พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง)

เจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงษ์

เจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) หรือ พระปทุมวรราชสุริยวงษ ในจารึกพระเจ้าอินแปงออกนามว่า เจ้าพระปทุม

ดำรงตำแหน่งเจ้าประเทศราชครองเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราชคนแรก (ปัจจุบันคือจังหวัดอุบลราชธานีในภาคอีสานของประเทศไทย)

นามเดิมว่า เจ้าคำผง หรือ ท้าวคำผง


ด้วยการที่พระประทุมราชวงศา(เจ้าคำผง) ร่วมมือกับเจ้าฝ่ายหน้าผู้อนุชาซึ่งไปตั้งกองนอกเก็บส่วยอยู่ที่บ้านสิงห์โคกสิงห์ท่า(เมืองยโสธร)

และถูกบังคับให้ช่วยเหลือกองทัพเมืองนครราชสีปราบปรามกบฏอ้ายเชียงแก้วได้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงโปรดเกล้าฯ

ให้พระประทุมราชวงศาเป็นที่พระปทุมวรราชสุริยวงษทรงยกเมืองอุบลขึ้นเป็นอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราชยกฐานะ

เมืองอุบลราชธานีเป็นเมืองประเทศราช


และสถาปนาพระปทุมราชวงศาเป็นเจ้าเมืองอุบลองค์แรกเมื่อพ.ศ. 2321


พระปรมาภิไธย
เจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงษ์

พระอิสริยยศ
เจ้าประเทศราช

ราชวงศ์สุวรรณปางคำ

รัชกาลถัดไป

เจ้าพระพรหมวรราชสุริยวงศ์(เจ้าทิดพรหม)


พระประทุมวรราชสุริยวงศ์ครองเมืองอุบลราชธานีมาแต่ตั้งเมืองเป็นเวลารวมได้17 ปีจนถึงพ.ศ. 2338จึงถึงแก่พิราลัยสิริรวมชนมายุได้85 ปี

มีการประกอบพระราชทานเพลิงศพด้วยเมรุนกสักกะไดลิงก์  ณทุ่งศรีเมืองแล้วเก็บอัฐิธาตุบรรจุในพระธาตุเจดีย์ไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง

ณบริเวณที่เป็นธนาคารออมสินสาขาอุบลราชธานีทุกวันนี้ 

ต่อมาภายหลังเมื่อมีการสร้างเรือนจำขึ้นในบริเวณดังกล่าวจึงย้ายอัฐิไปประดิษฐานณวัดหลวงเมืองอุบลราชธานีจนทุกวันนี้

 ปัจจุบันมีอนุสาวรีย์ของพระปทุมวรราชสุริยวงศ์(เจ้าคำผง) ประดิษฐาน2 ที่1 

คือวัดหลวงโดยมีพระเจ้าใหญ่องค์หลวงเป็นพระประธานนานมานับแต่สร้างเมือง


และเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสืบไปได้มีการจัดสร้างพิธีเททองหล่อพระที่มีชื่อว่าหลวงพ่อปากดำองค์จำลองจากองค์จริงที่มีอายุนับร้อยปีขึ้นมา

เพื่อประดิษฐานณพระอุโบสถหลังใหม่เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและอุทิศบุญทั้งหมดอันเกิดจากการสร้างพระประธานหลวงพ่อปากดำองค์นี้ให้แด่เจ้าเมือง

และผู้ที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อแลกกับผืนแผ่นดินจนมีปัจจุบันทุกวันนี้



กล่าวคำถวาย

อิมัง มะยัง ภันเต พุทธะรูปัง ภิกขุสังฆัสสะ 

โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ 

อิมัง พุทธรูปัง ปะฏิคคันหาตุ อัมหากัง 

ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ 

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าฯ ขอน้อมถวาย พระพุทธรูปอันไเ้แก่หลวงพ่อปากดำนี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับซึ่งพระพุทธรูปนี้

เพื่อประโยชน์แก่ชนรุ่นหลัง และเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาสืบไป  สิ้นกาลนานเทอญ



หมายเหตุ : ภาพนี้ด้านบนนี้  ขอสงวนลิขสิทธิ์ มีเพียงภาพเดียวเท่านั้นที่เป็นต้นฉบับ

ขออนุญาติเป็นการภายในครอบครัวเท่านั้น 



และอีกที่หนึ่ง ณ  ทุ่งศรีเมือง  กลางเมืองอุบลราชธานี

สกุลที่สืบเชื้อสาย

เจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงศ์เป็นต้นกำเนิดของสายสกุลต่างๆในเมืองอุบลราชธานีหลายสกุลเช่น

ณอุบล สกุลนี้สืบเชื้อสายเจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ผู้ขอรับพระราชทานนามสกุลสายนี้คือพระอุบลเดชประชารักษ์(เสือณอุบล)กรมการเมืองพิเศษ

