Jerry Maguire เทพบุตรรักติดดิน (1996) เมื่อทอม ครูซในคาบผู้จัดการนักกีฬาตกอับมารักกับแม่หม้ายลูกหนึ่ง
เมื่อวานนี้ผมทำการรีวิวหนังเก่าเรื่อง Eyes Wide Shut พิษราคะ (1999) หนังที่ ทอม ครูซ แสดงนำคู่กับอดีตภรรยาในชีวิตจริงของเขา ณ ตอนนั้น อย่าง นิโคล คิดแมน สามารถเข้าไปดูย้อนหลังในหน้ากระทู้ของผมได้นะครับ
วันนี้มาต่อกับหนังของ Mister Tom Cruise เมื่อวานมาแนวหนัง Thriller, Mystery, Erotic เครียดๆตึงๆ วันนี้มาสไตล์หนังเบาๆ น่ารักๆ อย่างเรื่อง Jerry Maguire เทพบุตรรักติดดิน (1996) หนังเก่าที่โด่งดังเป็นอีกผลงานการแสดงที่ดีของ ทอม ครูซ เรื่องนี้เป็นหนังแนว Drama, Comedy, Romance, Family แต่ไม่ได้เน้นดราม่ามากมาย เน้นตลกกับโรแมนติกซะมากกว่า
Jerry Maguire เป็นผลงานการกำกับของ Cameron Crowe ที่หลังจากเรื่องนี้ถัดไป 5 ปี ในปี 2001 เขากับทอม ก็กลับมาร่วมงานกันอีกในหนังแนวทริลเลอร์-โรแมนติก remake จากหนังเวอร์ชั่นสเปน เรื่อง Vanilla Sky ซึ่งเดี๋ยวอีกไม่นานผมมารีวิวแน่ๆสำหรับหนังเรื่องนี้
หนังเรื่องนี้ ทอม ครูซ ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมอีกด้วย และเป็นครั้งที่ 2 ที่เขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ก่อนหน้านั้นเขาเคยถูกเสนอชื่อมาในหนังแนวดราม่าเรื่อง Born On The Fourth Of July (1989) แต่ก็น่าเสียดายที่พี่ทอมแกพลาดรางวัลไป อาจเนื่องด้วยการแสดง over acting มากไปในบางฉากของแก ที่ทำให้ดูไม่ smooth กับเนื้อเรื่อง แต่เรื่องนี้อีกคนที่มาขโมยซีนของทอมเลย คือ Cuba Gooding, Jr. ที่แสดงได้ดีและดูตลกเป็นธรรมชาติมาก การแสดงเรื่องนี้ของแก ทำให้แกสามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงชายสมทบยอดเยี่ยมได้ รวมถึงเรื่องนี้ทำให้ผมหลงรักและติดตามผลงานต่อๆมาของนางเอก Renee Zellweger อีกด้วย
หนังเล่าเรื่องราวของหนุ่มบ้างานคนหนึ่ง เจอร์รี่ แม็คไกวร์ เขาเป็นผู้จัดการส่วนตัวดูแลทุกอย่างทุกเรื่องให้กับนักกีฬา พูดง่ายๆแกก็เหมือน พี่เอ ศุภชัย ผู้จัดการส่วนตัวให้กับดารา แต่เรื่องนี้พี่ทอมแกแค่ดูแลนักกีฬา เจอร์รี่นั่นดูเพอร์เฟ็กต์หมดทุกอย่าง ทั้งการงาน ด้านความรัก และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดูสุขสบาย แต่ทว่าเขากลับปิ๊งไอเดียระห่ำๆของเขาขึ้นมา และทำการตีพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่งขึ้น เขียนเกี่ยวกับการดูแลเอาใส่ใจลูกค้า พวกนักกีฬา ที่ในแถลงการณ์ของเขา ดันไปส่งผลกระทบกับพวกพนักงานเพื่อนร่วมงานของเขา
