เที่ยวนิวยอร์กหน้าหนาว ไม่ลองไม่รู้ Part 1
เราเชื่อว่านิวยอร์กเป็นจุดมุ่งหมายในฝันของหลาย ๆ คนที่ชอบการท่องเที่ยว จากที่ได้ยินใครต่อใครกันมาว่านิวยอร์กนั้นเป็นเมืองที่ไม่ปลอดภัย เป็นเมืองที่ไม่สะอาด แต่สิบปากว่า ไม่เท่ากับตาเห็น ได้ยินมาแบบนี้ ก็ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว ยิ่งมาหน้าหนาวด้วยแล้ว ยิ่งต้องเตรียมตัวครับ เพราะมันหนาวมากกกกกกกก อากาศดี ใส่เสื้อผ้าชิคๆ อย่าได้หวังครับ เสื้อกันหนาวหนา ๆ กับรองเท้าผ้าใบ หรือ บูทเท่านั้นนนนนน
ในการเดินทางไปประเทศอเมริกาในครั้งนี้นั้น เราใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 14 วัน โดยส่วนมากจะอยู่ในนิวยอร์กทั้งหมด และมีบางวันที่ใช้เวลาส่วนตัวไปเยี่ยมญาติที่อยู่ที่นั้น โดยมีแพลนคร่าวๆ ดังนี้ครับ
Day 0 - ออกเดินทางจากไทย โดยไปกับสายการบิน Korean air
Day 1 - ถึง NYC ช่วงสาย และแวะไปชมต้นคริสต์มาสที่มีชื่อเสียงที่ตึก Rockefellers และTime Square
Day 2 - ไปช้อปปิ้งที่ Outlet Woodburys premium
Day 3 (Christmas Day) - Flat iron ตึกทรงสามเหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ แวะไปถ่ายรูปที่สถานีรถไฟที่วุ่นวายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก Grand central station แล้วก็ยังแวะไป Central park สวนสาธารณะขนาดมหึมาที่เป็นปอดของมหานครนิวยอร์ก , แวะไป The Met ตามรอยซีรีย์ดัง Gossip Girl
Day 4 - น้ำตกขนาดใหญ่ที่กั้นพรมแดน Niagara Falls ที่กั้นระหว่างอเมริกาและแคนนาดา
Day 5 - ไปเยี่ยมญาติที่คอนเนคติกัท
Day 6 - ใช้เวลาส่วนตัวกับญาติๆ
Day 7 - เที่ยวบอสตัน
วันที่เหลือขอฝากไว้เอาไปพูดใน Part 2 และ 3 ละกันนะครับ Part 2 ต้องบอกเลยว่า เน้นเฉพาะนิวยอร์ก อีก 7 วัน ซึ่งถ่ายรูปมาฝากแบบไม่ยั้งเลยครับ
เที่ยวไปพร้อมๆกันเลยครับ
เอาล้ะ ได้เวลาตามฝันแล้ววววววว แอดเดินทางจากประเทศไทย วันที่ 22 กลางคืน ไปถึงอเมริกา วันที่ 23 เพื่อที่จะได้เที่ยวเลยทันที โดยเวลาที่อเมริกาแตกต่างจากไทย 12 ชั่วโมง เรียกว่าไทยกลางวัน อเมริกากลางคืนเล้ย (เราบินผ่านสายการบิน Korean Air จองตั๋วล่วงหน้าตั้งแต่กลางปีเลยทีเดียว โดนค่าตั๋วไป ประมาณ 30,000 บาท)
มาถึงวันที่ 23 Dec เป็นช่วงคริสต์มาสพอดี บริเวณรอบๆ ตึก Rockefeller มีต้นคริสต์มาสที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงเรื่องการประดับต้นไม้ พร้อมเค้าเสียงเพลงคริสต์มาส โดยรวมถือว่าบรรยากาศดีมากครับ
