บทความตามใจฉัน “Goc: D-Pad” Part 1
ในการเล่นเกมนั้น สิ่งสำคัญสำหรับการเล่นคือ อุปกรณ์ควบคุม หรือในสมัยนี้คนไทยมักเรียกสั้น ๆ ว่า “จอย”
และหากผู้อ่านมี “จอย” อยู่ใกล้ ๆ ให้ลองหยิบขึ้นมาดู จะเห็นปุ่มปุ่มหนึ่งเป็นรูปคล้ายเครื่องหมายบวก
ปุ่มนั้นคือ D-Pad ชื่อเต็มคือ directional pad
เราอาจจะเห็นมันบ่อย ๆ จนเป็นของปกติไปแล้ว
แต่รู้รึไม่ว่าปุ่มนี้มีความสำคัญในระดับที่ปฏิวัติวงการเกมและวิธีการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้ามาจนถึงปัจจุบัน
บทความในคราวนี้ผู้เขียนจะเล่าถึงความเป็นมาของ D-Pad
ปุ่มที่ถูกใช้จนถูกลืมนี้กัน
ในการเล่นเกมนั้น D-Pad เป็นปุ่มที่มีไว้สำหรับควบคุมทิศทางที่ตัวละครในเกมจะเคลื่อนที่หรือหันไป
ในสมัยก่อน ปุ่มความคุมทิศทางของเครื่องเกมส่วนใหญ่จะใช้แกนอนาล๊อคขนาดใหญ่
แนวคิดของ D-Pad มาจากไหน ไม่มีใครทราบ
แต่ต้นคิดของ D-Pad ที่เก่าแก่ที่สุดนั้นพบได้ที่เครื่องเกมอาเขตกับเกมที่ชื่อว่า Blockade
ดูจากเกมเพลย์แล้วมันก็คือเกมงูกินหางแบบเล่นสองคนนี่เอง
ที่เครื่องจะมีปุ่มควบคุมทั้งหมด 4 ปุ่ม แบ่งออกเป็นสองชุดสีสำหรับ 2 ผู้เล่น
ด้วยปุ่มทั้ง 4 นี้ ผู้เล่นสามารถบังคับทิศทางของ Block ที่จะไปได้ 4 ทิศทาง
บน, ล่าง, ซ้าย และ ขวา
สามารถดูเกมเพลย์ของ Blockade ได้ที่ Link ข้างล่าง
https://www.youtube.com/watch?v=_78RsJuGP34
ปุ่มควบคุมทิศทางที่มีลักษณะใกล้เคียงกับ D-Pad ที่เรารู้จักมากที่สุด ถูกพบครั้งแรกเมื่อปี 1981
ในเครื่องเกมมือถือแบบเปลี่ยนเกมได้เครื่องแรกของโลกที่ชื่อว่า Microvision
ออกวางจำหน่ายครั้งแรกปี 1979
โดยเครื่องนี้มีจุดเด่นคือเวลาเปลี่ยนเกมจะทำการเปลี่ยนทั้งหน้ากากของตัวเครื่องไปด้วย
ทำให้ Controller ในแต่ละเกมไม่เหมือนกันเพราะถูกเปลี่ยนไปด้วยพร้อมกับเกม
ปุ่มควบคุมทิศทางที่คล้ายกับ D-Padนั้นมากับเกมที่ชื่อว่า Cosmic Hunter ที่ออกวางจำหน่ายในปี 1981
D-Pad แบบที่เรา ๆ รู้จักกันนั้นเกิดขึ้นมาเมื่อปี 1982
ในตอนนั้น Nintendo กำลังผลิตและขาย Game Watch หรือในไทยมักเรียกเครื่องเกมแบบพกพาแบบนี้ว่า “เกมกด” อยู่
Nintendo มีแผนที่จะแปลงเกม Donkey Kong ที่เป็นเกมอาเขตสุดฮิตของตนเองลง Game Watch
แต่ติดปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง
Donkey Kong เป็นเกมที่ต้องควบคุมตัวละครให้เคลื่อนที่ได้ถึง 4 ทิศทาง บน, ล่าง, ซ้าย และ ขวา
ซึ่งต่างจาก Game Watch เกมอื่น ๆ ที่ใช้การเคลื่อนที่เพียง 2 ทิศทาง แค่ซ้ายและขวา
