#เกริ่น
คงไม่น่าจะมีอะไรต้องพูดอีกสำหรับซีรี่ส์แฟนซีสยองขวัญไซไฟเรื่องนี้ เชื่อว่าหลายคนดู2ซีซั่นแรกไปล่ะ เพราะมันเป็นซีรี่ส์อีกเรื่องที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งเรื่อง งานดีของ Netflix ที่มีแฟนๆชื่นชอบและติดตามเหนียวแน่น
ทั้งมีปริศนา มีความโหดเลือดสาด และเนื้อหาเข้มข้นชวนติดตาม
สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ ต้องขออภัยด้วยนะครับ เพราะรีวิวนี้ไม่มีการพูดถึงหรืออธิบายเกี่ยวกับ 2ซีซั่นก่อนหน้า แต่อยากให้เปิดใจหรือไปหามารับชมครับ จะไม่ผิดหวัง
เพราะงั้นผมจะข้ามไปที่รีวิวซีซั่น3 ให้อ่านทันที
#รีวิว
ซีซั่นนี้ ดำเนินเรื่องราวให้หลังจากซีซั่น 2 ในเมืองฮอว์กินส์ ปี 1985
ช่วงแรกเรื่อง ดำเนินให้เห็นถึงเหล่าตัวละครเดิมที่เติบโตขึ้นจากซีซั่นก่อนหน้า
และตรงส่วนนี้แหละ มันทำให้เราเห็นอะไรหลายๆอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งการกระทำ ความรู้สึกนึกคิดที่ต่างออกไปเพราะด้วยวัยกำลังเปลี่ยนแปลงของเหล่าตัวละครในเรื่อง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ชอบนะ ที่ตัวซีรี่ส์ภาคนี้ เล่นถึงประเด็นความสัมพันธ์มิตรภาพที่ค่อยๆจางในกลุ่มเด็ก อย่างคำพูดที่ว่า เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน
ซึ่งมันก็จริง เห็นภาพได้ในชีวิตจริง แบบเป็นเพื่อนกันวัยเด็ก พอยิ่งเติบโต ความสัมพันธ์ในกลุ่มยิ่งเหินห่าง อาจเพราะสภาพแวดล้อมและฮอร์โมนที่เริ่มแตกหนุ่มแตกสาว
ซึ่งเรื่องนี้นำเสนอออกมาได้ดีพอสมควร
ทั้งความรัก ไมค์ กับ เอล และมิตรภาพ เพื่อนสาว เอลและแมก ความเปลี่ยนแปลงของก๊วนสี่หนุ่มในกลุ่ม ไมล์,วิล,ดัสตินและ ลูคัส
ทำให้ช่วงสองสามตอนแรก รู้สึกเหมือนกำลังดูหนังวัยรุ่นในยุค80 ที่ไม่ได้อยู่ในสคูลสักเท่าไหร่
แต่ตัวซีรี่ส์ ก็ยังไม่เลิกทิ้งประเด็น และใส่ปริศนาระหว่างตอนให้เข้มข้นชวนอยากติดตาม
ซีซั่นนี้ยังคงมีการวางโครงเรื่อง หรือการดำเนินเรื่องระหว่างตอนแบบเดิม เหมือนกับ 2 ซีซั่นแรก
ใครที่ติดตามน่าจะรู้
ประมาณแบบ "หลากหลายรวมเป็นหนึ่งจนถึงบทสรุป"
เนื้อหาของซีซั่นนี้ เริ่มมีสเกลที่ค่อนข้างจะใหญ่ขึ้น เข้มข้นขึ้นจากซีซั่นก่อนๆมาก
ทั้งการมาของสัตว์ประหลาด และกลุ่มการทดลองใหม่ ตัวละครใหม่ๆ
เนื้อหายังคงใส่อะไรได้มาอีกเรื่อยๆเหมือนดูได้ยาวๆหลายซีซั่น ถ้าทางผู้สร้างไม่ตันไอเดียไปก่อน
แน่นอนมันมีความตึงเครียดชวนลุ้นเกิดขึ้นในซีซั่นนี้ แต่ซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่หยุด ปล่อยมุขปล่อยของใส่คนดูในแบบฉบับเนิร์ดๆออกมาสร้างสีสรรค์อยู่ตลอด และเซอร์ไพรส์คนดูตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เครียดระหว่างดู
ชอบพาร์ทของกลุ่มดัสตินและสตีฟ ตั้งแต่ซีซั่น2ยันซีซั่นนี้ คู่หู่คู่ขาคู่นี้ ถึงแม้จะแตกต่างแต่มันมีเคมีอะไรที่รู้สึกเข้าขากันได้ พออยู่รวมกัน นำเสนออกมาได้สนุกสนาน แถมรอบนี้ มีตัวละครสาวใหม่อย่างโรบิ้นมาร่วมแจมด้วย มันเวิร์คมาก เพราะในขณะที่หนังกำลังดำเนินช่วงตึงเครียดซีเรียสในแต่ละตอน พอตัดมาที่ก๊วนนี้ มันรู้สึกอมยิ้มทุกครั้งไม่เบื่อ
