KJV Thai Bible โรม7:
25 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ฉะนั้นทางด้านจิตใจข้าพเจ้ารับใช้กฎของพระเจ้านั้น
แต่ด้านฝ่ายเนื้อหนังแล้วข้าพเจ้าก็รับใช้กฎแห่งบาป(กายนี้)
KJV Thai Bible โรม8:
1 เหตุฉะนั้นการปรับโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนังแต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ
18 เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าความทุกข์ลำบากแห่งสมัยปัจจุบันนี้
ไม่สมควรที่จะเอาไปเปรียบกับสง่าราศีซึ่งจะเผยให้แก่เราทั้งหลาย
19 ด้วยว่าสรรพสิ่งที่ทรงเกิดขึ้นแล้วมีความเพียรคอยท่า
ปรารถนาให้บุตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฏ
20 เพราะว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง
ไม่ใช่ตามใจชอบของตนเองแต่เป็นไปตามพระองค์ผู้ได้ทรงให้เข้าอยู่นั้นด้วยมีความหวังใจ
21 ว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมสลาย
และจะเข้าในเสรีภาพซึ่งมีสง่าราศีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้าด้วย(ปฐมกาล3:19)
22 เรารู้อยู่ว่าบรรดาสรรพสิ่งที่ทรงสร้างนั้นกำลังคร่ำครวญ
และผจญความทุกข์ยากเจ็บปวดด้วยกันมาจนทุกวันนี้
23 และไม่ใช่สรรพสิ่งทั้งปวงเท่านั้นแต่เราทั้งหลายเองด้วยผู้ได้รับผลแรกของพระวิญญาณ
ตัวเราเองก็ยังคร่ำครวญคอยจะเป็นอย่างบุตรคือที่จะทรงไถ่กายของเราทั้งหลายไว้(2 โครินธ์5:5)
24 เหตุว่าเราทั้งหลายรอดแม้เป็นเพียงความหวังใจ แต่ความหวังใจในสิ่งที่เราเห็นได้
หาได้เป็นความหวังใจไม่ด้วยว่าใครเล่าจะยังหวังในสิ่งที่เขาเห็น
25 แต่ถ้าเราทั้งหลายคอยหวังใจในสิ่งที่เรายังไม่ได้เห็นเราจึงมีความเพียรคอยสิ่งนั้น
26 พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วยเช่นเดียวกัน
เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไรแต่พระวิญญาณเองทรงช่วยขอเพื่อเรา
ด้วยความคร่ำครวญซึ่งเหลือที่จะพูดได้
27 และพระองค์ผู้ทรงตรวจค้นจิตใจมนุษย์ก็ทรงทราบความหมายของพระวิญญาณ(7 ... 7)
เพราะว่าพระองค์ทรงอธิษฐานขอเพื่อวิสุทธิชนตามที่ชอบพระทัยพระเจ้า
28 เรารู้ว่าพระเจ้าทรงร่วมมือกับคนทั้งหลายที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง
คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์
29 เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้วผู้นั้นพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉาย
แห่งพระบุตรของพระองค์เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก
30 ยิ่งกว่านั้นบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้นั้นพระองค์ได้ทรงเรียกมาด้วย
และผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียกมานั้นพระองค์ได้ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม
และผู้ที่พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรมพระองค์ก็ทรงโปรดให้มีสง่าราศีด้วย
31 ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไรถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเราใครจะขัดขวางเรา
32 พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรในภายในพระองค์เองแต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้น
เพื่อเราทั้งหลายถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลายด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ
33 ใครจะฟ้องคนเหล่านั้นที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้พระเจ้าทรงเป็นผู้ที่ทำให้เราเป็นคนชอบธรรมแล้ว
34 ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีกก็คือพระคริสต์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว
และยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงคืนพระชนม์ทรงสถิตณเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า
และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราทั้งหลายด้วย
35 แล้วใครจะให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระคริสต์ได้เล่าจะเป็นความยากลำบาก
หรือความทุกข์ หรือการข่มเหง หรือการกันดารอาหาร หรือการเปลือยกาย
หรือการถูกโพยภัย หรือการถูกคมดาบหรือ
36 ตามที่เขียนไว้แล้วว่า`เพราะเห็นแก่พระองค์ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงถูกประหารวันยังค่ำ
และนับว่าเป็นเหมือนแกะสำหรับจะเอาไปฆ่า'
37 แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย
38 เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าแม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือผู้มีบรรดาศักดิ์
หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า
39 หรือซึ่งสูงหรือซึ่งลึกหรือสิ่งอื่นใดๆที่ได้ทรงเป็นแล้วนั้น
จะไม่สามารถกระทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า
ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
ฝ
KJV Thai Bible เอเฟซัส6:11-12
11 จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้
12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ
เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
