ท่านเข้าใจเธอดี คนที่ควรถูกลงโทษคือพวกเด็กคนอื่นๆมากกว่า คุณครูโดนต่อว่าอย่างหนัก เด็กหลายๆคนเริ่มออกมาพูดเกี่ยวกับพฤติกรรมแย่ๆของคุณครูท่านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ฉันเริ่มที่จะทำงานช่วยพ่อแม่และหาช่องทางการทำเงินต่างๆในตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนไปสักทีเดียว อยากรวยไวๆ พ่อแม่ฉัน จะต้องได้เชิดหน้าชูตาในสังคมแบบเต็มอก
.
ตอนนี้ฉันอายุ 23 ปีแล้ว มันมาพร้อมกับการประสบความสำเร็จมากที่สุดในบรรดาคนที่เคยดูถูกฉันด้วย เด็กทุกคนไม่ใช่ว่าจะต้องฉลาด อยู่ที่ใครจะค้นคว้า และพยายามที่จะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน มันก็แค่นั้นเอง