ขอพูดเรื่องชีวิตหลังความตาย เกี่ยวกับคนรักกับสัตว์เลี้ยง หรือเครือญาติ
สมมุติมีคนตาย วิญญาณคนที่ตายก็น่าจะไปรวมอยู่กับญาติเก่าที่เคยล่วงลับไปก่อน ไปอยู่รวมกันที่ภพนั้นๆ ด้วยความผูกพัน
หรืออาจแบ่งเป็นเคสๆไปว่า คนไหนรักกับคนไหน คนไหนเป็นลูกใคร จัดสถานที่ไป
คนไหนเวลาตาย ก็น่าจะรู้ตัว แล้วก็สำนึกได้ว่า เราตาย ก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ มันคงจะสงบไปเอง เพราะงานไม่ต้องทำแล้ว ไม่ต้องไปต่อสู้หาเงิน
ทะเลาะกับใคร ใส่หน้ากากเข้าหาใคร ไม่ต้องโหยหาเงิน ไม่ต้องปล้นใครเขา คดโกงใคร ก็เพราะไม่ต้องใช้เงินแล้ว
พอนึกขึ้นได้ก็อยากไปอยู่กับแม่หรือพ่อที่ล่วงลับไปก่อน หรือกับคนรัก หรือกับสัตว์เลี้ยงที่รักมากๆ แมวหรือหมา
ไม่ต้องไปเกิด ไปให้เลี้ยงดูกันต่อที่ภพโน้น ภพนี้ แทนที่ ตายปุ๊บเกิดปั๊บ ไม่ถามคนเลี้ยงหน่อยหรอว่าอยากให้ไปเกิด หรืออยากให้รอเจอกันตอนเป็นวิญญาณอีกที
ไอ้เรื่องไปเกิดหรือไม่ไปเกิด ก็น่าถามความสมัครใจกันหน่อยว่า จะไปหรือไม่ไป ไม่ใช่ เกิดเป็นหมู หมา กา ไก่ เราว่า ไม่เมคเซ้นเอาซะเลย
พอวิญญาณเพิ่งตายใหม่ๆ ก็จัดอบรม เยียวสำหรับผู้ที่ตายว่า คุณตายแล้วนะ โน้นนี้ ไรก็ว่าไป ทำตัวดีๆ เราจะจัดที่ให้ บลาๆๆ
คนไหนเป็นผี สิงตามที่นั้นๆ ก็ส่งวิญญาณที่เคยทำงานมูลนิธิมาเยียวยา คอยบอกให้ละๆ จะได้ไม่ต้องไปสิงที่ไหน รบกวนคน
ใครอยากได้ส่วนบุญ ก็จัดองกรค์ เข้าฝันได้ไม่ผิดกฎ ไรก็ว่าไป
นี่สวรรค์หรือนรก เปลี่ยนคนบริหาร เปลี่ยนกฎ มันคงจะดีไม่น้อย
ทีโลกมนุษย์ ยังพัฒนาไม่หยุด โลกวิญญาณ ฉไน ไม่เปลี่ยนไปตามบริบทที่มันควรจะเป็นบ้าง ไม่มีความลึกซึ้งอ่อนไหวก็ซะเลย
หรือโลกโน้น ก็มีไดโนเสาร์ไม่ปล่อยให้รุ่นใหม่ๆ บริหารกันหรือไง
ผมพยายามอ่าน เรื่องชีวิตหลังความตาย 7 วัน 100 วัน คน สัตว์ นรก สวรรค์ ไม่เมคเซ้นเอาซะเลย มีแต่ปรัชชาที่ไม่สมเหตุสมผล
เพราะทีเราเวลาทำงานเรายังมาถกเหตุผลเพื่อให้งานออกมาดี แต่พอเรื่อง กฎแห่งกรรม เรื่องนรกสวรรค์ ชีวิตหลังความตาย กลับชาติมาเกิด ดันไม่ถกให้เป็นเหตุและผล