ข้างๆตึก Rockefeller มีประดับ ornament ขนาดใหญ่ยักษ์ ดูแล้วก็เป็นแลนด์มาร์กแห่งหนึ่งเช่นกัน
หลังจากเดินเล่นที่ Rockefeller เสร็จ เริ่มดึกแล้ว แต่ขอเดินมาอีกนิดเที่ยว Timesquare ตอนกลางคืนกันซักหน่อยเนอะ แสงสีอลังการมากจ้าาาา
เช้าวันต่อมาสงสัยกลัวไม่เสียเงินเราประเดิมด้วย Outlet Woodburys premium กันเลยครับ การเดินทางก็ไม่ยากครับ มีหลายวิธีมาก สำหรับเราเรานั่งรถ bus ไป สามารถเข้าไปดูพิกัดรถกันได้ในเว็ป
https://www.premiumoutlets.com/outlet/woodbury-common/about ได้เลยน้า
สำหรับสายช็อปเราเชื่อว่าเพลินมากแน่ๆ มีทุกแบรนด์ที่ท่านต้องการ street brand หรือ High end กะว่าต้องมาสองรอบด้วยครับ มีแสนหมดแสนครับบบ
ปล.ยิ่งออกนอกเมืองยิ่งหนาวมากๆ นะครับบบ
เมื่อวานแค่ออเดิร์ฟ วันนี้เอาจริงแล้วครับ 😋😋 โดยจะสังเกตเห็นได้จากทุกที่ในนิวยอร์กจะเต็มไปด้วยสัญญานไฟที่มีลักษณะเป็นกล่องสีเหลืองสดใส ทำให้ง่ายต่อการเห็น เวลาจะข้ามถนนให้ดูถนนทางขวาก่อนเนื่องจากการขับรถที่อเมริกานั้น เป็นทางตรงกันข้ามกับเรา คือรถจะวิ่งในเลนขวาครับ ยังไงข้ามถนนก็ดูรถกันดีดีครับ
อุตส่าตื่นเช้าเราแวะมา Flatiron กันแต่เช้าเลยครับ จะได้มุมแบบนี้ต้องรอสัญญาณไฟแดงก่อนนะครับ
Flatiron เป็นอีกตึกที่เราชอบมากทุกอย่างมันดูลงตัวมากครับ คือตึกมันมีสเน่ห์ของมันอย่างเหลือเชื่อครับ
เช้าวันที่ 25 December หรือวัน Christmas เราก็จะมาเดินเล่นรอบๆ เมืองกันครับ ปิดเกือบทุกที่ครับ เพราะฝรั่งเขาจะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวกันครับ 😁😁 ช่วงเช้าเลยขอโอกาสแวะมาใต้ตึกเอ็มไพร์สเตทซึ้งเป็นหนึ่งในตึกที่สำคัญแห่งหนึ่งในอเมริกาเลยทีเดียว
ต่อมาขอแว๊ปมาที่สถานี Grand central กันครับ อยากได้มุมแบบ Glossip girl บ้างอะไรบ้างครับ 😋😋
เป็นสถานีที่ค่อนข้างจะคลาสสิกมากครับ ในสถานีนี้มีทุกอย่างครับ ร้านค้า ร้านอาหาร แม้แต่ apple store ก็มีครับ ซึ่งในสถานีแห่งนี้คือหนึ่งในที่ๆขึ้นชื่อว่า วุ่นวายที่สุดในโลกครับ แต่การได้ไปยืนนิ่งๆท่ามกลางฝูงคนที่เคลื่อนไหวกันอย่างขวักไขว่ ก้เป็นความรู้สึกเหมือนโลกของเราหยุดหมุนไปชั่วขณะแล้วครับ
เราอาจจะคุ้นเคยกับ Grand Central Station ในหนังหลายๆ เรื่องครับ เช่น Before we go และ ซีรีย์ Glossip girl ครับ
Hello upper east siders xoxo