แน่นอนว่าปัญหานี้แก้ได้ง่าย ๆ โดยการใส่ปุ่มบังคับทิศทางลงไป 4 ปุ่มแบบที่ Blockade ทำก็จบแล้ว
อย่างเช่นในรูป เกม Super Mario ฉบับ Game Watch ก็ใช้เทคนิคใส่ปุ่ม 4 ปุ่มเหมือนกัน
แต่ Gunpei Yokoi (น่าจะอ่านได้ว่า เก็นเป โยโกอิ) วิศวกรผู้รับหน้าที่ออกแบบ Donkey Kong ฉบับ Game Watch นั้นรู้สึกว่ามันไม่ใช่
เนื่องจากเกมนี้มีหน้าจอถึง 2 หน้าจอ
ทำให้ผู้เล่นจะต้องมีสมาธิที่หน้าจอมากขึ้น การละสายตาจากจอกลับมาดูปุ่มกดเพียงแว๊บเดียวอาจทำให้ Game Over ได้
และนั้นทำให้ User Experience ต่อเครื่องเกมนี้ไม่ดีไปด้วย
เก็นเปจึงต้องการที่จะให้ปุ่มควบคุมทิศทางนั้นรวมกันเป็นปุ่มเดียวและใช้งานได้ง่ายชนิดที่ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องละสายตาจากจอกลับมาดูปุ่มในมือ
ตอนแรกเค้าทดลองสร้างแกนอนาล๊อคขนาดเล็กขึ้นมาทดลองใช้ดู
มัน Work ใช่ แต่ปัญหาคือ Donkey Kong Game Watch เป็นเครื่องเกมที่ออกแบบให้พับเก็บได้
แกนอนาล๊อคที่ทดลองใช้นั้นแม้จะเล็กแต่ก็ยังใหญ่เกินไปจนพับเก็บไม่ได้
การออกแบบนี้จึงต้องเก็บเข้าลิ้นชักไปก่อน
ถ้าเก็นเปยังอยู่จนถึงปัจจุบัน เจ้าตัวอาจจะหัวเราะท้องแข็งเลยก็ได้ที่เดี๋ยวนี้แกนอนาล๊อคขนาดเล็กถูกใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง
(เก็นเปเสียชีวิตเมื่อเดือนกันยายน ปี1970 จากอุบัติเหตุรถยนต์
**ขอแก้ไขว่าเสียชีวิต เดือนตุลาคม 1997 ตามที่คุณ GrooVeAmaDa ครับ)
จากข้อจำกัดในการพับเก็บได้
เก็นเปมีตัวเลือกเดียวคือ ต้องเป็นปุ่ม
และไม่รู้ว่าอะไรดลใจแก
เก็นเปเลยออกแบบปุ่มบังคับทิศทางใหม่โดยให้ทั้งสี่ปุ่มรวมกันกลายเป็นปุ่มเดียวเป็นรูปเครื่องหมายบวก
ซึ่งถูกเรียกสั้น ๆ ว่า "cross design” หรือ "cross button”
ด้วยปุ่มแบบนี้ทำให้ผู้เล่นบังคับทิศทาง บน ล่าง ซ้าย ขวา ได้ด้วยปุ่มปุ่มเดียว
และสามารถรู้ได้ว่าจะต้องกดที่ใดเพื่อไปทิศทางไหนได้โดยไม่ต้องละสายตาจากจอเลยเพราะใช้แค่สัมผัสจากนิ้วก็รู้แล้ว
ในประวัติศาสตร์ของ D-Pad เกมแรกที่ได้ใช้ปุ่มบังคับทิศทางแบบใหม่นี้จึงเป็น Donkey Kong Game Watch
แต่ในตอนนั้นก็ไม่มีใครสนใจปุ่มนี้เท่าไหร่ แม้แต่ Nintendo เอง
มันถูกละเลยขนาดที่ว่าการออกแบบของ "cross" design นี้เกือบที่จะไม่ถูกจดสิทธิบัตรโดย Nintendo ด้วยซ้ำ
To be continue in Part 2
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน”
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น
ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/
