ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับ 
ว่านี้เป็นกระทู้รีวิวแรกของผม ที่อยากแบ่งปันประสบการณ์ ดีๆ ให้เพื่อน ได้รับทราบ   
เพราะผมเองก็พยายามหา review มาก่อนหน้า   แต่ก็ตัดสินใจซื้อเครื่องนี้ไปเลย ทั้งทั้งที่ข้อมูลในแง่ลบก็มีให้อ่านมากกว่าเสียอีก 
(ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับ บ.นี้นะครับ    มาเขียนเองล้วนๆ  ส่วนรูปนั้น เดี๋ยวจะไป update ของจริงมาอีกที)
ผมเพิ่งซื้อเครื่องอบผ้า BEKO DV7120 มานี่เอง  หมาดๆเลย    
(ที่จริงซื้อพร้อมเครื่องซัก BEKO ด้วย  แต่ไว้จะมาเขียนรีวิวใหม่นะครับ)

เครื่องขนาดกำลังอบ 7 กก.
ระบบลมร้อน  ซึ่งก็จะมีท่อลมให้ต่อด้านหลัง   ไม่มีทางออกด้านหน้า  
แต่ผมวางไว้ในโรงรถซึ่งเปิดโล่ง  ก็ไม่เป็นปัญหาครับ
ฝาหน้าเป็นสี่เหลี่ยม   มองไม่เห็นด้านใน    ซึ่งทีแรกแอบเสียดาย ว่าทำไมมองไม่เห็น
แต่พอใช้เครื่องซักผ้าไป  ก็ทำให้รู้ว่า เครื่องซักเองก็มองแทบไม่เห็น เพราะฝาสีดำ ต้องส่งไฟฉายเวลาดูผ้ามุน
ดูมันลำบากจัง  งั้นไม่ต้องมองหรอก  มันก็แค่หมุน และ อบร้อน  
และความร้อนนี่เอง  ถ้าฝาเป็นเหล็กโลหะ  อาจจะทนกว่า (อิอิ คิดเอง)

แว๊บแรกที่เห็นคือ 
ฟังก์ชั่นเยอะสุดๆ ผ้าเข้ม ผ้าบาง ผ้าฝ้าย
พร้อมรีด พร้อมพับ พร้อมใส่  โอ้ยจิปาถะ
น่าสน น่าสน   ราคาก็รับได้  เพราะไม่ต้องเอาเครื่องแพง เอาแค่ลมร้อนนี่หละ  
แต่พอใช้จริง   ที่ว่า function เยอะๆนี่แหละครับ    งง  สับสน  สรุปใช้แค่ไม่กี่อันพอ
เพราะสุดท้าย  คือ ผ้าแห้งเป็นอันสำเร็จลุล่วง

อันดับสอง
ใช้งานง่ายมาก  เชื่อว่าถ้าคุณพ่อ คุณแม่ อายุ สัก 60+ มาใช้  ก็จะใช้งานได้ง่ายด้วย     แล้วท่านก็จะหลงรักมันเลย

เห็นหลายๆรีวิวบอกว่า อบผ้าไม่แห้ง   ไม่รู้จักยี่ห้อนี้ 
ผมคิดว่าที่ผ้าไม่แห้งอันนี้เป็นเพราะใส่ผ้าหลายชนิดรวมกัน   เวลาเซนเซอร์วัดความชื้น อาจจะเพี้ยนได้  ซึ่งผมก็เป็น เพราะการใช้งานจริง  ใครจะไปนั่งคัดแยกผ้าออกจากกันขนาดนั้น  ไม่งั้นก็อบกันหลายรอบ อบกันทั้งวันทั้งคืน   แต่ผ้าที่ออกมาก็แห้งดีมาก  มีน้อยมากที่ชื้น แต่ด้วยความอุ่นที่ออกมาก แป๊บเดียวก็แห้ง 
หรือ เครื่องเองก็มี function เพิ่มเวลาเพื่ออบต่อได้   (ใช้งานง่ายมาก)
ส่วนเรื่องเครื่องไม่ทน  อันนี้ไม่รู้ครับ  เพิ่งซื้อมาใช้     แต่ที่กล้าซื้อคอร์ส​เรื่อง​ศูนย์​บริการ  (ทั้งที่จริงก็มอง Electrolux แต่​ต่าง​กัน​ที่​ศูนย์​เลย​ เพราะ​ BEKO ศูนย์บริการกระจาย  ใกล้บ้าน และ onsite servive)

แต่สิ่งที่ปะทับใจมาก สำหรับการใช้เครื่องอบผ้า คือ 
...... ผ้านุ่ม ฟู   ต่างกับการตากแดดมากๆ  (ย้ำว่าต่างกันมาก)
รอยยับก็น้อยมากๆ  (ย้ำว่าต่างกันมาก)  
เรียกได้ว่าผ้าที่ตากแดด  ก็จะแข็งตั้งทรงยังกับที่แขวนผ้า    เวลารีดผ้าก็ต้องเสีบเวลา  ต้องฉีดน้ำเพิ่ม  ต้องใช้เตาไอน้ำดีๆแพงๆ
แต่พอมาใช้เครื่องอบผ้า   มันคนละเรื่องเลยครับ   คือ หอม  นุ่ม   ฟู
และที่ต้องบอกคือ ตะแกรงกรองเศษฝุ่นผ้า  ซึ่งทีแรกเองก็ไม่คิดว่าสำคัญ   แต่พอเอาไปอบผ้าห่มลูกแค่นั้นหละ   โอ้วแม้เจ้าฝุ่นออกมาพรึบพรับเลย 
นั่นหมายความว่า ที่ผ่านมาเราซักผ้า แล้วเอาผ้านั้นกลับไปให้ลูกห่ม สูดดมกลับเข้าปอด   ก็คือ ฝุ่นที่เราสะบัดผ้ากันนี่แหละครับ
กลายเป็นว่า  เครื่องอบผ้า  ไม่ได้ให้แค่ผ้าแห้ง  แต่ให้ทั้งความสะอาดปราศจากฝุ่น และ ยังฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย


คืนนั้น ผมซักผ้า และ อบผ้า  และระหว่างนั้น ฝนตก!!! 
นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผ้าคงต้องมีกลิ่นอับๆ เล็กๆน้อยๆตามตะเข็บไปแล้ว   
แต่พอมีเครื่องอบผ้านี่นั่งยิ้มเลย ^^
แล้วต่อไปก็คงไม่ต้องตากผ้าทิ้งไว้ตอนไปทำงาน แล้วกลับมาเจอว่า ฝนสาด! ผ้าไม่แห้ง! โดนฝุ่น 

มีข้อดี ก็ต้องมีข้อเสีย
เครื่องอะไรกินไฟมากขนาดนี่   4 kW    ย้ำว่า 4kW 
นั้นหมายถึงเครื่องนี้เป็นหัวเสียบปลั๊ก    แต่มันก็ใช้ไฟซะจนเต็มขนาดสายไฟ 2.5 sq.mm กันเลยทีเดียว   คือ เปิดเครื่องนี้  อาจจะต้องงดการใช้ไฟเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเยอะเครื่องอื่นที่อยู่บนสายไฟชุดเดียวกันไปเลย    แต่ปัญหานี้แก้ได้โดย การต่อไฟตรงมาเป็น breaker ขนาด 32A ต่างหาก  และ ต้องไม่ผ่านลูก breaker ขนาดเล็กมาก่อน
แก้ไขครับ
เครื่องกินไฟแค่ 2200W ครับ  ไม่ใช่ 4000W
สามารถใช้ปลั๊กมาตรฐานได้   แต่ก็กินไฟ 2200W ได้นานเป็น ชม. นะครับ
ดังนั้น  ถ้าจะให้ดี ก็ควรปรับปรุงเรื่องของระบบไฟฟ้าเสียดีกว่า

ปั่นแต่ละครั้ง  ก็นานนะ อาจจะ ชม.กว่าๆ   แต่ก็แห้งเลย
แบบว่าอย่าไปรอนะครับ   เพราะเวลาเราตากผ้าที่ราวตากผ้า ไม่เห็นต้องรอ   แต่พอเอาเข้าเครื่องเท่านั้นหละ  ตั้งหน้าตั้งตารอซะงั้น  (หรือ ผมเป็นคนเดียวหว่า..)

รอบต่ำกว่าเครื่องซักผ้ามาก  แต่เสียงก็ดังกว่าเครื่องซักผ้า
ยิ่งเวลาเสื้อผ้าที่มีตะขอ หรือ เม็ดเข็ง (อะไรประมานี้)   เสียงมันจะตีกับถัง stainless เสียงดังตลอด   
(อันนี้ต่างกัยเครื่อง เพราะเครื่องซักมีน้ำ  แต่อันนี้เป่าลม  มันก็จะกรวงๆนิด)

ข้อดีก็เขียนไปตั้งแต่แรกแล้วครับ
แต่ก็รู้สึกดีมากที่มีเครื่องอบผ้าติดบ้าน   แต่จะอบทุกครั้งมั้ยนั้น   
ตอบเลยว่าไม่  เช่น
1. ชุดชั้นในแฟน 
2.ชุดชั้นในเรา
3. ชุดชั้นในลูก
4. ถุงเท้า ถุงน่อง
5.ชุดว่ายน้ำ
และ อื่นๆ บ้าง    อันนี้ก็กลัวมันหดครับ   อย่างว่า อบแห้งด้วยลมร้อน
แต่ก็อาจจะลอง mode อื่นครับ   อันนี้ขอไม่ลองนะ   เอาไว้ใช้อย่างอื่นลอง
แต่ถ้าฝนตก  อากาศชื้นมากๆ  ก็คงต้องใช้บ้าง
 
และด้วยอัตราการกินไฟที่สูงนั้น   
ก็เป็นไปได้ว่าจะใช้วิธีการตากผ้าบ้าง เช่น ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดเท้า 
แต่ที่แนะๆคือ  ราวตากผ้า  อันใหญ่โตนั้น  ว่างเปล่า   ใช้น้อนมาก 

ปล.   เดี๋ยวจะ update รูปจริงๆ  เข้ามา
แล้วคืนนี้กลับไปซักยีนส์  +  ผ้าสีเข้ม   แล้วจะเอามาบอกต่อนะครับ

ปล.  เมื่อวานอบผ้าปู ผ้ารองนอน ผ้าห่ม ลูก  ขนาด 3.5 ฟุต  สบายๆ
หลัวจากเสร็จ  ก็พับได้เลย
โอ้ว  มันยอดมาก