สวัสดีค่ะ ตั้งกระทู้เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเพื่อน ๆ คะ เราเป็นผู้เสียหายในคดีลักทรัพย์นายจ้างคะ เราเปิดร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยงโดยจ้างพนักงานขาย ให้ขายของในร้านคะ มีกล้องวงจรปิด เนื่องจากเราทำงานประจำทำให้ไม่ได้อยู่เฝ้าร้านเอง จึงต้องให้ลูกน้องอยู่คนเดียวคะ ตอนเย็นถึงจะเข้าร้าน เรื่องมีอยู่ว่า เราไปไม่ได้เปิดกล้องดูประมาณหนึ่งเดือน เนื่องจากงานยุ่งมากๆ พอมาตรวจสอบจึงพบความผิดปกติของสินค้า พบว่าจำเลยขายสินค้าไปแล้วเอาเงินที่ได้จากการขายสินค้าไปเก็บเป็นของตัวเองคะ จึงได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับจำเลย จำเลยโกหกซ้ำซ้อนคะ ไม่ตรงกับภาพที่เห็นจากกล้องวงจรปิด หลังจากน้ั้นก็สอบถามว่าทำอะไรไปบ้าง ให้บอกมาถ้ารับได้ คุยกันได้ก็จะจบให้ จำเลยแจ้งว่าก็เอาไปอย่างเดียวแหละอย่างที่เห็น ถ้ามีหลักฐานก็แจ้งความสิ เงินที่เบิกเกินระหว่างทำงานก็จะไม่ใช้ (ให้เบิกเงินไประหว่างทำงานเกือบ 20,000 บาท คะ อาทิเช่น เอาไปใช้ดาวน์เครื่องปรับอากาศให้สามี เราให้ค่าแรง 350 บ. ไม่เคยหักเลยสักวัน เนื่องจากกลัวว่าจำเลยจะไม่มีใช้จ่ายในครอบครัว) จะเอาเงินส่วนนี้ไปต่อสู้คดี หลังจากนั้นได้ตรวจสอบย้อนหลังจึงพบว่าจำเลยกระทำความผิดอีกเกือบ 40 วัน ค่าเสียหายเกือบ 15,000 บาท และมีจำเลยร่วมที่เป็นเยาวชนอีกหนึ่งคนซึ่งแยกดำเนินคดีต่างหากแล้ว คดีอยู่ในชั้นศาล จำเลยให้การปฏิเสธ
จำเลยอ้างต่อศาลว่านายจ้างประมาทเลินเล่อ บกพร่องในการเช็คสินค้าเอง จำเลยไม่ได้ลักเอาสินค้าไป อีกอย่างสินค้าที่หายเนื่องจากงูเข้าไปกิน คะ (งูเคยเข้าร้านคะเนื่องจากสภาพแวดล้อมของร้านเป็นที่ชื้นมีแม่น้ำ) เพื่อนๆ มีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างคะ (เอ่อ !!! เราผิดใช่ไหมค่ะที่เปิดช่องให้จำเลยสามารถกระความผิดได้)
คำแก้ตัวของจำเลยในคดีลักทรัพย์