พาร์ทแนนซี่กับโจนาธานก็เริ่มพัฒนา ไปสู่การใช้ชีวิตวัยทำงาน และคู่รัก
ส่วนพาร์ทของฮอปเปอร์และจอย ความสัมพันธ์คู่นี้เหมือนมีอะไรที่เติบโตออกไป เหมือนกัน
และตรงการดำเนินเรื่องกลุ่มนี้แหละ ที่ทำให้ซีซั่นนี้ ได้ดูอะไรๆ ที่เป็นแอ็คชั่นแบบหนัง80-90 เหมือนมีแรงบันดาลใจจาก Terminator หน่อยๆ
และรู้สึกว่าซีนแอ็คชั่นจะสนุกกว่าซีซั่นก่อนๆ
แถมบทสรุปตอนท้ายเรื่อง ซีซั่นนี้ยังเป็นอะไรที่แทงใจสำหรับคนที่ติดตามสองซีซั่นแรกมากๆ มันเหมือนความรู้สึกเหมือน ตอนเราช่วงที่ดูEndgame จบใหม่ๆ ขอไม่พูดเยอะล่ะกัน เพื่อไม่ให้สปอย
หนังมีการดักแก่ ด้วยป๊อปเคาเจอร์ยุค 80 ต่างๆ ทั้งการแต่งหลายภาพลักษณ์ หรือหนังอย่าง Back to the future หรือหนังซอมบี้ Day of the dead
ให้คนยุค80 รำลึกความหอมหวาน
#สรุป ซีซั่นนี้มีเข้มข้นขึ้น สเกลที่ใหญ่น่าติดตาม และยังคงการเล่าเรื่องสไตล์เดิม แม้ดูจะจำเจ แต่ด้วยความระทึกสยองขวัญไซไฟ ที่ถูกเล่าออกมาได้แฟนซี สุดๆ บวกกับตัวละครที่ไม่มีตัวใดจืด แม้กระทั่งตัวร้าย
สกอร์ที่ 8/10 ไปเลยครับ เป็นซีซั่นแรกจาก 3 ซีซั่นที่แอดูพากย์ไทย ซึ่งก็ไม่แย่อย่างที่คิด เสียงพอคล้ายๆต้นฉบับ
(ซูซี่น่ารัก เพลงยังคงติดหู)
ฝากเพจ แถวCตีตั๋ว ด้วย..ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/teawCteetua/
รีวิว Stranger Things ซีซั่น 3 ดูจบแล้วจำนวน8ตอนรวด!!
#เกริ่น
คงไม่น่าจะมีอะไรต้องพูดอีกสำหรับซีรี่ส์แฟนซีสยองขวัญไซไฟเรื่องนี้ เชื่อว่าหลายคนดู2ซีซั่นแรกไปล่ะ เพราะมันเป็นซีรี่ส์อีกเรื่องที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งเรื่อง งานดีของ Netflix ที่มีแฟนๆชื่นชอบและติดตามเหนียวแน่น
ทั้งมีปริศนา มีความโหดเลือดสาด และเนื้อหาเข้มข้นชวนติดตาม
สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ ต้องขออภัยด้วยนะครับ เพราะรีวิวนี้ไม่มีการพูดถึงหรืออธิบายเกี่ยวกับ 2ซีซั่นก่อนหน้า แต่อยากให้เปิดใจหรือไปหามารับชมครับ จะไม่ผิดหวัง
เพราะงั้นผมจะข้ามไปที่รีวิวซีซั่น3 ให้อ่านทันที
#รีวิว
ซีซั่นนี้ ดำเนินเรื่องราวให้หลังจากซีซั่น 2 ในเมืองฮอว์กินส์ ปี 1985
ช่วงแรกเรื่อง ดำเนินให้เห็นถึงเหล่าตัวละครเดิมที่เติบโตขึ้นจากซีซั่นก่อนหน้า
และตรงส่วนนี้แหละ มันทำให้เราเห็นอะไรหลายๆอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งการกระทำ ความรู้สึกนึกคิดที่ต่างออกไปเพราะด้วยวัยกำลังเปลี่ยนแปลงของเหล่าตัวละครในเรื่อง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ชอบนะ ที่ตัวซีรี่ส์ภาคนี้ เล่นถึงประเด็นความสัมพันธ์มิตรภาพที่ค่อยๆจางในกลุ่มเด็ก อย่างคำพูดที่ว่า เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน
ซึ่งมันก็จริง เห็นภาพได้ในชีวิตจริง แบบเป็นเพื่อนกันวัยเด็ก พอยิ่งเติบโต ความสัมพันธ์ในกลุ่มยิ่งเหินห่าง อาจเพราะสภาพแวดล้อมและฮอร์โมนที่เริ่มแตกหนุ่มแตกสาว
