ทำไมคนแก่มักล้มในห้องน้ำ??

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ครับ อยากเล่าเอาไว้เป็นอุทาหรณ์หลายๆครอบครัว เพื่อเอาไว้ใช้ดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเพศชาย
เมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่งมาเล่าเรื่องปู่ของตัวเอง ไม่คิดว่าสัปดาห์นี้จะเป็นเรื่องของคุณพ่อ

พ่อของผมบอยเป็นโรคเบาหวาน  คอเรสเตอรอลสูงกว่าเกณฑ์บ้างเล็กน้อย  เมื่อวานพ่อมีอาการมึนหัวเล็กน้อยพ่อเลยกินทิฟฟี่ แล้วไปอาบน้ำสวดมนต์เตรียมเข้านอนเหมือนทุกๆวัน ผมก็ไม่คิดอะไร  แต่หลังจากที่พ่อสวดมนต์เสร็จพ่อมีอาการผื่นขึ้นเต็มตัว อาการคล้ายๆคนเป็น ลมพิษ
ตัวผมเองรู้ว่าพ่อเป็นคนที่มีโรคประจำตัวและอายุมากแล้ว (62 ปี) และพยายามคะยั้นคะยอให้พ่อไปหาหมอ  แต่พ่อก็ไม่ยอมไป  ผมเลยให้พ่อทานยาแก้แพ้ แก้คัน (เม็ดเล็กๆสีขาว เป็นรูปทรงคล้ายๆวงรี)  ผ่านไปประมาณ 30 นาที  อาการผื่นที่ว่าให้ค่อยๆลดลงแต่กลายเป็นหน้าพ่อซีดแทน  ผมก็ตกใจเลยพยายามให้พ่อกินน้ำหวานเพราะคิดว่าน่าจะเกิดจากเบาหวานกำเริบ  " แต่พอก็ไม่ยอมกินอยู่ดี "  พ่อบอกว่าพ่อเวียนหัวขอนอนก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเข้าห้องน้ำแล้วเข้านอนเลย  ผมก็ไม่คิดอะไรนั่งดูการ์ตูนไปเรื่อยเปื่อย เพราะ คิดว่านี่เป็นกิจวัตรประจำวันของพ่ออยู่แล้ว

โครม !!! เสียงโครมดังจากห้องน้ำ พร้อมกับเสียงของหล่นดังมาจากห้องน้ำ
จังหวะนี้อยากบอกว่า พยายามคุมสติที่จะไม่โวยวาย แต่ก็ทำไม่ได้ ตะโกนเรียกพ่อไม่หยุด 
ภาพที่เห็นคือ พ่อล้มลง หัวของพออยู่ระหว่างกำแพงทั้งสองด้าน สภาพนอนไหล พร้อมน้ำที่เจิ่งนองเต็มตัว และไม่รู้สึกตัว
ผมรีบเอามือเข้าไปประคองหัวของพ่อ เพื่อเช็คว่ามีอาการเลือดไหลหรือเปล่า  พร้อมๆกับที่พ่อรู้สึกตัวขึ้นและตกใจมากไม่รู้ว่าตัวเองล้มมาได้ยังไง  ผมรีบอุ้มพ่อออกจากห้องน้ำ พ่อยังคงพยุงตัวได้บ้าง ผมให้พ่อนอนพักแล้วผมก็รีบไปแจ้งนิติบุคคลให้ปิดน้ำห้องผม เพราะ พ่อล้มทับท่อน้ำเข้าเต็มๆ ท่อหักและน้ำก็ไหลไม่หยุด  ก่อนออกจากห้องผมกำชับพ่อว่า "ห้ามลุกไปไหน นอนพักไปก่อน"

หลังจากไปแจ้งนิติบุคคลแล้วก็รีบขึ้นมาหาพ่อ เพราะ ยังไม่ได้เช็คสภาพร่างกายของพ่ออย่างดีเท่าไหร่ จังหวะนั้นเป็นห่วงพ่อมากเลยรีบขึ้นมาดูอาการ  แต่ภาพที่เห็นคือ "พ่อลุกขึ้นมาหาอะไรยัดท่อน้ำที่แตก ไม่ใส่ชุดอะไรเลย ใส่แค่ผ้าขนหนู แล้วเอาผ้าห่มมาคลุมตัวกันหนาว" 
จังหวะนี้  เรายอมรับว่า ตกใจมากกว่าตอนแรกมาก เพราะ กลัวการล้มครั้งที่สอง สบถอะไรไปบ้างก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน แต่สุดท้ายพ่อเดินออกจากห้องน้ำและล้มลงนอนบนเตียงในสภาพใส่ผ้าขนหนูเลย  เรายอมรับว่าใจไม่ดีเลย  เลยตัดสินใจโทรไปโรงพยาบาลเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  

ในขณะที่กำลังโทรศัพท์ พ่อพูดขึ้นมาว่า " เชื่อพ่อสิ พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว ขอนอนพักเดี๋ยวก็หาย " 
เราตอบพ่อว่า " พ่อไม่มีสิทธิ์พูดอะไรแล้ว  คำพูดการกระทำ สวนทางไปหมด เงียบไปเลย พ่อไม่ใช่หมอ เดี๋ยวจะถามหมอหรือพยาบาลเอง ถ้าเค้าบอกว่าให้ไปโรงพยาบาล พ่อก็ต้องไป พ่อไม่มิสิทธิ์ดื้ออะไรแล้วนะครับ "