อันนี้เป็นความลับอย่างหนึ่งของ Grand Central station ที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยรู้มาก้อนครับ เรียกว่า Whispering wall วิธีก็คือ เรากับเพื่อนสามารถสื่อสารกันผ่านทางเสาได้ครับ เหมือนในรูป คือเรากับเพื่อนจะยืนกันคนละมุมเสา แล้วให้แต่ละฝ่ายสลับกันพูดและฟังครับ ผลคือเราสามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายผ่านทางซอกเสานี้ได้ครับ แปลกแต่จริงครับบบ แนะให้ลองดูได้เลยยย
บรรยากาศของห้าง Saks fifth avenue ช่วงเทศกาลมันก็จะชิคๆ หน่อยครับ ด้านหน้าโดยรอบของห้าง จะมีแบรนด์ต่างๆมาประดับหน้าต่าง display กันอย่างอลังการเลยครับ😁😁
ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีสีสรรที่สุดของปี แต่ละห้างก็จะแข่งกันจัด Window display กันครับ สำหรับวันที่ 25 Dec ที่ที่ห้างจะปิดหมด เราสามารถเดินดู Display รอบๆ เมืองได้เลยครับ
ลานสเก็ต Rockefeller center เป็นสถานที่ยอดฮิตอีกที่หนึ่งสำหรับช่วงเทศกาลครับ แต่สำหรับผม ขอแค่ได้ชิมบรรยากาศรอบๆ ก็สนุกแล้วครับ เพราะคนต่อแถวเล่นกันเยอะมาก ๆ ครับ
ขอยืนสูดอากาศหนาว ๆ สักนิด
และที่นี่คือป่ากลางเมืองแห่งนครนิวยอร์กครับ ในวันคริสต์มาสคนก็จะเยอะหน่อยครับ เพราะทุกห้างปิดหมด นักท่องเที่ยวแบบเรา ๆ ก็ขอเดินชิลกันที่นี่ครับ ฮ่าา
วันแรกๆ ขอโพสเบาๆ พอจ้าาาา
Bethesda Fountain Terrace ครับ สำหรับแฟน ๆ Glossip girl อาจจะคุ้นเคยเป็นพิเศษครับ
ลงบันไดมาจะเป็นแบบนี้เลยครับ สวยคลาสสิกมาก ๆ ครับ
เดินมาเรื่อย ๆ เราจะเจอ The Met หรือ Metropolitan of art กันครับ ที่นี้เป็นพิพิธพัณธ์ศิลปะที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโลกครับ แต่น่าเสียดายครับที่เรามากันวันคริสต์มาส เลยอดเข้าไปเยี่ยมชมกันครับ
ขอแอคเป็น Blair Waldorf สักหน่อยครับ
แวะมาเยี่ยมชมตึก Chrysler กันครับ
สำหรับวันนี้ผมขอว๊าปมาที่น้ำตก Niagara Falls อันเลี่องชื่อกันครับ ซึ่งการเดินทางมาที่นี้ยากลำบากมากครับ จากนิวยอร์กถ้านั่งรถบัสหรือซื้อทัวร์มา ก้เดินทางประมาน 6-8 ชั่วโมงแล้ววว
ต้องบอกว่าช่วงที่เรามาเป็นฤดูหนาว ซึ่งน่าจะเป็นช่วง low season ของน้ำตกครับ เพราะหนาวมากกกกกกก มือแข็งจนไม่อยากยกกล้องเลยครับบบบ
ในส่วนของเสื้อผ้า ห่อตัวเป็นเพนกวิ้นเลยครับ ใครที่มาหน้าหนาวต้องจัดเต็มนิดนึงครับ อากาศจะอยู่ที่ประมาณ 0 ไปถึง -4 เลยครับ
เดี๋ยวผมจะขอข้ามฝั่งไปเยี่ยมน้ำตกฝั่ง Canada สักนิดครับ แต่สำหรับคนที่จะข้ามมาฝั่งแคนนาดา ต้องมีวีซ่าแคนนาดา หรือขอวีซ่ามาจากประเทศไทยนะครับ เพราะวีซ่าอเมริกาอย่างเดียวไม่สามารถเข้าแคนนาดาได้ครับ
