นี่คือความพยายามครั้งที่ "สี่" ของผมในการพยายามดูแสงกระสืออีกรอบ...
"รอบแรก" นั้น ผมได้ไปดูกับเพื่อนแบบไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ เพราะผมไม่ค่อยสนใจตัวหนังอยู่แล้ว แต่พอดูจบกลับชอบมากพอควรเลย ผมค่อนข้างประทับใจกับความพิถีพิถันในการจัดการงบประมาณของทีมงานในเรื่องนี้ที่สามารถเนรมิต CG ออกมาได้สวยเจริญตามาก
"รอบสอง" ผมนั้นได้เดินทางไปยังโรงหนังเพื่อซื้อตั๋วดู "แสงกระสือ" อีกสักรอบเพื่อเก็บความประทับใจไว้ แต่พอผมดูไปประมาณ 30 นาทีของหนัง ผมดันเกิดอาการ "หลับ" จนไม่สามารถเก็บรายละเอียดของหนังได้
"รอบสาม" ผมก็ชวนเพื่อนไปดูอีกครั้งในราคา 80 บาทวันพุธ แต่ผมก็ประสบปัญหาเดิมนั่นก็คือ "หลับ" คาโรงหนังตั้งแต่ครึ่งเรื่องยันจบ
และพอผมได้มาย้อนดูรอบที่ "สี่" ใน Netflix ครั้งนี้ผมประสบความสำเร็จครับ ผมดูหนังจบ! และการดูครั้งนี้ทำให้ผมกลั่นข้อดีข้อเสียของหนังได้ชัดมากขึ้นอีกด้วย
สาย (ภัณฑิรา พิพิธยากร) เด็กสาวแรกรุ่นในหมู่บ้านอันห่างไกล ผู้ค้นพบความจริงว่า เธอมิได้เป็นมนุษย์เหมือนเช่นคนอื่น หากแต่เธอได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์เก่าแก่ในตำนานที่ถ่ายทอดกันผ่านทางน้ำลาย และเผ่าพันธุ์นั้นคือ…. "กระสือ"
จุดเด่นของ "แสงกระสือ" คืองานด้านภาพครับ ผมว่าคุณสยมภู(Call Me By Your Name, นาคี ๒, Suspiria)ค่อนข้างมีลูกล่อลูกชนของการจัดภาพให้ออกมาดูคลาสสิคและอบอวนไปด้วยความแฟนตาซีเล็กๆ (คล้ายๆ จินตนาการแบบนิยายอ่ะครับ) บวกกับการตีความของผกก. ที่อยากจะตีความกระสือให้ออกมาแบบแฟนตาซีจ๋าไปเลย ทำให้ภาพออกมามันดูเป็นเหมือนเรากำลังดูหนังไซไฟภาพสวยสักเรื่อนึงของ Hollywood อ่ะครับ ประมาณพวก Avatar หรือว่า Valerian อะไรเทือกนั้น และงานด้าน CG ที่เนรมิตออกมาค่อนข้างสวยงาม ดูแล้วเราชอบและอยากเห็นอีกเรื่อยๆ ทั้งเรื่อง มันน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ ครับ
และนักแสดงทุกคนก็เล่นดีตามที่บทจะส่งครับ ซึ่งสามตัวละครหลักก็จะมีอะไรให้เล่นเยอะหน่อย แต่พวกเขาก็สามารถรับบทที่พวกเขาได้และถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดีมากๆ โดยเฉพาะมินนี่ ภัณฑิรา ในบทสายที่นับว่าน่าพึงพอใจมากๆ สำหรับหนังใหญ่เรื่องแรก ส่วนนักแสดงท่านอื่นก็ทำได้ดีเท่าที่บทจะอำนวย
แต่ผมว่าหนังจะติดปัญหาตรงที่ "การดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างช้า" เนี่ยแหละ ผมไม่ได้ว่ามันน่าเบื่อนะครับ ยอมรับว่าผมอาจจะผลอยหลับไปบางช่วงบ้างแต่ผมว่าหนังมีลูกเล่นอื่นๆ แทรกเข้ามาทำให้เรายังอยู่กับหนังได้ แต่ผมว่าบางวาระหนังแอบเนือยและประเด็นหนังเริ่มวนในอ่าง นั่นเป็นสาเหตุที่ผมหลับในโรงถึงสองครั้งเพราะความอ้อยอิ่งของหนัง บางฉากก็แอบคิดว่าทำไมฉากนี้มันนานจังวะ!