บทความตามใจฉัน “Goc: D-Pad” Part 1
ในการเล่นเกมนั้น สิ่งสำคัญสำหรับการเล่นคือ อุปกรณ์ควบคุม หรือในสมัยนี้คนไทยมักเรียกสั้น ๆ ว่า “จอย”
และหากผู้อ่านมี “จอย” อยู่ใกล้ ๆ ให้ลองหยิบขึ้นมาดู จะเห็นปุ่มปุ่มหนึ่งเป็นรูปคล้ายเครื่องหมายบวก
ปุ่มนั้นคือ D-Pad ชื่อเต็มคือ directional pad
เราอาจจะเห็นมันบ่อย ๆ จนเป็นของปกติไปแล้ว
แต่รู้รึไม่ว่าปุ่มนี้มีความสำคัญในระดับที่ปฏิวัติวงการเกมและวิธีการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้ามาจนถึงปัจจุบัน
บทความในคราวนี้ผู้เขียนจะเล่าถึงความเป็นมาของ D-Pad
ปุ่มที่ถูกใช้จนถูกลืมนี้กัน
ในการเล่นเกมนั้น D-Pad เป็นปุ่มที่มีไว้สำหรับควบคุมทิศทางที่ตัวละครในเกมจะเคลื่อนที่หรือหันไป
ในสมัยก่อน ปุ่มความคุมทิศทางของเครื่องเกมส่วนใหญ่จะใช้แกนอนาล๊อคขนาดใหญ่
แนวคิดของ D-Pad มาจากไหน ไม่มีใครทราบ
แต่ต้นคิดของ D-Pad ที่เก่าแก่ที่สุดนั้นพบได้ที่เครื่องเกมอาเขตกับเกมที่ชื่อว่า Blockade
ดูจากเกมเพลย์แล้วมันก็คือเกมงูกินหางแบบเล่นสองคนนี่เอง
ที่เครื่องจะมีปุ่มควบคุมทั้งหมด 4 ปุ่ม แบ่งออกเป็นสองชุดสีสำหรับ 2 ผู้เล่น
ด้วยปุ่มทั้ง 4 นี้ ผู้เล่นสามารถบังคับทิศทางของ Block ที่จะไปได้ 4 ทิศทาง
บน, ล่าง, ซ้าย และ ขวา
สามารถดูเกมเพลย์ของ Blockade ได้ที่ Link ข้างล่าง
https://www.youtube.com/watch?v=_78RsJuGP34
ปุ่มควบคุมทิศทางที่มีลักษณะใกล้เคียงกับ D-Pad ที่เรารู้จักมากที่สุด ถูกพบครั้งแรกเมื่อปี 1981
ในเครื่องเกมมือถือแบบเปลี่ยนเกมได้เครื่องแรกของโลกที่ชื่อว่า Microvision
ออกวางจำหน่ายครั้งแรกปี 1979
โดยเครื่องนี้มีจุดเด่นคือเวลาเปลี่ยนเกมจะทำการเปลี่ยนทั้งหน้ากากของตัวเครื่องไปด้วย
ทำให้ Controller ในแต่ละเกมไม่เหมือนกันเพราะถูกเปลี่ยนไปด้วยพร้อมกับเกม
ปุ่มควบคุมทิศทางที่คล้ายกับ D-Padนั้นมากับเกมที่ชื่อว่า Cosmic Hunter ที่ออกวางจำหน่ายในปี 1981
D-Pad แบบที่เรา ๆ รู้จักกันนั้นเกิดขึ้นมาเมื่อปี 1982
ในตอนนั้น Nintendo กำลังผลิตและขาย Game Watch หรือในไทยมักเรียกเครื่องเกมแบบพกพาแบบนี้ว่า “เกมกด” อยู่
Nintendo มีแผนที่จะแปลงเกม Donkey Kong ที่เป็นเกมอาเขตสุดฮิตของตนเองลง Game Watch
แต่ติดปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง
Donkey Kong เป็นเกมที่ต้องควบคุมตัวละครให้เคลื่อนที่ได้ถึง 4 ทิศทาง บน, ล่าง, ซ้าย และ ขวา
ซึ่งต่างจาก Game Watch เกมอื่น ๆ ที่ใช้การเคลื่อนที่เพียง 2 ทิศทาง แค่ซ้ายและขวา
