กำลังจะแต่งงาน แต่รู้สึกว่าไม่อยากจัด เพราะครอบครัวฝ่ายเราเห็นแก่ได้ จะทำยังไง

ขอแก้ไขรายละเอียดนะคะ เพราะได้คำตอบจากหลายๆคอมเม้นแล้ว และเลือกทำตามคอมเม้นส่วนใหญ่ คือเลือกที่จะพูดจะดลือกเองค่ะ

-เงิน300,000 เราบอกไปว่าอาจมากหรือน้อยสำหรับคนอื่น ส่วนตัวพวกเรา มากจริงๆค่ะ เป็นเงินทั้งชีวิตลูกเลย ตองเข้าใจก่อนนะคะว่าครอบครัวเรากำหนดสินสอดบวกเวลาแค่สองเดือน งานเราไม่ใช่งานที่วางฤกษ์มาเป็นปีๆ คนอื่นไม่สามารถนำไปเทียบกับเรื่องของตัวได้ 
-โต้ะจีน30โต้ะไม่มีความหมายสำหรับเรา เพราะเรามีลูกอยู่ในท้อง ที่ถึงเวลางานแต่งก็อีกแค่4เดือนจะคลอดแล้วค่ะ ที่จะจัดโต้ะเรามองว่านั่นคือค่าทำคลอดเลย 

-งานแต่งใครๆก็อยากทำให้ครอบครัวค่ะ แฟนกับเรายังตื่นเต้นไปด้วยเลยครั้งก่อนจะเจอปัญหา ถ้าเรามีเวลามากกว่าสองเดือนกับเงินในมือมากกว่าสามแสนแม้เเต่ตัวเราก็อยากจะหาเงินจัดให้เค้าเองค่ะ จะสี่ห้าสิบโต้ะมีอะไรที่เราจะเกี่ยงถ้ามีเงิน แต่ความจริงไม่มีค่ะ และครอบครัวเราเองก็ไม่ได้แสดงความว่าเป็นห่วงใครเลยแม้แต่ลูกเราในท้อง แฟนก็พอมองเห็น เลยถามว่าถึงตอนนั้นใครจะไม่มีที่หายใจ ก็คงเป็นเราที่ต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกตอนเสร็จงาน

-เราออกงานสิ้นเดือนมีนาคม62 หางานใหม่สักพักจนได้เทรนงาน ช่วง4พค. วันนั้นรู้ว่าท้อง เทียบงานหนักกว่าที่เดิม เงินเดือนได้น้อยกว่าครึ่ง แฟนเลยให้ออกงานเพราะยังไงคลอดคุยกันแล้วว่าเราต้องเป็นคนเลี้ยงลูก จนกว่าจะเข้าเรียน และเราต้องกลับไปหางานทำ ไม่ใช่เราหวังพึ่งพช.100%เหมือนที่ใครว่าไว้นะคะ

-เมื่อวานเราตีดสินใจโทรคุย บอกเค้าว่าขอไม่เอาโต้ะ ถ้ายึดพิธีก็ทำแค่พิธีผูกแขนเลี้ยงพระเชิญญาติสนิทในละแวก แม่บอกไม่ได้พระจะฉันยังไง เราบอกงั้นเอาโต้ะมาแค่จำนวนพระ แม่เริ่มโวยวาย บอกงั้นไม่ต้องจัด เราเริ่มมีปากเสียง ตัดพ้อความน้ิอยใจที่เก็บไว้ก็เริ่มระบายออกมา เราถามว่าแม่เคยห่วงหลานมั้ยว่าออกมาหลานจะเอาตังไหนกิน ตอนนั้นเราก็ดราม่าร้องไห้แล้ว ถามแม่จะช่วยเหลือเค้ามั้ย จะช่วยได้เท่าไหร่ถึงไหน แม่ก็วนไปแต่บอกว่าไม่เคยที่ไม่ชวนญาติ เราบอกไปญาติ2ร้อยกว่าคนมีกี่คนที่เรารู้จักถึง20มั้ย เรื่องราวยื้อกันไปมาประมาณนี้จนถึงเราถามว่าแม่ไม่คิดว่านี่จะเหนื่อยเหรอ อุ้มท้อง5เดือนแล้วไล่ไหว้ใครที่ไม่รู้จักไปเรื่อยปเรื่ย คำที่ก้องในหูก่อนเราจะวางคือเค้าพูดว่า 5เดือนก็ช่างแม่_ เท่านั้นเราตัดสายและร้องหนักเลย เราคิดเป็นอื่นไม่ได้แล้ว
นอกจากเสียความรู้สึก เหมือนโทรไปตอกย้ำตัวเอง