เมืองอุบลราชธานีในสมัยรัชกาลที่5
สุวรรณกูฏ สกุลนี้สืบเชื้อสายผ่านทางพระพรหมราชวงศา(กุทองสุวรรณกูฏ)เจ้าเมืองอุบลราชธานีลำดับที่3 พระราชโอรสในเจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงศา

สิงหัษฐิตสกุลสายนี้สืบเชื้อสายมาจากพระเกษโกมลสิงห์ขัตติยะพระนัดดาในเจ้าเมืองอุบลราชธานีองค์ที่3 

ผู้ขอรับพระราชทานนามสกุลคือพระวิภาคย์พจนกิจบิดาของนายเติมวิภาคย์พจนกิจผู้เขียนหนังสือประวัติศาสตร์อีสาน

ทองพิทักษ์ สกุลนี้สืบเชื้อสายผ่านทางเจ้าอุปฮาด(สุดตา) เป็นผู้ขอรับพระราชทานนามสกุล

อมรดลใจสกุลนี้สืบเชื้อสายผ่านทางพระอมรดลใจอดีตบรรดาศักดิ์ที่ท้าวสุริยวงศ์เจ้าเมืองตระการพืชผลองค์แรกท่านนี้เป็นบุตร

ในพระพรหมราชวงศาเจ้าเมืองอุบลราชธานีองค์ที่3

โทนุบล สกุลนี้สืบเชื้อสายผ่านทางเจ้าเมืองมหาชนะชัยหรือท้าวคำพูนสุวรรณกูฏผู้เป็นบุตรในพระพรหมราชวงศาเจ้าเมืองอุบลราชธานีองค์ที่3

 โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามท้าวคำพูนว่าพระเรืองชัยชนะเจ้าเมืองมหาชนะชัยขึ้นตรงต่อเมืองอุบลราชธานี

ต่อมาภายหลังเมืองมหาชนะชัยได้ถูกลดฐานะเป็นอำเภอภายใต้การปกครองของเมืองอุบลราชธานี

บุตโรบล สายนี้สืบมาจากเจ้าราชบุตร(สุ่ย)และเจ้าราชบุตร(คำ) โอรสในเจ้าสีหาราชทั้งสองพระองค์เป็นพระราชอนุชาในเจ้าพระปทุมวรราชสุริยวงศ์

ผู้รับพระราชทานสกุลคือพระอุบลกิจประชากรสายสกุลนี้เป็นสายสกุลของอัญญานางเจียงคำบุตโรบล(หม่อมเจียงคำชุมพลณอยุธยา) 

ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าชุมพลสมโภชกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์

อนึ่งทายาทบุตรหลานสายใดก็ดีหรือสกุลใดก็ดีหรือมิได้สืบเชื้อสายก็ดีมิได้มีราชสกุลหรือนามสกุลโดยตรงกับท่านก็ดีชาวอุบลราชธานีทุกๆคน

ก็ถือเป็นลูกหลานของท่านมิผิดแท้


 

จึงขอเผยแพร่ชื่อเสียงของท่านโดยสังเขปให้เป็นที่ประจักษ์แก่บุคคลผู้ต่างบ้านต่างเมืองหรือผู้อาจยังมิเคยล่วงรู้มาก่อนว่า

ชื่อเจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงษ์คือผู้ใดกัน

ทั้งนี้มิได้มีการกล่าวถึงประวัติของท่านโดยละเอียดแต่เพียงแค่เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆที่เราในฐานะลูกหลานชาวอุบล

ได้ถูกบอกเล่ากล่าวมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยจนพลอยทราบซึ้งเคารพและระลึกถึงบุญคุณของท่านที่ทำให้มีจังหวัดอุบลราชธานีมาจนจวบทุกวันนี้



ในการนี้ หลวงปู่ ได้เมตตา มอบรูปหล่อองค์จำลอง 

เจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงษ์

แก่ลูกหลานเพื่อเป็นที่เคารพ เป็นสิริมงคล และเพื่อสักการะ ระลึกถึงท่าน

ให้เรียกท่านว่า “พ่อใหญ่”


[พ่อ-ใหญ่] ในภาษาอีสาน แปลว่า คุณตา/คุณปู่/คำเรียกขานผู้ชายอาวุโส



วัดหลวง จังหวัดอุบลราชธานี 

วัดหลวง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 
      ตั้งอยู่ที่ถนนพรหมเทพ ด้านหน้า ติดถนน ด้านหลัง ติด ริมฝั่งแม่น้ำมูล ระหว่างท่ากวางตุ้นกับท่าจวน (ตลาดใหญ่)สมัยนี้ที่เรียกกัน 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่