ซึ่งเรื่องนี้นำเสนอออกมาได้ดีพอสมควร
ทั้งความรัก ไมค์ กับ เอล และมิตรภาพ เพื่อนสาว เอลและแมก ความเปลี่ยนแปลงของก๊วนสี่หนุ่มในกลุ่ม ไมล์,วิล,ดัสตินและ ลูคัส
ทำให้ช่วงสองสามตอนแรก รู้สึกเหมือนกำลังดูหนังวัยรุ่นในยุค80 ที่ไม่ได้อยู่ในสคูลสักเท่าไหร่
แต่ตัวซีรี่ส์ ก็ยังไม่เลิกทิ้งประเด็น และใส่ปริศนาระหว่างตอนให้เข้มข้นชวนอยากติดตาม
ซีซั่นนี้ยังคงมีการวางโครงเรื่อง หรือการดำเนินเรื่องระหว่างตอนแบบเดิม เหมือนกับ 2 ซีซั่นแรก
ใครที่ติดตามน่าจะรู้
ประมาณแบบ "หลากหลายรวมเป็นหนึ่งจนถึงบทสรุป"
เนื้อหาของซีซั่นนี้ เริ่มมีสเกลที่ค่อนข้างจะใหญ่ขึ้น เข้มข้นขึ้นจากซีซั่นก่อนๆมาก
ทั้งการมาของสัตว์ประหลาด และกลุ่มการทดลองใหม่ ตัวละครใหม่ๆ
เนื้อหายังคงใส่อะไรได้มาอีกเรื่อยๆเหมือนดูได้ยาวๆหลายซีซั่น ถ้าทางผู้สร้างไม่ตันไอเดียไปก่อน
แน่นอนมันมีความตึงเครียดชวนลุ้นเกิดขึ้นในซีซั่นนี้ แต่ซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่หยุด ปล่อยมุขปล่อยของใส่คนดูในแบบฉบับเนิร์ดๆออกมาสร้างสีสรรค์อยู่ตลอด และเซอร์ไพรส์คนดูตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เครียดระหว่างดู
ชอบพาร์ทของกลุ่มดัสตินและสตีฟ ตั้งแต่ซีซั่น2ยันซีซั่นนี้ คู่หู่คู่ขาคู่นี้ ถึงแม้จะแตกต่างแต่มันมีเคมีอะไรที่รู้สึกเข้าขากันได้ พออยู่รวมกัน นำเสนออกมาได้สนุกสนาน แถมรอบนี้ มีตัวละครสาวใหม่อย่างโรบิ้นมาร่วมแจมด้วย มันเวิร์คมาก เพราะในขณะที่หนังกำลังดำเนินช่วงตึงเครียดซีเรียสในแต่ละตอน พอตัดมาที่ก๊วนนี้ มันรู้สึกอมยิ้มทุกครั้งไม่เบื่อ
พาร์ทแนนซี่กับโจนาธานก็เริ่มพัฒนา ไปสู่การใช้ชีวิตวัยทำงาน และคู่รัก
ส่วนพาร์ทของฮอปเปอร์และจอย ความสัมพันธ์คู่นี้เหมือนมีอะไรที่เติบโตออกไป เหมือนกัน
และตรงการดำเนินเรื่องกลุ่มนี้แหละ ที่ทำให้ซีซั่นนี้ ได้ดูอะไรๆ ที่เป็นแอ็คชั่นแบบหนัง80-90 เหมือนมีแรงบันดาลใจจาก Terminator หน่อยๆ
และรู้สึกว่าซีนแอ็คชั่นจะสนุกกว่าซีซั่นก่อนๆ
แถมบทสรุปตอนท้ายเรื่อง ซีซั่นนี้ยังเป็นอะไรที่แทงใจสำหรับคนที่ติดตามสองซีซั่นแรกมากๆ มันเหมือนความรู้สึกเหมือน ตอนเราช่วงที่ดูEndgame จบใหม่ๆ ขอไม่พูดเยอะล่ะกัน เพื่อไม่ให้สปอย
หนังมีการดักแก่ ด้วยป๊อปเคาเจอร์ยุค 80 ต่างๆ ทั้งการแต่งหลายภาพลักษณ์ หรือหนังอย่าง Back to the future หรือหนังซอมบี้ Day of the dead
ให้คนยุค80 รำลึกความหอมหวาน
#สรุป ซีซั่นนี้มีเข้มข้นขึ้น สเกลที่ใหญ่น่าติดตาม และยังคงการเล่าเรื่องสไตล์เดิม แม้ดูจะจำเจ แต่ด้วยความระทึกสยองขวัญไซไฟ ที่ถูกเล่าออกมาได้แฟนซี สุดๆ บวกกับตัวละครที่ไม่มีตัวใดจืด แม้กระทั่งตัวร้าย
สกอร์ที่ 8/10 ไปเลยครับ เป็นซีซั่นแรกจาก 3 ซีซั่นที่แอดูพากย์ไทย ซึ่งก็ไม่แย่อย่างที่คิด เสียงพอคล้ายๆต้นฉบับ
(ซูซี่น่ารัก เพลงยังคงติดหู)
ฝากเพจ แถวCตีตั๋ว ด้วย..ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/teawCteetua/