สวัสดีครับกลับมาอีกครั้งนึง หลังจากรีวิวครั้งที่แล้ว เราได้แนะนำที่เที่ยว Komodo Island ไปแล้ว พอเสร็จจาก trip 2วัน 1 คืน สามารถอ่านย้อนหลังได้ตาม link ด้านล่างเลยครับ
https://m.ppantip.com/topic/39030845
เราก็เดินทางต่อเพื่อที่จะมาเที่ยวที่ Kelimutu Lake ช่วงเวลาในการเดินทางคือ 29-30 June 19 ครับ โดยเหมารถจากโรงแรมที่พัก Labuan Bajo มายังสนามบิน ค่าใช้จ่ายคือ IDR50,000 อันนี้ต้องต่อรองนะครับ ไม่งั้นโดนเรียก 80,000 แน่นอน หลังจาก Check Out ตอน 6โมงเช้า เราขึ้นเครื่องตอน 07.30 เพื่อเดินทางมาที่สนามบิน Ende ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ นักท่องเที่ยวที่จะมาที่นี่มีเหตุผลอย่างเดียวเลยคือ มาขึ้น Kelimutu ครับ เพราะถือเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของที่นี่
แต่ว่า Kelimutuไม่ได้อยู่ที่เมือง Ende นะครับจริงๆแล้วอยู่ที่เมือง Moni ซึ่งอยู่ห่างจาก Ende ประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง หากเดินทางด้วยรถยนต์ ดังนั้นเราจึงต้องเหมารถ จากสนามบินมาที่เมืองนี้ ซึ่งทางเราได้ทำการแจ้งกับทางโรงแรม Kelimutu Eco lodge ไว้ว่าให้เตรียมรถมารับเราไว้ด้วย ค่าใช้จ่ายจากสนามบินไป Moni เท่ากับ IDR 500,000 ถือว่าสูงเอาการนะครับ แต่ก็ต้องเตรียมการไว้เพราะเราไม่มั่นใจว่า หากถึงสนามบินแล้วเหมารถไปจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
พอลงเครื่องก็มีพนักงานโรงแรมถือป้ายชื่อเราไว้ชัดเจนครับสบายเลย พอขึ้นรถเราขอให้เค้าพาเราไป Saga และ Wologai Village ก่อนเข้าที่พัก เพราะยังไงก็ต้องผ่าน 2 จุดนี้แน่นอน เนื่องจาก เมือง Ende และ Moni ไม่ได้มีที่เที่ยวมากนัก จะมีก็แค่ 2 จุดนี้นอกเหนือจาก Kelimutu ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่แรกเลยคือ Saga village ครับ ขับรถมาไม่นานก็ถึงครับ ผมว่าประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง จริงๆแล้วไม่ได้มีค่าเข้าชมแต่อย่างใดครับ แต่มีหัวหน้าหมู่บ้านคอยอธิบายประวัติความเป็นมา ฟังๆไปก็เพลินครับ รู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง สุดท้ายเหมือนเป็นธรรมเนียมที่ต้องให้ค่าน้ำร้อนน้ำชาครับ เดี่ยวเสียเชิง เราให้ไป 50,000 ก็ถือว่าไม่น้อยนะครับ เราถ่ายรูปอยู่ที่นี่ประมาณ 45นาที ก็เพียงพอครับ ไม่ได้มีจุด Highlight มากมาย และเนื่องจากเป็นตอน 10โมงเช้า แดดค่อนข้างแรงครับ แสงแข็งมาก ถ่ายออกมาไม่ค่อยสวยมากนัก
ถัดจาก Saga village เราเดินทางต่อมาอีกนิดก็ถึง Wologai Village ที่นี่มีการเก็บค่าเข้าคนล่ะ 20,000 นะครับ ผมว่าเค้าจัดการค่อนข้างดี เหมือนทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะ บริเวณรอบๆก็เรียบร้อยสะอาดตาดีมากครับ คุณตา ยาย ที่เราเจอก็เป็นมิตรมากถึงจะคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่ ใช้เวลาอยู่ที่นี่เกือบชั่วโมงนะครับ เพราะสถานที่สวยกว่า Saga พอสมควร