ว่าด้วยปัญหาเรื่องบาปกำเนิด
25 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ฉะนั้นทางด้านจิตใจข้าพเจ้ารับใช้กฎของพระเจ้านั้น
แต่ด้านฝ่ายเนื้อหนังแล้วข้าพเจ้าก็รับใช้กฎแห่งบาป(กายนี้)
KJV Thai Bible โรม8:
1 เหตุฉะนั้นการปรับโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนังแต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ
18 เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าความทุกข์ลำบากแห่งสมัยปัจจุบันนี้
ไม่สมควรที่จะเอาไปเปรียบกับสง่าราศีซึ่งจะเผยให้แก่เราทั้งหลาย
19 ด้วยว่าสรรพสิ่งที่ทรงเกิดขึ้นแล้วมีความเพียรคอยท่า
ปรารถนาให้บุตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฏ
20 เพราะว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง
ไม่ใช่ตามใจชอบของตนเองแต่เป็นไปตามพระองค์ผู้ได้ทรงให้เข้าอยู่นั้นด้วยมีความหวังใจ
21 ว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมสลาย
และจะเข้าในเสรีภาพซึ่งมีสง่าราศีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้าด้วย(ปฐมกาล3:19)
22 เรารู้อยู่ว่าบรรดาสรรพสิ่งที่ทรงสร้างนั้นกำลังคร่ำครวญ
และผจญความทุกข์ยากเจ็บปวดด้วยกันมาจนทุกวันนี้
23 และไม่ใช่สรรพสิ่งทั้งปวงเท่านั้นแต่เราทั้งหลายเองด้วยผู้ได้รับผลแรกของพระวิญญาณ
ตัวเราเองก็ยังคร่ำครวญคอยจะเป็นอย่างบุตรคือที่จะทรงไถ่กายของเราทั้งหลายไว้(2 โครินธ์5:5)
24 เหตุว่าเราทั้งหลายรอดแม้เป็นเพียงความหวังใจ แต่ความหวังใจในสิ่งที่เราเห็นได้
หาได้เป็นความหวังใจไม่ด้วยว่าใครเล่าจะยังหวังในสิ่งที่เขาเห็น
25 แต่ถ้าเราทั้งหลายคอยหวังใจในสิ่งที่เรายังไม่ได้เห็นเราจึงมีความเพียรคอยสิ่งนั้น
26 พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วยเช่นเดียวกัน
เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไรแต่พระวิญญาณเองทรงช่วยขอเพื่อเรา
ด้วยความคร่ำครวญซึ่งเหลือที่จะพูดได้
27 และพระองค์ผู้ทรงตรวจค้นจิตใจมนุษย์ก็ทรงทราบความหมายของพระวิญญาณ(7 ... 7)
เพราะว่าพระองค์ทรงอธิษฐานขอเพื่อวิสุทธิชนตามที่ชอบพระทัยพระเจ้า
28 เรารู้ว่าพระเจ้าทรงร่วมมือกับคนทั้งหลายที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง
คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์
29 เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้วผู้นั้นพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉาย
แห่งพระบุตรของพระองค์เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก
30 ยิ่งกว่านั้นบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้นั้นพระองค์ได้ทรงเรียกมาด้วย
และผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียกมานั้นพระองค์ได้ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม
และผู้ที่พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรมพระองค์ก็ทรงโปรดให้มีสง่าราศีด้วย
31 ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไรถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเราใครจะขัดขวางเรา
32 พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรในภายในพระองค์เองแต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้น
เพื่อเราทั้งหลายถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลายด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ
33 ใครจะฟ้องคนเหล่านั้นที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้พระเจ้าทรงเป็นผู้ที่ทำให้เราเป็นคนชอบธรรมแล้ว
34 ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีกก็คือพระคริสต์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว
และยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงคืนพระชนม์ทรงสถิตณเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า
และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราทั้งหลายด้วย
35 แล้วใครจะให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระคริสต์ได้เล่าจะเป็นความยากลำบาก
หรือความทุกข์ หรือการข่มเหง หรือการกันดารอาหาร หรือการเปลือยกาย
หรือการถูกโพยภัย หรือการถูกคมดาบหรือ
36 ตามที่เขียนไว้แล้วว่า`เพราะเห็นแก่พระองค์ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงถูกประหารวันยังค่ำ
และนับว่าเป็นเหมือนแกะสำหรับจะเอาไปฆ่า'
37 แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย
38 เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าแม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือผู้มีบรรดาศักดิ์
หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า
39 หรือซึ่งสูงหรือซึ่งลึกหรือสิ่งอื่นใดๆที่ได้ทรงเป็นแล้วนั้น
จะไม่สามารถกระทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า
ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
ฝ
KJV Thai Bible เอเฟซัส6:11-12
11 จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้
12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ
เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