ในส่วนของทางฝั่ง Canada ต้องบอกว่าเว่อวังกว่าฝั่งอเมริกามาก ๆ ครับ ไม่ใช่แค่น้ำตกครับ บ้านเมืองก็เช่นกัน ฮ่าา
ฝั่ง Canada เราจะเห็นน้ำตกในมุมที่เป็นเกือกม้าชัดเจนกว่าฝั่งอเมริกาครับ และอีกอย่างคือ ใกล้น้ำตกมากกกก ไม่ต้องกดซูมครับ แต่ว่า!!! เปียกมากครับ ละอองน้ำแรงมาก เปียกหัวจรดเท้าครับ ฮ่าา
วันต่อมา ขอว้าปมาต่อกันที่ Boston ครับ
ใครที่มาเยี่ยม Boston เราแนะนำว่าต้องมาเดินที่ตลาด Quincy Market ครับ ภายในตลาดมีทั้งของกิน ของฝาก เดินวน ๆ อยู่นานเหมือนกันครับ
Oyster เค้าเด็ดมากกกก ติดใจแน่นอนครับ
และที่นี่คือจตุรัสภูมิพลสแควร์ เป็นที่ซึ่งทำให้ชาวไทยในต่างแดนและชาวไทยทุกคนที่มาเยี่ยมชมนั้นรู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างยิ่งครับ
มาเยี่ยม Harvard University กันครับ แม้จะมาเรียนไม่ได้ ขอแค่ก้าวเท้ามาในมหาลัยได้ก็ยังดีครับ ฮ่าา
และนี่คือ รูปปั้นของ John Harvard ครับ เราเชื่อว่าถ้าใครได้ถูเท้าซ้ายของรูปปั้นนั้นจะทำให้โชคดีครับ
อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก MIT หรือ Massachusetts Institute of Technology ครับ มหาลัยเด็กเก่ง ตึกมันก็จะชิค ๆ อีกเช่นเคยครับ
เรามาต่อกันที่ Part 2 เลยครับ
https://ppantip.com/topic/39048542
(รีวิว) เที่ยวนิวยอร์กหน้าหนาว ไม่ลองไม่รู้ part 1
เราเชื่อว่านิวยอร์กเป็นจุดมุ่งหมายในฝันของหลาย ๆ คนที่ชอบการท่องเที่ยว จากที่ได้ยินใครต่อใครกันมาว่านิวยอร์กนั้นเป็นเมืองที่ไม่ปลอดภัย เป็นเมืองที่ไม่สะอาด แต่สิบปากว่า ไม่เท่ากับตาเห็น ได้ยินมาแบบนี้ ก็ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว ยิ่งมาหน้าหนาวด้วยแล้ว ยิ่งต้องเตรียมตัวครับ เพราะมันหนาวมากกกกกกกก อากาศดี ใส่เสื้อผ้าชิคๆ อย่าได้หวังครับ เสื้อกันหนาวหนา ๆ กับรองเท้าผ้าใบ หรือ บูทเท่านั้นนนนนน
ในการเดินทางไปประเทศอเมริกาในครั้งนี้นั้น เราใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 14 วัน โดยส่วนมากจะอยู่ในนิวยอร์กทั้งหมด และมีบางวันที่ใช้เวลาส่วนตัวไปเยี่ยมญาติที่อยู่ที่นั้น โดยมีแพลนคร่าวๆ ดังนี้ครับ
Day 0 - ออกเดินทางจากไทย โดยไปกับสายการบิน Korean air
Day 1 - ถึง NYC ช่วงสาย และแวะไปชมต้นคริสต์มาสที่มีชื่อเสียงที่ตึก Rockefellers และTime Square
Day 2 - ไปช้อปปิ้งที่ Outlet Woodburys premium
