IAA consensus เคยทายราคาหุ้นถูกไหมครับ ใครมีประวัติ สถิติย้อนหลังไหมครับ ว่าแม่นไหม เช้านี้แกให้ BCPG 17.00 บาท

กระทู้คำถาม
https://www.efinancethai.com/HotStocks/HotStockMain.aspx?release=y&id=MkdqY01vc0YxWVk9

  แพนิคคำสั่งผู้ตรวจการจี้รัฐปฏิบัติตาม PDP ใหม่ ถล่มหุ้นโรงไฟฟ้า แต่ BCPG โดนเทหนักกว่ากลุ่มราคาร่วงกว่า 8% พบเป็นโรงไฟฟ้าเอกชนเต็มตัว แต่ไม่เกี่ยวข้องกับข่าวเพราะส่วนใหญ่ไม่ใช่โรงไฟฟ้า IPP หรือ SPP อย่างไรก็ตามราคาเกินพื้นฐานไปแล้ว
            หุ้นบมจ.บีซีพีจี (BCPG) ถูกถล่มขายหนักกว่ากลุ่มในการซื้อขายวานนี้ (4 ก.ค.) โดยราคาปิดที่ 19.20 บาท ลดลง 1.80 บาท หรือ 8.57% มูลค่าการซื้อขาย 3,060 ล้านบาท และปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นกว่า 890% เทียบค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า 

            ทั้งนี้หุ้นโรงไฟฟ้าโดนเทหนักทั้งกลุ่มหลังจากมีกระแสข่าวผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือจี้รัฐต้องมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 51% ภายใน 10 ปีตั้งแต่ปี 62 ทำให้เกิดความกังวลว่ารัฐจะเข้ามาฮุบโรงไฟฟ้าเอกชน อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการแพนิคเกินเหตุ โดยเฉพาะ BCPG ที่ไม่เกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวเพราะส่วนใหญ่มีโรงไฟฟ้าอยู่ต่างประเทศและเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานใต้ภิภพและแสงอาทิตย์ที่ไม่ใช่โรงไฟฟ้า IPP หรือ SPP 
            BCPG เข้าเทรดในปี 60 ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ ล่าสุด ณ วันปิดสมุดทะเบียน5 มิ.ย. 62 BCPG  มี บมจ.บางจากคอร์ปอเรชั่น (BCP) ถือหุ้นใหญ่ 70%
            ผลการดำเนินงาน BCPG ปี 59-61 กำไรสุทธิโตต่อเนื่องที่ 1,541 ล้านบาท, 2,016 ล้านบาท, 2,219 ล้านบาท ตามลำดับส่วนไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิ 491 ล้านบาท โต 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
            แรงแพนิคในหุ้น BCPG ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากราคาหุ้นที่ซื้อขายเกินพื้นฐานไปแล้ว โดยพบว่า IAA Consensus ให้ราคาพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 17 บาทเท่านั้น ขณะที่ก่อนหน้านี้ราคาหุ้นขึ้นไปเทรดเกิน 21 บาท นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังมองผลการดำเนินงานไตรมาส 2/62 อาจทำได้แค่ทรงตัว
            บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์คาดแนวโน้มผลประกอบการ 2Q62 ทรงตัว QoQ จากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าในฟิลิปปินส์ลดลงหลังเข้าสู่ช่วง Low Season แต่จะได้ชดเชยจากการกลับมาผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นหลังผ่านฤดูหนาว ขณะที่โรงไฟฟ้าในไทยและส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพคาดจะมีผลประกอบการทรงตัว QoQ ให้ราคาเหมาะสมที่ SOTP ที่ 17.60 บาท ปรับคำแนะนำลงเป็นถือเพื่อรอการเติบโต
            บล.คันทรี่ ระบุสิ่งที่ได้จากการเข้าพบผู้บริหารล่าสุด 
            1.สถานภาพปัจจุบันรายได้หลักมาจากโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์และพลังงานลมในไทยขนาดราว 148 MW ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ราว 86% ของรายได้รวม ที่เหลือมาจากโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น (15 MW) ขณะที่โรงไฟฟ้าในอินโดนีเซียที่บริษัทถือหุ้น 18.3% มีขนาดตามสัดส่วนราว 158 Equity MW ส่งผ่านกำไรปี 18 ให้ราว 204 ล้านบาทหรือราว 9% ของกำไรสุทธิรวม
            2.การเติบโตในสามปีข้างหน้า (2019-22) จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 158 MW หรือเติบโต 47% จากระดับปัจจุบัน มาจากการทยอยติดตั้ง 5 โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นที่คาดว่ามีกำลังการผลิตรวมกันกว่า 151 MW และได้
อัตราค่าไฟฟ้า (FiT) เฉลี่ยที่ค่อนข้างดีถึง US$0.32 /kWh เทียบกับของไทยที่ราว US$ 0.11-0.17 /kWh รวมถึง 3 โรงไฟฟ้าในไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย กำลังการผลิตรวมกันราว 42 Equity MW
            3.ตั้งงบลงทุนไว้ราว 5 หมื่นล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้าที่จะขยายการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าในภูมิภาค โดยให้ความสำคัญกับขนาดที่ใหญ่พอให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of scale), เทคโนโลยีที่ใช้ต้องหนุนอัตราค่า
ไฟในระดับที่น่าสนใจและมีทรัพยากรรองรับการดำเนินงานในระยะยาว รวมถึงประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต ปัจจุบันมองว่าโรงไฟฟฟ้าพลังงานลม ในเวียดนามและไต้หวัน โรงไฟฟ้าชีวิมวลในญี่ปุ่น รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกอื่นๆในเกาหลีและออสเตรเลียยังมีความน่าสนใจ โดยคาดหวังผลตอบแทนต้องไม่แตกต่างไปจากโครงการในปัจจุบันมากนัก (ให้ EIRR ราว 10% หรือมากกว่า) และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิไม่เกิน 3 เท่า (ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.87 เท่า)
            ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการใน 3 ปีข้างหน้าจากการ COD โรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการติดตั้งอีก 158 MW หรือเติบโตกว่า 47% จากสิ้นปี 18 รวมถึงโครงการอื่นๆที่ยังไม่ได้ประกาศออกมา แม้ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ 14.9x Trailing PE ถือว่าอยู่ในโซนถูกเมื่อเทียบกับระดับ 12-24 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และการจ่ายปันผลสม่ำเสมอด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.5-3.9% ต่อปีจะช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น แต่พิจารณาจาก Bloomberg Consensus มีนักวิเคราะห์ 4 จาก 13 ท่านที่ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 18 บาท นักลงทุนควรติดตามความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการปรับเพิ่มประมาณการและราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์
            จากข่าวที่ออกมาอาจสบายใจได้ว่า BCPG ไม่ได้รับผลกระทบและเป็นการแพนิคเกินเหตุ แต่ก็ยังต้องระวังแรงขายที่อาจยังไม่สะเด็ดน้ำ เพราะก่อนหน้านี้ราคาปรับขึ้นเกินไปฐานไปแล้ว 

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่