เราเดินทางต่อก็มาถึงที่พักครับ จะบอกว่า โรงแรมที่พักนี้น่าจะดีสุดแล้วในบริเวณนี้ครับ เพราะที่อื่นเหมือนเป็น Homestay เลย แต่ถ้าใครชอบแบบนั้นก็ลองดูได้ หลัง check in ได้ไม่นาน เราเหมารถทางโรงแรมขึ้น keimutu เพื่อไปดู sun set ครับ เพราะเค้าบอกว่าหากต้องการดูสีของทะเลสาบแบบชัดๆ ขึ้นไปตอนเย็นดีกว่า ไม่รู้จริงมั้ย แต่เราก็ลองครับมาขนาดนี้แล้ว อีกอย่างจะได้ไปดูจุดถ่ายรูปสำหรับวันพรุ่งนี้ไปด้วยเลย เค้าคิดค่าใช้จ่ายต่อครั้งคือ 500,000 ถ้าไปพรุ่งนี้เช้าอีก ก็จ่ายอีก 500,000 ออกจากทีพักตอน บ่าย 3 ครึ่ง นั่งรถมา 30นาที ก็ถึงอุทยานครับ ระยะทางประมาณ 14km ซึ่งก็เหมือนอุทยานบ้านเราครับ นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียค่าธรรมเนียมสูงกว่าปกติ ต้องจ่ายคนล่ะ IDR 150,000 และต้องเสียค่าจอดรถด้วยนะครับอันนี้น่าจะ 10,000 ตั้งแต่จุดจอดรถจนถึงยอดภูเขาใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาที แถมเดินไม่ยากมากครับ แอบเหนื่อยนิดๆเหมือนกัน เรามาถึงยอดตอน 16.30 แดดค่อนข้างแรงครับ ถ่ายอะไรไม่ค่อยได้ จึงต้องรออย่างเดียว พระอาทิตย์ตกตอนเวลา 18.05 แสดงว่าเราน่าจะเริ่มถ่ายได้ประมาณ 17.30 อันนี้คิดเอาเองนะครับ เดี่ยวดูหน้างานอีกที
ใครชอบถ่ายรูป ผมพบว่าช่วงเวลาที่ดีคือตอน 17.30-18.00 ครับ แต่อุทยานปิดตอน 18.00 ซึ่งเวลาน้อยมาก เราเลยจะกลับมาแก้ตัวใหม่ตอนเช้าพรุ่งนี้แทนครับ
เช้าถัดมาตื่นมาตี 4 ออกเดินทาง 04.30 ผมย้ำนะครับว่า อากาศข้างบนหนาว และ มีลม ต้องใส่เสื้อกันหนาวและต้องใส่เสื้อกันลมทับอีกชั้นนะครับ ไม่งั้นแย่แน่นอน เราลืมใส่เสื้อกันลมครับ เลยยืนหนาวอยู่นานเลย คนส่วนใหญ่ก็เริ่มเดินพร้อมๆกันกับเรานี่แหละครับ แต่วันนี้โชคร้ายคือหมอกเยอะมากครับ ขนาด 6โมงครึ่ง หมอกยังหนาอยู่เลย เราจึงไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นครับ ต้องรออีกเป็นชั่วโมงกว่าจะเห็นปากปล่องเหมือนเมื่อวานเย็น ในใจก็คิดว่าดีแล้วนะที่เมื่อวานเย็นเรามารอบนึงแล้ว ไม่งั้นเสียดายแน่เลย เริ่มถ่ายภาพได้ตอน 7 โมงกว่าครับ
ผมชอบภาพแบบที่เห็น scale มากครับ อย่างภาพด้านบน ฝรั่ง 2 คนพร้อมลูกยืนมองปากปล่อง ผมเห็นว่ามันสวยดีจึงใช้เลนส์ 75-150mm ซูมจนสุดเพื่อให้เห็นว่า ปากปล่องมีขนาดใหญ่ขนาดใหน ออกมาผมชอบเลย อีกภาพที่เห็น scale ของคนเทียบกับภูเขาไฟ ดูด้านล่างเลยครับ
จึงๆแล้วถ่ายช้าไปนิดครับ ถ้าถ่ายเร็วกว่านี้คงได้ภาพดีกว่านี้แน่ๆ เราถ่ายภาพจนเพลินครับ จนถึง 9ดมงเช้าจึงเริ่มเดินลง และไปทานอาหารเช้าที่โรงแรม พร้อมกับเริ่มเก็บของเตรียมตัว check out เพื่อวันนี้จะได้ไปนอนพักที่เมือง Ende เพื่อที่จะรอเดินทางกลับไปที่ Bali เช้าวันถัดไปครับ
ติดตาม fb- สองเท้าก้าวเที่ยว เราได้ที่