หลังจากที่คุยกับพยาบาลห้องฉุกเฉิน เราเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พยาบาลฟัง พยาบาลแจ้งให้มาโรงพยาบาลเพื่อตรวจสัญญาณยังชีพดีกว่า เราก็ไม่เข้าใจหรอกว่าคืออะไร แต่เราต้องพาพ่อไป เลยบอกให้พ่อค่อยๆลุกขึ้นมาแต่งตัวและเตรียมไปโรงพยาบาล

ระหว่างทางไปโรงพยาบาลเลยพยายามให้พ่อเล่าว่าเมื่อเย็นกินอะไรไปบ้าง ได้ความแบบนี้ครับ
รอบแรก
พ่อกินแกงส้มกุ้ง พอกินแกงส้มเสร็จก็กินทิฟฟี่ เริ่มคันๆ  แล้วก็กินยาแก้แพ้ 

รอบที่สอง
พ่อกินแกงส้มกุ้ง (กุ้งเยอะกว่าทุกที กินไปหลายตัว) พอกินแกงส้มเสร็จก็กินทิฟฟี่  เริ่มคันๆ (ใจเริ่มสั่น) แล้วก็กินยาแก้แพ้

รอบที่สาม --- ไฮไลท์เลยครับ
พ่อกินแกงส้มกุ้ง (กุ้งเยอะกว่าทุกที กินไปหลายตัว) พอกินแกงส้มเสร็จก็กินทิฟฟี่ (สองเม็ด)  เริ่มคันๆ (ใจเริ่มสั่น) แล้วก็กินยาแก้แพ้

พีคในพีค พ่อเรากินทิฟฟี่เกินกว่าขนาดที่เค้ากินปกติ (ปกติกินแค่เม็ดเดียว) อันนี้ก็จำไม่ได้ศัพท์เหมือนกันว่าพูดอะไรไปบ้าง แต่ที่หลักๆเลยคือ บอกไม่ให้พ่อกินทิฟฟี่แล้ว และห้ามกินอะไรก็แล้วแต่ที่เกินขนาด ถ้ามีอะไรผิดปกติในร่างกายให้บอกเลยทันที เล็กน้อยก็อยากให้บอก ไม่ต้องทนนะ ถ้ามีอะไรโทรบอกด้วย ตอนผมไปทำงานพ่อก็อยู่คนเดียว ยังไงก็ตามแต่ โทรเลย ไลน์บอกก็ได้ เอาทุกอย่าง

หลังจากที่พ่อเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว เราเลยสรุปเหตุการณ์ได้ว่า
1. พ่อกินแกงส้มกุ้ง กุ้งเยอะมาก
2. พ่อกินทิฟฟี่เกินขนาด จากปกติกิน 1 เม็ด รอบนี้พ่อกิน 2 เม็ด
3. พ่อมีอาการคัน เลยกินยาแก้แพ้ไป 1 เม็ด
4. พ่อล้มลงในห้องน้ำ ในระหว่างที่กำลังปัสสาวะ ไม่มีอาการหัวโนและเลือดออกใดๆ  คุยได้ตามปกติ

หลังจากเหตุการณ์สงบแล้ว คุณหมอห้องฉุกเฉินเรียกพบ
ให้ข้อวินิจฉัยว่า จังหวะที่คุณพ่อกำลังปัสสาวะ " พ่อพยายามเบ่งปัสสาวะให้ออก " ทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลม
อันเนื่องมาจากต่อมลูกหมาก (ความดันหรืออะไรสักอย่าง เราจำไม่ได้ ตอนนั้นยัง งงๆ มึนๆ) ถ้าคุณพ่อจะพยายามเบ่งปัสสาวะหรืออุจจาระอีก ควรใช้วิธีนั่งถ่ายเพื่อป้องกันอาการหน้ามืด

ในความคิดของผม
ผมมองว่า น่าจะเป็นทั้งยาและอาการเบ่ง ร่วมกัน เพราะคุณพ่อเป็นคนที่กินทิฟฟี่แล้วจะหลับเลย อาการมันจะลอยๆ แต่รอบนี้ทานเยอะเกินขนาดและคาดว่าจะมีอาการแพ้ ทั้งๆที่ไม่เคยแพ้มาก่อน  

ดังนั้นถ้าใครที่มีผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน ถ้าเค้าจำเป็นต้องอยู่คนเดียวเหมือนคุณพ่อของผมจริงๆ ทั้งการกินยา ดูแลสุขภาพ แม้กระทั่งการขับถ่ายเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ ถ้ามีอาการพบแพทย์เลยจะอุ่นใจกว่า หรือ ถ้ายังไม่สะดวกไปต้องคุยกันดีๆ ดูแลเป็นพิเศษหน่อยนะครับ 

ถ้าใครมีประสบการณ์อยากให้มาแบ่งปันกันนะครับ เพื่อคนที่เรารักเค้าปลอดภัยและสุขภาพแข็งแรงครับ ขอบคุณล่วงหน้าค้าบ
อมยิ้ม01
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่