Day 3 (Christmas Day) - Flat iron ตึกทรงสามเหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ แวะไปถ่ายรูปที่สถานีรถไฟที่วุ่นวายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก Grand central station แล้วก็ยังแวะไป Central park สวนสาธารณะขนาดมหึมาที่เป็นปอดของมหานครนิวยอร์ก , แวะไป The Met ตามรอยซีรีย์ดัง Gossip Girl
Day 4 - น้ำตกขนาดใหญ่ที่กั้นพรมแดน Niagara Falls ที่กั้นระหว่างอเมริกาและแคนนาดา
Day 5 - ไปเยี่ยมญาติที่คอนเนคติกัท
Day 6 - ใช้เวลาส่วนตัวกับญาติๆ
Day 7 - เที่ยวบอสตัน
วันที่เหลือขอฝากไว้เอาไปพูดใน Part 2 และ 3 ละกันนะครับ Part 2 ต้องบอกเลยว่า เน้นเฉพาะนิวยอร์ก อีก 7 วัน ซึ่งถ่ายรูปมาฝากแบบไม่ยั้งเลยครับ
เที่ยวไปพร้อมๆกันเลยครับ
เอาล้ะ ได้เวลาตามฝันแล้ววววววว แอดเดินทางจากประเทศไทย วันที่ 22 กลางคืน ไปถึงอเมริกา วันที่ 23 เพื่อที่จะได้เที่ยวเลยทันที โดยเวลาที่อเมริกาแตกต่างจากไทย 12 ชั่วโมง เรียกว่าไทยกลางวัน อเมริกากลางคืนเล้ย (เราบินผ่านสายการบิน Korean Air จองตั๋วล่วงหน้าตั้งแต่กลางปีเลยทีเดียว โดนค่าตั๋วไป ประมาณ 30,000 บาท)
มาถึงวันที่ 23 Dec เป็นช่วงคริสต์มาสพอดี บริเวณรอบๆ ตึก Rockefeller มีต้นคริสต์มาสที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงเรื่องการประดับต้นไม้ พร้อมเค้าเสียงเพลงคริสต์มาส โดยรวมถือว่าบรรยากาศดีมากครับ
ข้างๆตึก Rockefeller มีประดับ ornament ขนาดใหญ่ยักษ์ ดูแล้วก็เป็นแลนด์มาร์กแห่งหนึ่งเช่นกัน
หลังจากเดินเล่นที่ Rockefeller เสร็จ เริ่มดึกแล้ว แต่ขอเดินมาอีกนิดเที่ยว Timesquare ตอนกลางคืนกันซักหน่อยเนอะ แสงสีอลังการมากจ้าาาา
เช้าวันต่อมาสงสัยกลัวไม่เสียเงินเราประเดิมด้วย Outlet Woodburys premium กันเลยครับ การเดินทางก็ไม่ยากครับ มีหลายวิธีมาก สำหรับเราเรานั่งรถ bus ไป สามารถเข้าไปดูพิกัดรถกันได้ในเว็ป https://www.premiumoutlets.com/outlet/woodbury-common/about ได้เลยน้า
สำหรับสายช็อปเราเชื่อว่าเพลินมากแน่ๆ มีทุกแบรนด์ที่ท่านต้องการ street brand หรือ High end กะว่าต้องมาสองรอบด้วยครับ มีแสนหมดแสนครับบบ
ปล.ยิ่งออกนอกเมืองยิ่งหนาวมากๆ นะครับบบ
เมื่อวานแค่ออเดิร์ฟ วันนี้เอาจริงแล้วครับ 😋😋 โดยจะสังเกตเห็นได้จากทุกที่ในนิวยอร์กจะเต็มไปด้วยสัญญานไฟที่มีลักษณะเป็นกล่องสีเหลืองสดใส ทำให้ง่ายต่อการเห็น เวลาจะข้ามถนนให้ดูถนนทางขวาก่อนเนื่องจากการขับรถที่อเมริกานั้น เป็นทางตรงกันข้ามกับเรา คือรถจะวิ่งในเลนขวาครับ ยังไงข้ามถนนก็ดูรถกันดีดีครับ
อุตส่าตื่นเช้าเราแวะมา Flatiron กันแต่เช้าเลยครับ จะได้มุมแบบนี้ต้องรอสัญญาณไฟแดงก่อนนะครับ