-แต่อีกสักครึ่งชมเบอร์พ่อโทรมา(ลุง)เค้าถามว่าต้องการยังไง เราก็อธิบายซ้ำพูดถึงเหตุและผล เค้าบอกงั้นก็ตามนั้นก็ได้ งานก็ยังจะจัด ใจเราฟังโล่งมากแต่เราขอคุยกับแม่แม่ไม่คุย พ่อบอกเดี๋ยวจะไปพูดเอง (ทางบ้านเราส่วนมากพ่อปู่จะเกรงใจญ.หรือเมีย เมียว่าไงก็ต้องให้เมียจัดการ) เราอธิบายไปว่าพ่อต้องเข้าใจก่อนว่าเงินตรงนี้ถ้าเอาให้เขาหมดเราจะไม่เหลืออะไรให้ลูกเลย เราไม่อยากเป็นหนี้ในการเลี้ยงลูก ถ้าเรามี รอจนลูกคลอดเราจะกลับไปจัดให้ เราไม่ได้อยากจะอกตัญญู แต่เงินส่วนนี้คือทั้งชีวิตตอนนี้จริงๆ ถ้าเค้าอยากได้เราตั้งใจจะแบ่งไปเลยครึ่งนึง เอาเงินไปทำอะไรก็ได้ดีกว่าจะละลายทิ้ง 

-แต่สิ่งนึงที่เราคิดผิดคือคิดว่าเขาไม่รัก คิดว่าจะไม่เหลือใครที่จะรับฟัง พ่อกลับบอกมาว่างั้นแกเอาเงินไปเลยเก็บไว้ให้หลานก่อน เราเลยตัดสินใจคุยกับพ่อว่ามีที่ที่เป็นของเราจากการที่ย่าแบ่งให้จากพ่อเราตายอยู่7ไร่ เราบอกจะแบ่งให้ รับไม่รับก็ขอแบ่งเพื่อความสบายใจที่เลี้ยงเรามา 

-ตอนนี้มีความสบายใจที่กล้าจะพูดและบอกไปอย่างที่หลายๆคอมเม้นแนะนำมา ถึงแม้ยังไม่รู้ว่าแม่จะร่วมงานหรือยอมรับในงานมั้ยเพราะโทรขอคุยแม่ยังไม่คุย เราก็หวังว่าอีกไม่ถึง2เดือนให้เวลาเขาทบทวนใจเย็นลงก่อนอะไรอะไรอาจจะดีขึ้น เราก็หวังที่จะยังกลับไปหาพวกเค้าได้นั่นแหละค่ะ เจตนาเราไม่ได้อยากให้มีอะไรบาดหมางอยู่แล้ว 