และปัญหาเล็กๆ ของ "ความเชื่อมต่อของบท" ทำให้คนดูอาจจะคิดว่ามันรั่วก็ได้ หนังได้มีการเล่าอธิบายเป็นแบบ flashback ที่ค่อนข้างไว ทำให้เราไม่สารถรับรู้ได้ชัดเจนว่าตกลงฉากนั้นมันอะไรกันแน่?
หนังอาจจะมีรูรั่วเยอะระหว่างเรื่อง(เพียงแต่รูมันไม่ได้ใหญ่จนขัดใจ) ฉะนั้นผมเลยไม่สามารถพูดได้เต็มปากครับว่าหนังมันสมบูรณ์แบบ แต่ว่าหนังก็เป็นหนังไทยอีกเรื่องที่ทำออกมาดีในระดับที่น่าพึงพอใจ ยอมรับว่ามีบางวาระที่หนังมันเนือยๆ หรือว่าประเด็นมันจะวนอยู่กับที่หน่อยก็เหอะ แต่ว่าหนังมีงานภาพที่ดี CG ที่ค่อนข้างสวย และทีมนักแสดงที่แบกหนังไว้จนน่าชื่นชม ผมก็อยากจะแนะนำให้ทุกคนลองลิ้มรสดูได้ครับ เป็นหนังผี(ที่ไม่ค่อยมีความเป็นหนังผี)อีกเรื่องที่น่าสนใจและเหมาะสมกับการดูกันหลายคนครับ จะได้พูดคุยกันได้สนุกปาก
ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ ผมว่าตอนนี้(ตอนที่ผมกำลังนั่งเขียนรีวิวอยู่นี้)ผมเริ่มสงสาร "กระสือสยาม" เสียแล้วสิ ทุกวันนี้ผมพูดถึงแสงกระสือทีไรต้องมีคนแทรกขึ้นมาทันทีว่ากระสือสยามไม่ค่อยดีเท่าแสงกระสือ ในความคิดผมแล้ว หนังทั้งสองเรื่องมีจุดดีและจุดด้อยที่ต่างกันไปครับ
แสงกระสือ : มีความดีงามในด้านภาพ CG และนักแสดงที่ค่อนข้างดี แต่ว่าการดำเนินเรื่องช้าและบทที่อาจจะมีช่องโหว่บ้างเล็กๆ น้อยๆ ภาพรวมคือดี
กระสือสยาม : มีบทที่น่าสนใจในการตีความกระสือให้เป็นแบบมอนสเตอร์ ลูกบ้าเยอะ ไอเดียดีมาก การแสดงก็ดี แต่ CG และงานภาพค่อนข้างด้อย
หักลบกลบล้างกันแล้วผมว่าหนังทั้งสองเรื่องมีความดีความชอบที่ต่างกันแต่ว่ามีในปริมาณที่เท่ากันครับ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับรสนิยมครับ ถ้าถามผม ผมว่าผมชอบ "กระสือสยาม" มากกว่า "แสงกระสือ" อยู่เล็กน้อย เพราะผมชอบอะไรที่แปลกใหม่ครับ มันสร้างสรรค์ดี แต่สำหรับ "แสงกระสือ" นี้ ผมชอบนะ แต่ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ กระนั้นหนังก็ยังคุ้มค่าสำหรับการดูทั้งสองเรื่องครับ
คะแนนเฉลี่ยรวม : 8/10
เรตหนัง : หนังดีที่ควรดู
[CR] [##REVIEW##] แสงกระสือ (2019) Inhuman Kiss + ความเห็นสั้นๆ ต่อ "กระสือสยาม" | รักสามเส้า เราสามคน [ไร้ส้มป่อย]
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม