สวัสดีค่ะ มีปัญหามาปรึกษาค่ะ เรากลายเป็นคนกลัวโรงเรียนตั้งแต่เรายังเรียนอยู่ชั้นประถมเพราะโดน bully มาโดยตลอด หลังจากนั้นเราก็ร้องไห้ทุกวันจนกระทั่งเลื่อนชั้นไปเรียนมัธยมที่ต่างโรงเรียนค่ะ สังคมดูเหมือนจะดีมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นฝ่ายเพื่อนที่ bully กลับเป็นฝ่ายครูแทน ความหนักแน่นและคำถามภายในหัวมันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเราตัดสินใจย้ายโรงเรียน เราได้ต่อมัธยมปีที่2เทอม2ที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง เพราะภายในโรงเรียนนานาชาติมักจะมีนักเรียนน้อยจึงคิดว่าสภาพสังคมคงน่าอยู่ขึ้น ทุกๆอย่างเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ช่วงแรกๆทุกคนดูอบอุ่น ต้อนรับดี คุณครูก็เช่นกัน พอผ่านไปได้สักพัก คุณครูเริ่มจับกลุ่มว่าร้ายเกี่ยวกับเราและพี่ เพื่อนๆเริ่มมองว่าเราแตกต่าง คุณครูท่านหนึ่งได้มาทักเราหากแปลก็จะได้ความว่า ทำไมเธอไม่ไปดูหนังกับเพื่อนหรือไปเดินห้างกับเพื่อนล่ะ เราได้ตอบไปว่าเราเคยลองทำแล้วแต่เรารู้สึกอึดอัด การที่กลุ่มสาวๆวัยรุ่นต้องไปเดินช็อปเสื้อผ้ากัน หรือแม้กระทั่งซื้อเครื่องสำอาง นั่นไม่ใช่เราสักเท่าไหร่ และเหตุผลที่เราไปดูหนังด้วยไม่ได้ก็เพราะว่าเย็นวันนั้นมีนัดทานดินเนอร์กับครอบครัว ครูท่านนั้นดูไม่พอใจแล้วบอกว่าดินเนอร์กันวันอื่นไม่ได้หรอ ท่านคงคิดว่าเราตั้งใจหาข้ออ้างปฏิเสธเพราะวันที่มีดินเนอร์นั้นตรงกับวันที่เพื่อนๆนัดกันไปดูหนัง วันนั้นเราได้แต่อยู่เงียบๆกลายเป็นคนดูเศร้าตลอดเวลา เดินเอา project ไปส่งครูท่านหนึ่งที่ห้องก็ได้ยินเสียงของอาจารย์2ท่านที่คุ้นเคยกล่าวออกมาว่า ทำตัวปัญญาอ่อน แค่เพื่อนยังจะต้องเลือกอีกหรอ หลังจากนั้นเราได้เดินออกไปพร้อมกับเก็บน้ำตาไว้ไม่ให้ร้องไห้แต่เรากลับล้มเหลวที่จะทำแบบนั้น ในใจคิดอยู่ตลอดเวลาเลยว่าเราก็มีเพื่อนนะ แต่เป็นกลุ่มเด็กประถมเพราะเรารู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่กับเด็กกลุ่มนั้น เวลาไปเดินห้างก็พากันไปเล่นหรือทานอะไรอร่อยๆ ไม่ก็รวมตัวกันอยู่ที่ห้องแล้วนั่งคุยกันหลายๆเรื่องที่ค้างคาในใจ เอาเป็นว่า เรากับเด็กเหล่านั้นทำกิจกรรมอะไรด้วยกันแล้วมีความสุขมากๆเลยค่ะ เราไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่เจอสังคมที่ bully สมัยประถมเราจะกลับมามีความสุขกับสังคมเพื่อนได้อีก กลุ่มเด็กที่เราสนิทด้วยมีด้วยกัน3คนค่ะ เวลามีอะไรที่เศร้าใจก็เปิดใจคุยกันช่วยกันหาทางแก้ ร้องไห้ไปปลอบใจกันไป ต่างจากกลุ่มสังคมคลาสเราที่เวลาเห็นเราร้องไห้แล้วทุกคนเงียบและพูดกันว่าจะร้องไห้อะไรกันหนักหนา ปัญหาที่ยังไม่จบคืออาจารย์2ท่านคนเดิมมักจะมาหยอกล้อกับเราเช่น อ้าว วันนี้ไม่ไปเล่นกับ Those dumb kids หรอ พร้อมกับหัวเราะต่อหน้าเราและเด็ก1คนในกลุ่มนั้น เราไม่เคยคิดจริงจังอะไรเลย จนต้องมาได้ยินเรื่องแบบนี้กับตัวเองอีกครั้ง นี่คือสิ่ที่อาจารย์2ท่านพูดคุยกัน A:เห็นหล่อนที่โรงอาหารมั้ย B:ไม่เห็นนะ A:ฉันว่าหล่อนคงไปอยู่กับเด็กพวกนั้นแน่ๆเลย B:หล่อนแปลกดีนะ ไม่มีเพื่อนแล้วยังเลือกอยู่กับสังคมเด็กอีก A:เชื่อไหมล่ะว่าหล่อนเคยบอกว่าที่ไม่ไปเดินห้างกับผู้หญิงในคลาสเดียวกันเพราะหล่อนอึดอัดกับการที่ต้องเดินตามไปร้านเสื้อผ้าต่างๆ และร้านเครื่องสำอาง B:นี่คุณจะบอกว่าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงงั้นหรอ ไม่เอาน่า คุณไม่เห็นการแต่งตัวของหล่อนกับเด็กเหล่านั้นหรอ ช่างไม่ต่างกันเลย ขณะนั้นเราได้รวบรวมสมุดของคนในคลาสไปส่งครู พอได้ยินแบบนั้นก็แทบไม่อยากเดินออกไปเจออาจารย์2ท่านนี้เลย จำใจเดินร้องไห้ผ่านครู2คนนั้นไป คิดแล้วคิดอีกว่าเรามีเพื่อนเป็นเด็กแล้วผิดหรอ การที่เราเลือกสังคมแล้วเราผิดหรอ เวลามีงานกลุ่มเราก็ร่วมมือกับคนในคลาสนะ ผ่านวันนั้นไปเราก็กลายเป็นคนกลัวไปทุกอย่าง เราจะทำอะไรก็ผิดไหมนะ คนจะมองว่าเราเป็นยังไงกันนี่ กลับไปถึงบ้านนั่งดู Netflix อยู่ๆก็ร้องไห้ขึ้นมา เปิดใจคุยกับคุณแม่หลายครั้งมาก แต่ตัวแม่เองก็ทำอะไรไม่ได้ เราเคยเสนอการทำ homeschool แต่ติดตรงที่ว่าคุณแม่ไม่เคยได้รับการศึกษาสมัยยังเป็นเด็ก และคุณพ่อได้จากไปนานแล้ว ญาติฝ่ายอื่นก็อยู่คนละจังหวัดกันเลย พี่เราก็บอกว่าเจอปัญหาคล้ายๆกัน ทำให้เราทั้งคู่อยากย้าย และเราไม่อยากเสียเงินจำนวนมากกับโรงเรียนแบบนี้ แต่เราพอจะรู้ดีว่าตัวของเราเองได้กลายเป็นคนที่ sensitive ไปแล้ว ส่วนพี่ก็มีแนวทางของตนเองชัดเจน หากเราย้ายไปโรงเรียนไทยเราก็จะเจอแบบเดิม ทุกๆวันนี้เราเองยังรู้สึกว่าคนที่เรียนจนจบได้เป็นคนที่สุดยอดมากๆ ความอดทนสูงสุดๆเลย เราอยากทราบแนวทางการศึกษาของไทยว่าพอมีวิธีไหนบ้างที่เราจะไม่ต้องไปโรงเรียน หรือไปโรงเรียนบ้างเป็นบางครั้ง