แน่นอนว่าปัญหานี้แก้ได้ง่าย ๆ โดยการใส่ปุ่มบังคับทิศทางลงไป 4 ปุ่มแบบที่ Blockade ทำก็จบแล้ว
อย่างเช่นในรูป เกม Super Mario ฉบับ Game Watch ก็ใช้เทคนิคใส่ปุ่ม 4 ปุ่มเหมือนกัน
แต่ Gunpei Yokoi (น่าจะอ่านได้ว่า เก็นเป โยโกอิ) วิศวกรผู้รับหน้าที่ออกแบบ Donkey Kong ฉบับ Game Watch นั้นรู้สึกว่ามันไม่ใช่
เนื่องจากเกมนี้มีหน้าจอถึง 2 หน้าจอ
ทำให้ผู้เล่นจะต้องมีสมาธิที่หน้าจอมากขึ้น การละสายตาจากจอกลับมาดูปุ่มกดเพียงแว๊บเดียวอาจทำให้ Game Over ได้
และนั้นทำให้ User Experience ต่อเครื่องเกมนี้ไม่ดีไปด้วย
เก็นเปจึงต้องการที่จะให้ปุ่มควบคุมทิศทางนั้นรวมกันเป็นปุ่มเดียวและใช้งานได้ง่ายชนิดที่ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องละสายตาจากจอกลับมาดูปุ่มในมือ
ตอนแรกเค้าทดลองสร้างแกนอนาล๊อคขนาดเล็กขึ้นมาทดลองใช้ดู
มัน Work ใช่ แต่ปัญหาคือ Donkey Kong Game Watch เป็นเครื่องเกมที่ออกแบบให้พับเก็บได้
แกนอนาล๊อคที่ทดลองใช้นั้นแม้จะเล็กแต่ก็ยังใหญ่เกินไปจนพับเก็บไม่ได้
การออกแบบนี้จึงต้องเก็บเข้าลิ้นชักไปก่อน
ถ้าเก็นเปยังอยู่จนถึงปัจจุบัน เจ้าตัวอาจจะหัวเราะท้องแข็งเลยก็ได้ที่เดี๋ยวนี้แกนอนาล๊อคขนาดเล็กถูกใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง
(เก็นเปเสียชีวิตเมื่อเดือนกันยายน ปี1970 จากอุบัติเหตุรถยนต์
**ขอแก้ไขว่าเสียชีวิต เดือนตุลาคม 1997 ตามที่คุณ GrooVeAmaDa ครับ)
จากข้อจำกัดในการพับเก็บได้
เก็นเปมีตัวเลือกเดียวคือ ต้องเป็นปุ่ม
และไม่รู้ว่าอะไรดลใจแก
เก็นเปเลยออกแบบปุ่มบังคับทิศทางใหม่โดยให้ทั้งสี่ปุ่มรวมกันกลายเป็นปุ่มเดียวเป็นรูปเครื่องหมายบวก
ซึ่งถูกเรียกสั้น ๆ ว่า "cross design” หรือ "cross button”
ด้วยปุ่มแบบนี้ทำให้ผู้เล่นบังคับทิศทาง บน ล่าง ซ้าย ขวา ได้ด้วยปุ่มปุ่มเดียว
และสามารถรู้ได้ว่าจะต้องกดที่ใดเพื่อไปทิศทางไหนได้โดยไม่ต้องละสายตาจากจอเลยเพราะใช้แค่สัมผัสจากนิ้วก็รู้แล้ว
ในประวัติศาสตร์ของ D-Pad เกมแรกที่ได้ใช้ปุ่มบังคับทิศทางแบบใหม่นี้จึงเป็น Donkey Kong Game Watch
แต่ในตอนนั้นก็ไม่มีใครสนใจปุ่มนี้เท่าไหร่ แม้แต่ Nintendo เอง
มันถูกละเลยขนาดที่ว่าการออกแบบของ "cross" design นี้เกือบที่จะไม่ถูกจดสิทธิบัตรโดย Nintendo ด้วยซ้ำ
To be continue in Part 2
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน”
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น
ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/