ไม่นานหลังเจอร์รี่ตีพิมพ์แจกจ่ายหนังสือในบริษัทของเขา เขาก็ถูกเพื่อนที่เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนบริษัทของเขาไล่เขาออกกลางคัน เจอร์รี่อยู่ในช่วงสับสน วุ่นวาย มีเพียงแม่หม้ายสาวคนหนึ่ง โดโรธี ที่ยอมลาออกจากงานมาร่วมเป็นร่วมตายเปิดบริษัทใหม่กับเขา เพราะเธอเชื่อในแถลงการณ์ของเจอร์รี่ และแอบหลงรักเขาด้วย
ทั้งคู่ออกมาแบบไม่มีอะไรติดตัวมากมาย ทั้งเงินทอง ทุนเดิม หรือการหาตัวนักกีฬาที่ต้องการให้เขามาเป็นหุ้นส่วนดูแลเรื่องส่วนตัว ทุกอย่างมันยากหมด แถมเจอร์รี่ยังถูกแฟนที่คบกันขอเลิก ก่อนจากนางก็ซัดไปหนึ่งหมัดให้เจอร์รี่ จนกระทั่งเจอร์รี่ได้ไปติดต่อขอทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับ นักอเมริกันฟุตบอลผิวสีคนหนึ่ง ที่กำลังตกอับเช่นกัน ที่ก่อนหน้าเจอร์รี่เคยตื้อมาแล้วแต่ไม่ได้ผล แต่ในครั้งนี้ทั้งคู่กลับต้องมาช่วยกัน ในฐานะตกอับในการงานทั้งคู่
เจอร์รี่ต้องมาตั้งหลักปักฐานใหม่กับโดโรธี และนักกีฬาคนหนึ่งคนเดียวที่เป็นลูกค้าเขา กับความหวังใหม่ที่จะขึ้นไปสู่การเอาชนะพวกเพื่อนๆที่ดูถูกดูแคลงเขาให้ได้ และนี้ก็เป็นเส้นทางที่ทำให้เจอร์รี่ พบรักครั้งใหม่และการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ที่ไม่ต้องดูเป๊ะ ตึงเครียด ดูดีตลอดกับงานแบบเขา
หนังทำออกมาได้น่ารักมากๆครับ มีหลาย moment ที่ชวนให้คนดูอินกับตัวละครได้ไม่ยาก ทั้งเศร้า ตลก ฮา และมีช่วงดราม่านิดๆหน่อยๆ ด้วยการแสดงของนักแสดงด้วย ถึงตัวพระเอก ทอม ครูซ พี่แกจะดูแอ็คติ้งมากไปหน่อยในบางฉากก็ตาม แต่โดยรวมตัวนักแสดงก็แสดงดี ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ดูติดบทเก่าๆจากหนังเรื่องอื่น ดูเป็นตัวละครนั้นจริงๆ นางเอกก็แสดงได้น่ารักมาก แอบหลงรักพระเอกทั้งเรื่อง ทำหน้าตาแบบว่า "เมื่อไหร่เธอจะหันมาสนใจฉัน" ทำนองนี้ และตัวนักแสดงเด็กในเรื่อง ที่แสดงเป็นลูกติดของนางเอก คือ แอบมาขโมยซีนหลายฉากนะ น่ารักมากทั้งหน้าตาและบุคคลิก เวลาเข้าซีนกับ ทอม ครูซ ดูเหมือนเป็นพ่อลูกกันไงอย่างงั้น
หนังไม่ได้ใช้เทคนิคพิเศษด้านการถ่ายภาพอะไรมากมาย มีช่วงที่ทำภาพดูมืดมนนิดๆ และมาใช้แสงถ่ายที่ทำให้ดูสดใส เป็นหนังแนวดราม่า โรแมนติก น่ารักๆ เน้นการให้คนดูอินกับตัวพระนางมากกว่า เพลงประกอบเรื่องนี้ก็ใส่มาเข้ากับตัวหนัง และไม่ได้ใส่มาฟังแล้วดูมากไป และซีนระดับตำนานในเรื่องที่ทุกคนจำได้ดีคือ ซีนที่เจอร์รี่พูดว่า "Show me the money." ที่ดูแล้วแกบ้าดี กับฉากสุดท้ายพูดสั้นๆ แต่โคตรซึ้ง "You Complete Me."