ตอนนี้ยอมรับค่ะว่าจิตตกสุดๆแต่ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย หลายๆคนมองเราแย่มากๆเลย อยากให้ทุกคนเข้าใจเราว่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กที่มีความสุขมากๆจนโดนสังคมที่ผ่านมา bully ความรู้สึกแบบที่คนอื่นมีในวัยเด็กเรามีน้อยมากๆเลย วัยเด็กเราจึงแตกต่างจากคนอื่น เมื่อเราปรึกษาแพทย์ ท่านก็บอกว่าให้อดทน ทุกๆวันนี้เรายังไม่ได้ออกจากโรงเรียนนานาชาตินั้นนะคะ แต่กลายเป็นขาดเรียนบ่อยตรงนี้ยอมรับเลยค่ะ ร้องไห้จนปวดหัว ร้องไห้ในคลาส ร้องไห้ตอนนำเสนองาน ร้องไห้ตอนเข้าแถว พอตื่นมาแล้วรู้ตัวว่าต้องไปโรงเรียนนั้น เพื่อเจอสังคมในนั้น แค่นี้ก็ร้องไห้แล้วค่ะ กลุ่มเด็กที่เราชอบสนิทด้วยพอเรารู้ตัวว่าเพราะเราไปสนิทกับน้องเขา จึงทำให้น้องๆโดนอาจารย์ด่าว่า dumb เราก็พยายามจะสื่อสารกันในแชทหรือนัดกันนอกรอบเพื่อไปคุยกันแทนที่จะพบเจอกันในโรงเรียน เราเหมือนคนไม่มีที่ไป ทุกอย่างโดนปิดกั้นหมดเลย พยายามหาแล้วหาอีกว่ามีอะไรที่คล้ายๆกับ homeschoolไหม แต่เหมือนว่าเราไม่เจออะไรเลย ขอให้ทุกคนช่วยแนะนำหน่อยนะคะ อาจจะเป็นแนะนำวิธีการเรียนแบบอื่นหรือแนะนำเรื่องต่างๆก็ขอขอบคุณล่วงหน้าเลยค่ะ
เรากลัวโรงเรียน
ตอนนี้ยอมรับค่ะว่าจิตตกสุดๆแต่ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย หลายๆคนมองเราแย่มากๆเลย อยากให้ทุกคนเข้าใจเราว่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กที่มีความสุขมากๆจนโดนสังคมที่ผ่านมา bully ความรู้สึกแบบที่คนอื่นมีในวัยเด็กเรามีน้อยมากๆเลย วัยเด็กเราจึงแตกต่างจากคนอื่น เมื่อเราปรึกษาแพทย์ ท่านก็บอกว่าให้อดทน ทุกๆวันนี้เรายังไม่ได้ออกจากโรงเรียนนานาชาตินั้นนะคะ แต่กลายเป็นขาดเรียนบ่อยตรงนี้ยอมรับเลยค่ะ ร้องไห้จนปวดหัว ร้องไห้ในคลาส ร้องไห้ตอนนำเสนองาน ร้องไห้ตอนเข้าแถว พอตื่นมาแล้วรู้ตัวว่าต้องไปโรงเรียนนั้น เพื่อเจอสังคมในนั้น แค่นี้ก็ร้องไห้แล้วค่ะ กลุ่มเด็กที่เราชอบสนิทด้วยพอเรารู้ตัวว่าเพราะเราไปสนิทกับน้องเขา จึงทำให้น้องๆโดนอาจารย์ด่าว่า dumb เราก็พยายามจะสื่อสารกันในแชทหรือนัดกันนอกรอบเพื่อไปคุยกันแทนที่จะพบเจอกันในโรงเรียน เราเหมือนคนไม่มีที่ไป ทุกอย่างโดนปิดกั้นหมดเลย พยายามหาแล้วหาอีกว่ามีอะไรที่คล้ายๆกับ homeschoolไหม แต่เหมือนว่าเราไม่เจออะไรเลย ขอให้ทุกคนช่วยแนะนำหน่อยนะคะ อาจจะเป็นแนะนำวิธีการเรียนแบบอื่นหรือแนะนำเรื่องต่างๆก็ขอขอบคุณล่วงหน้าเลยค่ะ