ผมว่า กฎหลังความตายมันน่าจะเปลี่ยนใหม่
สมมุติมีคนตาย วิญญาณคนที่ตายก็น่าจะไปรวมอยู่กับญาติเก่าที่เคยล่วงลับไปก่อน ไปอยู่รวมกันที่ภพนั้นๆ ด้วยความผูกพัน
หรืออาจแบ่งเป็นเคสๆไปว่า คนไหนรักกับคนไหน คนไหนเป็นลูกใคร จัดสถานที่ไป
คนไหนเวลาตาย ก็น่าจะรู้ตัว แล้วก็สำนึกได้ว่า เราตาย ก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ มันคงจะสงบไปเอง เพราะงานไม่ต้องทำแล้ว ไม่ต้องไปต่อสู้หาเงิน
ทะเลาะกับใคร ใส่หน้ากากเข้าหาใคร ไม่ต้องโหยหาเงิน ไม่ต้องปล้นใครเขา คดโกงใคร ก็เพราะไม่ต้องใช้เงินแล้ว
พอนึกขึ้นได้ก็อยากไปอยู่กับแม่หรือพ่อที่ล่วงลับไปก่อน หรือกับคนรัก หรือกับสัตว์เลี้ยงที่รักมากๆ แมวหรือหมา
ไม่ต้องไปเกิด ไปให้เลี้ยงดูกันต่อที่ภพโน้น ภพนี้ แทนที่ ตายปุ๊บเกิดปั๊บ ไม่ถามคนเลี้ยงหน่อยหรอว่าอยากให้ไปเกิด หรืออยากให้รอเจอกันตอนเป็นวิญญาณอีกที
ไอ้เรื่องไปเกิดหรือไม่ไปเกิด ก็น่าถามความสมัครใจกันหน่อยว่า จะไปหรือไม่ไป ไม่ใช่ เกิดเป็นหมู หมา กา ไก่ เราว่า ไม่เมคเซ้นเอาซะเลย
พอวิญญาณเพิ่งตายใหม่ๆ ก็จัดอบรม เยียวสำหรับผู้ที่ตายว่า คุณตายแล้วนะ โน้นนี้ ไรก็ว่าไป ทำตัวดีๆ เราจะจัดที่ให้ บลาๆๆ
คนไหนเป็นผี สิงตามที่นั้นๆ ก็ส่งวิญญาณที่เคยทำงานมูลนิธิมาเยียวยา คอยบอกให้ละๆ จะได้ไม่ต้องไปสิงที่ไหน รบกวนคน
ใครอยากได้ส่วนบุญ ก็จัดองกรค์ เข้าฝันได้ไม่ผิดกฎ ไรก็ว่าไป
นี่สวรรค์หรือนรก เปลี่ยนคนบริหาร เปลี่ยนกฎ มันคงจะดีไม่น้อย
ทีโลกมนุษย์ ยังพัฒนาไม่หยุด โลกวิญญาณ ฉไน ไม่เปลี่ยนไปตามบริบทที่มันควรจะเป็นบ้าง ไม่มีความลึกซึ้งอ่อนไหวก็ซะเลย
หรือโลกโน้น ก็มีไดโนเสาร์ไม่ปล่อยให้รุ่นใหม่ๆ บริหารกันหรือไง
ผมพยายามอ่าน เรื่องชีวิตหลังความตาย 7 วัน 100 วัน คน สัตว์ นรก สวรรค์ ไม่เมคเซ้นเอาซะเลย มีแต่ปรัชชาที่ไม่สมเหตุสมผล
เพราะทีเราเวลาทำงานเรายังมาถกเหตุผลเพื่อให้งานออกมาดี แต่พอเรื่อง กฎแห่งกรรม เรื่องนรกสวรรค์ ชีวิตหลังความตาย กลับชาติมาเกิด ดันไม่ถกให้เป็นเหตุและผล