-แต่เราอยากให้หลายคนมองว่าเรื่องปัญหาครอบครัวมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และยากที่หลายคนจะเข้าใจในมุมมองเราหมด เลยตัดสินว่าเรามีปัญหามองอคติกับครอบครัว อย่าลืมว่าทุกคนโตมาไม่เหมือนกัน การที่เรามาลงกระทู้คือการที่สุดๆของเราจริงๆ เราไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้มาก่อน เพื่อนเรายังมองวขำว่าขนาดคนอย่างเรายังเอามาลง เพราะเราตันจริงๆในตอนนั้น ตั้งกระทู้ไม่ใช่หนทางระบายอย่างเดียวแต่ต้องการคำตอบหรือตอนจบที่พอจะไปกันได้ พื้นฐานแรงกดดันครอบครัวเราไม่เท่ากันบวกกับสังคมที่บ้านรอบข้างทั้งการเกือบโดนข่มขืนจากญาติในวัยเด็กและเราไม่เคยได้รับการปกป้องในวัยเด็ก ต้องปิดบังเพื่อหน้าตาทางบ้านกลายเป็นต้องเป็นเด็กหัวแข็งต่อสู้คนเดียวเรื่อยมา ไม่กล้าจะพูดจะขออะไนอีกเพราะเรื่องอดีตมันฝังว่าไม่มีใครจะรับฟัง ใครจะตีความว่ายังไงต่อไปเราก็สิ้นสุดแล้วค่ะ

สุดท้ายนี้ขอบคุณทั้งข้อความหลังไมค์และคอมเม้นแนะนำนะคะ ถ้าไม่ได้จากตรงนี้ วันนี้เราอาจนอนอมทุกข์ยังหาทางแก้ไม่ได้หรอกค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
บอกตรงอยากเสนอให้คุณไปจดทะเบียนกับแฟน ไม่ต้องจัดงานอะไร
เก็บเงินไว้ให้ลูกเถอะ
เด็กเกิดมามีค่าใช้จ่ายเยอะมาก
ระหว่างลูกเล็ก แฟนคุณคงต้องทำงานคนเดียว
อย่าเอาเงินมาสนองความอยากหน้าใหญ่ใจโตของคนบางคนเลย

ญาติแบบนี้เป็นเราไม่ใส่ใจ
ความคิดเห็นที่ 4
ถามตัวเองก่อน  คุณแคร์ใครที่สุดในบ้าน  จึงไม่กล้าแตกหัก
ตอบตัวเองให้ได้  คำว่า  ที่สุด  มีเพียง 1 เดียว  เลือกให้ได้ก่อนค่ะ
1  ถ้าแคร์ย่า   และคิดว่า  ย่าเข้าใจคุณอยู่แล้ว  ที่ไม่อยากจัดงาน   ก็หักดิบกับทุกคนที่เหลือ  จดทะเบียนเลย แล้วประกาศว่า  ไม่จัดงานแล้ว  3แสนก็ไม่ให้แล้ว  
2  ถ้าแคร์คนที่เหลือ  อยากเรียกป้า-ลุง ว่าพ่อแม่ ต่อไป  ก็ต้องตามใจเขา  ชีวิตที่เหลือลำบากยังไงก็ต้องกล้ำกลืน  

บอกตรงๆ  มีลูกสมัยนี้ 3 แสนถือว่าแค่เงินสำรองคลอดสบายๆในรพ.เอกชน  ยกเว้นคุณจะไปคลอดสิทธิบัตรทอง  ก็ประหยัดได้เยอะอยู่  แต่ระดับคุณจะยอมไหมคะ