https://www.facebook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7-856852251132378/
ที่เที่ยว Kelimutu Crater Lake ทะเลสาบ 3 สี
https://m.ppantip.com/topic/39030845
เราก็เดินทางต่อเพื่อที่จะมาเที่ยวที่ Kelimutu Lake ช่วงเวลาในการเดินทางคือ 29-30 June 19 ครับ โดยเหมารถจากโรงแรมที่พัก Labuan Bajo มายังสนามบิน ค่าใช้จ่ายคือ IDR50,000 อันนี้ต้องต่อรองนะครับ ไม่งั้นโดนเรียก 80,000 แน่นอน หลังจาก Check Out ตอน 6โมงเช้า เราขึ้นเครื่องตอน 07.30 เพื่อเดินทางมาที่สนามบิน Ende ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ นักท่องเที่ยวที่จะมาที่นี่มีเหตุผลอย่างเดียวเลยคือ มาขึ้น Kelimutu ครับ เพราะถือเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของที่นี่
แต่ว่า Kelimutuไม่ได้อยู่ที่เมือง Ende นะครับจริงๆแล้วอยู่ที่เมือง Moni ซึ่งอยู่ห่างจาก Ende ประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง หากเดินทางด้วยรถยนต์ ดังนั้นเราจึงต้องเหมารถ จากสนามบินมาที่เมืองนี้ ซึ่งทางเราได้ทำการแจ้งกับทางโรงแรม Kelimutu Eco lodge ไว้ว่าให้เตรียมรถมารับเราไว้ด้วย ค่าใช้จ่ายจากสนามบินไป Moni เท่ากับ IDR 500,000 ถือว่าสูงเอาการนะครับ แต่ก็ต้องเตรียมการไว้เพราะเราไม่มั่นใจว่า หากถึงสนามบินแล้วเหมารถไปจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
พอลงเครื่องก็มีพนักงานโรงแรมถือป้ายชื่อเราไว้ชัดเจนครับสบายเลย พอขึ้นรถเราขอให้เค้าพาเราไป Saga และ Wologai Village ก่อนเข้าที่พัก เพราะยังไงก็ต้องผ่าน 2 จุดนี้แน่นอน เนื่องจาก เมือง Ende และ Moni ไม่ได้มีที่เที่ยวมากนัก จะมีก็แค่ 2 จุดนี้นอกเหนือจาก Kelimutu ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่แรกเลยคือ Saga village ครับ ขับรถมาไม่นานก็ถึงครับ ผมว่าประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง จริงๆแล้วไม่ได้มีค่าเข้าชมแต่อย่างใดครับ แต่มีหัวหน้าหมู่บ้านคอยอธิบายประวัติความเป็นมา ฟังๆไปก็เพลินครับ รู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง สุดท้ายเหมือนเป็นธรรมเนียมที่ต้องให้ค่าน้ำร้อนน้ำชาครับ เดี่ยวเสียเชิง เราให้ไป 50,000 ก็ถือว่าไม่น้อยนะครับ เราถ่ายรูปอยู่ที่นี่ประมาณ 45นาที ก็เพียงพอครับ ไม่ได้มีจุด Highlight มากมาย และเนื่องจากเป็นตอน 10โมงเช้า แดดค่อนข้างแรงครับ แสงแข็งมาก ถ่ายออกมาไม่ค่อยสวยมากนัก
ถัดจาก Saga village เราเดินทางต่อมาอีกนิดก็ถึง Wologai Village ที่นี่มีการเก็บค่าเข้าคนล่ะ 20,000 นะครับ ผมว่าเค้าจัดการค่อนข้างดี เหมือนทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะ บริเวณรอบๆก็เรียบร้อยสะอาดตาดีมากครับ คุณตา ยาย ที่เราเจอก็เป็นมิตรมากถึงจะคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่ ใช้เวลาอยู่ที่นี่เกือบชั่วโมงนะครับ เพราะสถานที่สวยกว่า Saga พอสมควร