Flatiron เป็นอีกตึกที่เราชอบมากทุกอย่างมันดูลงตัวมากครับ คือตึกมันมีสเน่ห์ของมันอย่างเหลือเชื่อครับ
เช้าวันที่ 25 December หรือวัน Christmas เราก็จะมาเดินเล่นรอบๆ เมืองกันครับ ปิดเกือบทุกที่ครับ เพราะฝรั่งเขาจะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวกันครับ 😁😁 ช่วงเช้าเลยขอโอกาสแวะมาใต้ตึกเอ็มไพร์สเตทซึ้งเป็นหนึ่งในตึกที่สำคัญแห่งหนึ่งในอเมริกาเลยทีเดียว
ต่อมาขอแว๊ปมาที่สถานี Grand central กันครับ อยากได้มุมแบบ Glossip girl บ้างอะไรบ้างครับ 😋😋
เป็นสถานีที่ค่อนข้างจะคลาสสิกมากครับ ในสถานีนี้มีทุกอย่างครับ ร้านค้า ร้านอาหาร แม้แต่ apple store ก็มีครับ ซึ่งในสถานีแห่งนี้คือหนึ่งในที่ๆขึ้นชื่อว่า วุ่นวายที่สุดในโลกครับ แต่การได้ไปยืนนิ่งๆท่ามกลางฝูงคนที่เคลื่อนไหวกันอย่างขวักไขว่ ก้เป็นความรู้สึกเหมือนโลกของเราหยุดหมุนไปชั่วขณะแล้วครับ
เราอาจจะคุ้นเคยกับ Grand Central Station ในหนังหลายๆ เรื่องครับ เช่น Before we go และ ซีรีย์ Glossip girl ครับ
Hello upper east siders xoxo
อันนี้เป็นความลับอย่างหนึ่งของ Grand Central station ที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยรู้มาก้อนครับ เรียกว่า Whispering wall วิธีก็คือ เรากับเพื่อนสามารถสื่อสารกันผ่านทางเสาได้ครับ เหมือนในรูป คือเรากับเพื่อนจะยืนกันคนละมุมเสา แล้วให้แต่ละฝ่ายสลับกันพูดและฟังครับ ผลคือเราสามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายผ่านทางซอกเสานี้ได้ครับ แปลกแต่จริงครับบบ แนะให้ลองดูได้เลยยย
บรรยากาศของห้าง Saks fifth avenue ช่วงเทศกาลมันก็จะชิคๆ หน่อยครับ ด้านหน้าโดยรอบของห้าง จะมีแบรนด์ต่างๆมาประดับหน้าต่าง display กันอย่างอลังการเลยครับ😁😁
ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีสีสรรที่สุดของปี แต่ละห้างก็จะแข่งกันจัด Window display กันครับ สำหรับวันที่ 25 Dec ที่ที่ห้างจะปิดหมด เราสามารถเดินดู Display รอบๆ เมืองได้เลยครับ
ลานสเก็ต Rockefeller center เป็นสถานที่ยอดฮิตอีกที่หนึ่งสำหรับช่วงเทศกาลครับ แต่สำหรับผม ขอแค่ได้ชิมบรรยากาศรอบๆ ก็สนุกแล้วครับ เพราะคนต่อแถวเล่นกันเยอะมาก ๆ ครับ
ขอยืนสูดอากาศหนาว ๆ สักนิด
และที่นี่คือป่ากลางเมืองแห่งนครนิวยอร์กครับ ในวันคริสต์มาสคนก็จะเยอะหน่อยครับ เพราะทุกห้างปิดหมด นักท่องเที่ยวแบบเรา ๆ ก็ขอเดินชิลกันที่นี่ครับ ฮ่าา
วันแรกๆ ขอโพสเบาๆ พอจ้าาาา
Bethesda Fountain Terrace ครับ สำหรับแฟน ๆ Glossip girl อาจจะคุ้นเคยเป็นพิเศษครับ