โดยรวมผมชอบหนังเรื่องนี้มากครับ เกิดดูไม่ได้ แต่ผ่านไป 10 กว่าปีหลังหนังฉาก ซื้อแผ่น DVD มาดู ก็รู้สึกคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปครับ ส่วนหนึ่งอาจจะตัวพี่ ทอม ครูซ ดาราขวัญใจผมแสดงด้วย แกดึงดูดให้ดูหนังจนจบได้ดี เรื่องนี้ผมให้คะแนน 8.5/10 ครับ
รีวิวโดย เจสัน ตอง
Jerry Maguire เทพบุตรรักติดดิน (1996) เมื่อทอม ครูซในคาบผู้จัดการนักกีฬาตกอับมารักกับแม่หม้ายลูกหนึ่ง
วันนี้มาต่อกับหนังของ Mister Tom Cruise เมื่อวานมาแนวหนัง Thriller, Mystery, Erotic เครียดๆตึงๆ วันนี้มาสไตล์หนังเบาๆ น่ารักๆ อย่างเรื่อง Jerry Maguire เทพบุตรรักติดดิน (1996) หนังเก่าที่โด่งดังเป็นอีกผลงานการแสดงที่ดีของ ทอม ครูซ เรื่องนี้เป็นหนังแนว Drama, Comedy, Romance, Family แต่ไม่ได้เน้นดราม่ามากมาย เน้นตลกกับโรแมนติกซะมากกว่า
Jerry Maguire เป็นผลงานการกำกับของ Cameron Crowe ที่หลังจากเรื่องนี้ถัดไป 5 ปี ในปี 2001 เขากับทอม ก็กลับมาร่วมงานกันอีกในหนังแนวทริลเลอร์-โรแมนติก remake จากหนังเวอร์ชั่นสเปน เรื่อง Vanilla Sky ซึ่งเดี๋ยวอีกไม่นานผมมารีวิวแน่ๆสำหรับหนังเรื่องนี้
หนังเรื่องนี้ ทอม ครูซ ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมอีกด้วย และเป็นครั้งที่ 2 ที่เขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ก่อนหน้านั้นเขาเคยถูกเสนอชื่อมาในหนังแนวดราม่าเรื่อง Born On The Fourth Of July (1989) แต่ก็น่าเสียดายที่พี่ทอมแกพลาดรางวัลไป อาจเนื่องด้วยการแสดง over acting มากไปในบางฉากของแก ที่ทำให้ดูไม่ smooth กับเนื้อเรื่อง แต่เรื่องนี้อีกคนที่มาขโมยซีนของทอมเลย คือ Cuba Gooding, Jr. ที่แสดงได้ดีและดูตลกเป็นธรรมชาติมาก การแสดงเรื่องนี้ของแก ทำให้แกสามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงชายสมทบยอดเยี่ยมได้ รวมถึงเรื่องนี้ทำให้ผมหลงรักและติดตามผลงานต่อๆมาของนางเอก Renee Zellweger อีกด้วย
หนังเล่าเรื่องราวของหนุ่มบ้างานคนหนึ่ง เจอร์รี่ แม็คไกวร์ เขาเป็นผู้จัดการส่วนตัวดูแลทุกอย่างทุกเรื่องให้กับนักกีฬา พูดง่ายๆแกก็เหมือน พี่เอ ศุภชัย ผู้จัดการส่วนตัวให้กับดารา แต่เรื่องนี้พี่ทอมแกแค่ดูแลนักกีฬา เจอร์รี่นั่นดูเพอร์เฟ็กต์หมดทุกอย่าง ทั้งการงาน ด้านความรัก และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดูสุขสบาย แต่ทว่าเขากลับปิ๊งไอเดียระห่ำๆของเขาขึ้นมา และทำการตีพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่งขึ้น เขียนเกี่ยวกับการดูแลเอาใส่ใจลูกค้า พวกนักกีฬา ที่ในแถลงการณ์ของเขา ดันไปส่งผลกระทบกับพวกพนักงานเพื่อนร่วมงานของเขา