เราเดินทางต่อก็มาถึงที่พักครับ จะบอกว่า โรงแรมที่พักนี้น่าจะดีสุดแล้วในบริเวณนี้ครับ เพราะที่อื่นเหมือนเป็น Homestay เลย แต่ถ้าใครชอบแบบนั้นก็ลองดูได้ หลัง check in ได้ไม่นาน เราเหมารถทางโรงแรมขึ้น keimutu เพื่อไปดู sun set ครับ เพราะเค้าบอกว่าหากต้องการดูสีของทะเลสาบแบบชัดๆ ขึ้นไปตอนเย็นดีกว่า ไม่รู้จริงมั้ย แต่เราก็ลองครับมาขนาดนี้แล้ว อีกอย่างจะได้ไปดูจุดถ่ายรูปสำหรับวันพรุ่งนี้ไปด้วยเลย เค้าคิดค่าใช้จ่ายต่อครั้งคือ 500,000 ถ้าไปพรุ่งนี้เช้าอีก ก็จ่ายอีก 500,000 ออกจากทีพักตอน บ่าย 3 ครึ่ง นั่งรถมา 30นาที ก็ถึงอุทยานครับ ระยะทางประมาณ 14km ซึ่งก็เหมือนอุทยานบ้านเราครับ นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียค่าธรรมเนียมสูงกว่าปกติ ต้องจ่ายคนล่ะ IDR 150,000 และต้องเสียค่าจอดรถด้วยนะครับอันนี้น่าจะ 10,000 ตั้งแต่จุดจอดรถจนถึงยอดภูเขาใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาที แถมเดินไม่ยากมากครับ แอบเหนื่อยนิดๆเหมือนกัน เรามาถึงยอดตอน 16.30 แดดค่อนข้างแรงครับ ถ่ายอะไรไม่ค่อยได้ จึงต้องรออย่างเดียว พระอาทิตย์ตกตอนเวลา 18.05 แสดงว่าเราน่าจะเริ่มถ่ายได้ประมาณ 17.30 อันนี้คิดเอาเองนะครับ เดี่ยวดูหน้างานอีกที
ใครชอบถ่ายรูป ผมพบว่าช่วงเวลาที่ดีคือตอน 17.30-18.00 ครับ แต่อุทยานปิดตอน 18.00 ซึ่งเวลาน้อยมาก เราเลยจะกลับมาแก้ตัวใหม่ตอนเช้าพรุ่งนี้แทนครับ
เช้าถัดมาตื่นมาตี 4 ออกเดินทาง 04.30 ผมย้ำนะครับว่า อากาศข้างบนหนาว และ มีลม ต้องใส่เสื้อกันหนาวและต้องใส่เสื้อกันลมทับอีกชั้นนะครับ ไม่งั้นแย่แน่นอน เราลืมใส่เสื้อกันลมครับ เลยยืนหนาวอยู่นานเลย คนส่วนใหญ่ก็เริ่มเดินพร้อมๆกันกับเรานี่แหละครับ แต่วันนี้โชคร้ายคือหมอกเยอะมากครับ ขนาด 6โมงครึ่ง หมอกยังหนาอยู่เลย เราจึงไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นครับ ต้องรออีกเป็นชั่วโมงกว่าจะเห็นปากปล่องเหมือนเมื่อวานเย็น ในใจก็คิดว่าดีแล้วนะที่เมื่อวานเย็นเรามารอบนึงแล้ว ไม่งั้นเสียดายแน่เลย เริ่มถ่ายภาพได้ตอน 7 โมงกว่าครับ
ผมชอบภาพแบบที่เห็น scale มากครับ อย่างภาพด้านบน ฝรั่ง 2 คนพร้อมลูกยืนมองปากปล่อง ผมเห็นว่ามันสวยดีจึงใช้เลนส์ 75-150mm ซูมจนสุดเพื่อให้เห็นว่า ปากปล่องมีขนาดใหญ่ขนาดใหน ออกมาผมชอบเลย อีกภาพที่เห็น scale ของคนเทียบกับภูเขาไฟ ดูด้านล่างเลยครับ
จึงๆแล้วถ่ายช้าไปนิดครับ ถ้าถ่ายเร็วกว่านี้คงได้ภาพดีกว่านี้แน่ๆ เราถ่ายภาพจนเพลินครับ จนถึง 9ดมงเช้าจึงเริ่มเดินลง และไปทานอาหารเช้าที่โรงแรม พร้อมกับเริ่มเก็บของเตรียมตัว check out เพื่อวันนี้จะได้ไปนอนพักที่เมือง Ende เพื่อที่จะรอเดินทางกลับไปที่ Bali เช้าวันถัดไปครับ
ติดตาม fb- สองเท้าก้าวเที่ยว เราได้ที่ https://www.facebook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7-856852251132378/