ลงบันไดมาจะเป็นแบบนี้เลยครับ สวยคลาสสิกมาก ๆ ครับ
เดินมาเรื่อย ๆ เราจะเจอ The Met หรือ Metropolitan of art กันครับ ที่นี้เป็นพิพิธพัณธ์ศิลปะที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโลกครับ แต่น่าเสียดายครับที่เรามากันวันคริสต์มาส เลยอดเข้าไปเยี่ยมชมกันครับ
ขอแอคเป็น Blair Waldorf สักหน่อยครับ
แวะมาเยี่ยมชมตึก Chrysler กันครับ
สำหรับวันนี้ผมขอว๊าปมาที่น้ำตก Niagara Falls อันเลี่องชื่อกันครับ ซึ่งการเดินทางมาที่นี้ยากลำบากมากครับ จากนิวยอร์กถ้านั่งรถบัสหรือซื้อทัวร์มา ก้เดินทางประมาน 6-8 ชั่วโมงแล้ววว
ต้องบอกว่าช่วงที่เรามาเป็นฤดูหนาว ซึ่งน่าจะเป็นช่วง low season ของน้ำตกครับ เพราะหนาวมากกกกกกก มือแข็งจนไม่อยากยกกล้องเลยครับบบบ
ในส่วนของเสื้อผ้า ห่อตัวเป็นเพนกวิ้นเลยครับ ใครที่มาหน้าหนาวต้องจัดเต็มนิดนึงครับ อากาศจะอยู่ที่ประมาณ 0 ไปถึง -4 เลยครับ
เดี๋ยวผมจะขอข้ามฝั่งไปเยี่ยมน้ำตกฝั่ง Canada สักนิดครับ แต่สำหรับคนที่จะข้ามมาฝั่งแคนนาดา ต้องมีวีซ่าแคนนาดา หรือขอวีซ่ามาจากประเทศไทยนะครับ เพราะวีซ่าอเมริกาอย่างเดียวไม่สามารถเข้าแคนนาดาได้ครับ
ในส่วนของทางฝั่ง Canada ต้องบอกว่าเว่อวังกว่าฝั่งอเมริกามาก ๆ ครับ ไม่ใช่แค่น้ำตกครับ บ้านเมืองก็เช่นกัน ฮ่าา
ฝั่ง Canada เราจะเห็นน้ำตกในมุมที่เป็นเกือกม้าชัดเจนกว่าฝั่งอเมริกาครับ และอีกอย่างคือ ใกล้น้ำตกมากกกก ไม่ต้องกดซูมครับ แต่ว่า!!! เปียกมากครับ ละอองน้ำแรงมาก เปียกหัวจรดเท้าครับ ฮ่าา
วันต่อมา ขอว้าปมาต่อกันที่ Boston ครับ
ใครที่มาเยี่ยม Boston เราแนะนำว่าต้องมาเดินที่ตลาด Quincy Market ครับ ภายในตลาดมีทั้งของกิน ของฝาก เดินวน ๆ อยู่นานเหมือนกันครับ
Oyster เค้าเด็ดมากกกก ติดใจแน่นอนครับ
และที่นี่คือจตุรัสภูมิพลสแควร์ เป็นที่ซึ่งทำให้ชาวไทยในต่างแดนและชาวไทยทุกคนที่มาเยี่ยมชมนั้นรู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างยิ่งครับ
มาเยี่ยม Harvard University กันครับ แม้จะมาเรียนไม่ได้ ขอแค่ก้าวเท้ามาในมหาลัยได้ก็ยังดีครับ ฮ่าา
และนี่คือ รูปปั้นของ John Harvard ครับ เราเชื่อว่าถ้าใครได้ถูเท้าซ้ายของรูปปั้นนั้นจะทำให้โชคดีครับ
อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก MIT หรือ Massachusetts Institute of Technology ครับ มหาลัยเด็กเก่ง ตึกมันก็จะชิค ๆ อีกเช่นเคยครับ
เรามาต่อกันที่ Part 2 เลยครับ
https://ppantip.com/topic/39048542