ไม่นานหลังเจอร์รี่ตีพิมพ์แจกจ่ายหนังสือในบริษัทของเขา เขาก็ถูกเพื่อนที่เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนบริษัทของเขาไล่เขาออกกลางคัน เจอร์รี่อยู่ในช่วงสับสน วุ่นวาย มีเพียงแม่หม้ายสาวคนหนึ่ง โดโรธี ที่ยอมลาออกจากงานมาร่วมเป็นร่วมตายเปิดบริษัทใหม่กับเขา เพราะเธอเชื่อในแถลงการณ์ของเจอร์รี่ และแอบหลงรักเขาด้วย
ทั้งคู่ออกมาแบบไม่มีอะไรติดตัวมากมาย ทั้งเงินทอง ทุนเดิม หรือการหาตัวนักกีฬาที่ต้องการให้เขามาเป็นหุ้นส่วนดูแลเรื่องส่วนตัว ทุกอย่างมันยากหมด แถมเจอร์รี่ยังถูกแฟนที่คบกันขอเลิก ก่อนจากนางก็ซัดไปหนึ่งหมัดให้เจอร์รี่ จนกระทั่งเจอร์รี่ได้ไปติดต่อขอทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับ นักอเมริกันฟุตบอลผิวสีคนหนึ่ง ที่กำลังตกอับเช่นกัน ที่ก่อนหน้าเจอร์รี่เคยตื้อมาแล้วแต่ไม่ได้ผล แต่ในครั้งนี้ทั้งคู่กลับต้องมาช่วยกัน ในฐานะตกอับในการงานทั้งคู่
เจอร์รี่ต้องมาตั้งหลักปักฐานใหม่กับโดโรธี และนักกีฬาคนหนึ่งคนเดียวที่เป็นลูกค้าเขา กับความหวังใหม่ที่จะขึ้นไปสู่การเอาชนะพวกเพื่อนๆที่ดูถูกดูแคลงเขาให้ได้ และนี้ก็เป็นเส้นทางที่ทำให้เจอร์รี่ พบรักครั้งใหม่และการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ที่ไม่ต้องดูเป๊ะ ตึงเครียด ดูดีตลอดกับงานแบบเขา
หนังทำออกมาได้น่ารักมากๆครับ มีหลาย moment ที่ชวนให้คนดูอินกับตัวละครได้ไม่ยาก ทั้งเศร้า ตลก ฮา และมีช่วงดราม่านิดๆหน่อยๆ ด้วยการแสดงของนักแสดงด้วย ถึงตัวพระเอก ทอม ครูซ พี่แกจะดูแอ็คติ้งมากไปหน่อยในบางฉากก็ตาม แต่โดยรวมตัวนักแสดงก็แสดงดี ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ดูติดบทเก่าๆจากหนังเรื่องอื่น ดูเป็นตัวละครนั้นจริงๆ นางเอกก็แสดงได้น่ารักมาก แอบหลงรักพระเอกทั้งเรื่อง ทำหน้าตาแบบว่า "เมื่อไหร่เธอจะหันมาสนใจฉัน" ทำนองนี้ และตัวนักแสดงเด็กในเรื่อง ที่แสดงเป็นลูกติดของนางเอก คือ แอบมาขโมยซีนหลายฉากนะ น่ารักมากทั้งหน้าตาและบุคคลิก เวลาเข้าซีนกับ ทอม ครูซ ดูเหมือนเป็นพ่อลูกกันไงอย่างงั้น
หนังไม่ได้ใช้เทคนิคพิเศษด้านการถ่ายภาพอะไรมากมาย มีช่วงที่ทำภาพดูมืดมนนิดๆ และมาใช้แสงถ่ายที่ทำให้ดูสดใส เป็นหนังแนวดราม่า โรแมนติก น่ารักๆ เน้นการให้คนดูอินกับตัวพระนางมากกว่า เพลงประกอบเรื่องนี้ก็ใส่มาเข้ากับตัวหนัง และไม่ได้ใส่มาฟังแล้วดูมากไป และซีนระดับตำนานในเรื่องที่ทุกคนจำได้ดีคือ ซีนที่เจอร์รี่พูดว่า "Show me the money." ที่ดูแล้วแกบ้าดี กับฉากสุดท้ายพูดสั้นๆ แต่โคตรซึ้ง "You Complete Me."
โดยรวมผมชอบหนังเรื่องนี้มากครับ เกิดดูไม่ได้ แต่ผ่านไป 10 กว่าปีหลังหนังฉาก ซื้อแผ่น DVD มาดู ก็รู้สึกคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปครับ ส่วนหนึ่งอาจจะตัวพี่ ทอม ครูซ ดาราขวัญใจผมแสดงด้วย แกดึงดูดให้ดูหนังจนจบได้ดี เรื่องนี้ผมให้คะแนน 8.5/10 ครับ
รีวิวโดย เจสัน ตอง