สิ่งที่คุณกำลังสับสน  ไม่ใช่ว่าเลือกทางเดินไม่ได้
แต่เพราะคุณกำลังไม่อยากจะเลือก   อยากได้ทั้งสามีและครอบครัวใหม่  และ อยากได้การยอมรับจากครอบครัวเดิม อยากให้พวกเขารักชื่นชมคุณ
แต่คงต้องรีบปลุกตัวเองให้ตื่นเถิดค่ะ  คนเราจะไม่มีทางได้ทุกอย่าง
โลกความจริงคือ  พวกเค้าเป็นแค่ ลุง-ป้า  ถึงแม้ว่าคุณจะเรียก พ่อ-แม่  แค่เพื่อเติมเต็มสิ่งที่คิดว่าขาดหายไป  แต่จริงๆแล้ว  ก็เป็นแค่ ลุงป้า  พวกเขาไม่เคยรักคุณเหมือนพ่อแม่รักลูก  มิฉะนั้น  คุณคงไม่รู้สึกขาดความรักแบบที่ผ่านมา
บางที ชีวิตก็มีสถานการณ์บางอย่าง  เกิดขึ้นมาเพื่อให้คุณต้อง "กรอง" คนที่ไม่สำคัญออกไปจากชีวิตคุณบ้าง
ความคิดเห็นที่ 5
ดูเหมือนคุณเลือกมองมุมลบ... กลับกันถ้าลองมองมุมบวก
ทางลุงกับป้า  มุ่งหวังให้มีงานแต่ง  เพื่อรักษาหน้าตาของคุณและครอบครัวไปพร้อมกัน
อย่าลืมว่าคุณท้องก่อนแต่ง  ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนที่เห็นดีเห็นงามกับกรณีแบบนี้นะคะ
ท่านไม่ได้ว่ากล่าวคุณด้วยซ้ำ  ที่ทำตัวไม่ถูกต้อง    จึงอยากปกป้องคุณจากปากคนอื่นมากกว่า
เรื่องหน้าใหญ่จัดเลี้ยง 30 โต๊ะ ก็ยอมรับว่าเกินพอดีไปบ้าง แต่คงตามประสาผู้ใหญ่บางคนในต่างจังหวัด
คงอยากจัดแบบไม่ใช่งุบงิบแต่งงาน  เรื่องทำบุญบ้านพร้อมไปด้วย. เราถือว่าไม่แปลกอะไร  หลายคนเขาก็ทำกัน
เพราะนิมนต์พระมาแล้ว  จึงทำพร้อมกันไปเลย   ป้ายังมีน้ำใจที่จะแบ่งเงินสินสอดมาซื้อทองวางเป็นหน้าเป็นตา
และให้คุณเก็บไว้หรือขายก็แล้วแต่  ดูแล้วท่านคงไม่ได้จะงกเรื่องเงินเลยนะคะ  เพียงแต่ยังมีความคิดแบบเก่า
ที่ต้องจัดงานให้เป็นหน้าเป็นตา อย่าลืมว่าคุณเป็นฝ่ายผู้หญิง  ผู้ใหญ่เลยมองตรงนี้มากกว่า
คุณหัวสมัยใหม่  คุณมามีชีวิตอยู่กรุงเทพ  ไม่ต้องรับรู้อะไรทั้งสิ้น  แต่อย่าลืมว่าญาติ ๆ คุณทั้งหมดเขายังต้องอยู่บ้านตรงนั้น
พวกเขาอาจจะต้องได้ยินเสียงซุบซิบนินทาจากปากคนก็ได้  ที่มีลูกหลานท้องก่อนแต่ง  สังคมต่างจังหวัด
ยังไม่ได้สมัยใหม่และรับได้ทุกคนนะคะ

** คุณทำพลาด ผิดขั้นตอนการดำเนินชีวิตในสิ่งที่ผู้หญิงควรจะเป็น  
กลับไม่มองความผิดพลาดของตัวเอง  กลับพยายามเพ่งมองความผิดไปทางครอบครัว
ทั้งที่พวกเขาพยายามทำเพื่อคุณอยู่  เพราะท่านไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงแบบนั้นหรือ.
คุณถึงคิดด้านลบกับท่าน ... แต่อย่าลืมว่าอย่างน้อยท่านก็เลี้ยงคุณมานะคะ

ส่วนครอบครัวแฟน  อย่าไปเห่อมาก  ลองดูไปนาน ๆ ก่อนก็ได้นะคะ
ดูคุณเห็นใจโน่นนี่มากกว่าครอบครัวของตัวเองอีกนะคะ ...

ถ้าเราเป็นครอบครัวคุณ. ได้มาอ่านสิ่งที่คุณบรรยายมาในกระทู้นี้  คงเสียใจไม่น้อย
จึงอยากบอกให้คุณลองมองในอีกมุมดูบ้าง  ว่าผู้ใหญ่บางคนท่านก็คิดไม่เหมือนคนรุ่นใหม่
อย่างน้อยเป็นครอบครัวเดียวกัน  คุณควรคำนึงถึงบ้างเท่านั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่