ปั้นจั่นคือ เดอะแบกของเรื่องนี้ แสดงดีมาก ทำได้ดีในบทของผู้ชายเนิร์ดๆที่คลั่งสถิติและการคำนวน
เอสเทอร์ แสดงเป็นนางเอกของเรื่องนี้ บทของนางเอกก็สุดโต่งเกินไปมาก ถ้าให้พูดคือเป็นพวกโลกสวยแบบLevel max
รู้สึกว่า"รำคาญ" มากๆกับตัวละครนี้ คุณคิดดูนะว่า ถ้าคุณทำงานของคุณอยู่ดีๆ คุณคำนวนทุกอย่างมาถูกต้อง คุณลงทุนไปแล้ว แต่อยู่ๆก็มีคนจะมาทำลายงานของคุณให้พังพินาศเพราะเขาบอกแค่ว่า "ความรักคือสิ่งที่สวยงามเราควรเชื่อในเรื่องนั้นและสนับสนุนให้เขารักกันต่อ" วดฟ?
คือทุกคู่ ทุกเคสที่หนังยกมา มันสมควรจะเลิกกันจริงๆ แต่นางเอกก็ยังเชื่อในเรื่องความรักโลกสวยอะไรจนมันไม่ดูหลักความจริงบ้างเลยหรอ
ผมไม่ได้โทษบทนางเอกอย่างเดียวนะ ผมโทษคนเขียนบทที่เขียนให้ตั้งแต่ยกเคสตัวอย่างคู่รักที่มีในหนังมาละ คือถ้าคุณเขียนบทให้มันมีเคสคู่รักที่มันมีความสมเหตุสมผลกว่านี้หน่อย ทั้งตัวพระเอกและนางเอก จะไม่สุดโต่งเกินไป และตัวละครนางเอก
"จะดูฉลาดขึ้นมาก"
คือมันผิดตั้งแต่คุณเริ่มแล้ว พอคุณมาเสริมด้วยการให้สองคนมาสู้ มันก็รู้ผลตั้งแต่แรกแล้วป่าวว่าใครสมควรที่จะชนะ แต่คุณกลับยกเคสตัวอย่างคู่รักมาแบบที่สมควรจะเลิกกันแบบนี้ มันคือการเอนเอียงให้ไปเลือกฝั่งพระเอกเลยนะ หนังที่มันจะมีสองฝ่ายมาสู้กันเนี่ย โจทย์ที่ทำให้ทั้งสองมาประชันความคิดและฝีมือกัน มันควรจะมีความเป็นกลางและคิดได้สองด้านมากกว่านี้ หรือจะพูดให้ง่ายอีกก็คือ ปล่อยให้คนดูได้คิดเองบ้าง แต่นี่คือคุณทำให้มันมองได้แค่ด้านเดียว และไม่ว่าจะมองยังไงพระเอกก็เป็นฝ่ายถูกอ่ะ คือมันดูไม่ค่อยฉลาด จนทำให้บทของนางเอกเป็นพวกปัญญาอ่อนด้านความคิดและสุดโต่งเกินไปมาก
ถ้าคุณนึกไม่ออกคุณลองนึกถึง เอาบัวขาวที่เปิดโหมดจริงจังไปต่อยกับนักมวยประถมสมัครเล่นสิ มันก็รู้อยู่แล้วป่าวว่าใครจะชนะ
อีกทั้งในด้านอารมณ์ของหนัง มันจะตลกก็ไม่สุด มีแต่มุขแป้กๆ ทั้งเรื่องผมขำแค่ไม่กี่มุข จบด้วยสูตรหนังรอมคอมสำเร็จรูป คือยัดเรื่องความรักมาใส่ตอนท้ายๆเยอะๆและก็มีประเด็นดราม่า ในฐานะที่ผมเป็นคนที่ชอบดูหนังรักโรแมนติก ผมไม่โอเคกับจุดนี้มากๆ คือถ้าคุณจะชงให้ทั้งสองมารักกันตอนท้ายมันก็ควรปูพื้นมาพร้อมๆกับประเด็นหนังตั้งแต่ตอนต้นเรื่องแล้ว แต่คุณมาเร่งเอาตอนกลางๆ องค์2จะเข้าองค์3ของเรื่อง จนทำให้ผมรู้สึกงงกับมันว่า "พวกเอ็งเอาเรื่องอะไรมารักกันวะ"
ก็นั่นแหละ สิ่งที่ดีที่สุดในหนังเรื่องนี้จริงๆก็คือ "ปั้นจั่น" ที่แสดงออกมาได้ดีมาก คุณดูดีมากจริงๆในทุกมุม เป็นเดอะแบกของเรื่องเลยก็ว่าได้
แต่ที่เหลือก็ตามที่สับไป ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
คะแนน4/10
[CR] [REVIEW] รัก2ปี ยินดีคืนเงิน : ความคิดตัวละครสุดโต่ง แต่สวนทางกับอารมณ์ของหนังที่ไปไม่สุดสักทาง 4/10
เอสเทอร์ แสดงเป็นนางเอกของเรื่องนี้ บทของนางเอกก็สุดโต่งเกินไปมาก ถ้าให้พูดคือเป็นพวกโลกสวยแบบLevel max
รู้สึกว่า"รำคาญ" มากๆกับตัวละครนี้ คุณคิดดูนะว่า ถ้าคุณทำงานของคุณอยู่ดีๆ คุณคำนวนทุกอย่างมาถูกต้อง คุณลงทุนไปแล้ว แต่อยู่ๆก็มีคนจะมาทำลายงานของคุณให้พังพินาศเพราะเขาบอกแค่ว่า "ความรักคือสิ่งที่สวยงามเราควรเชื่อในเรื่องนั้นและสนับสนุนให้เขารักกันต่อ" วดฟ?
คือทุกคู่ ทุกเคสที่หนังยกมา มันสมควรจะเลิกกันจริงๆ แต่นางเอกก็ยังเชื่อในเรื่องความรักโลกสวยอะไรจนมันไม่ดูหลักความจริงบ้างเลยหรอ
ผมไม่ได้โทษบทนางเอกอย่างเดียวนะ ผมโทษคนเขียนบทที่เขียนให้ตั้งแต่ยกเคสตัวอย่างคู่รักที่มีในหนังมาละ คือถ้าคุณเขียนบทให้มันมีเคสคู่รักที่มันมีความสมเหตุสมผลกว่านี้หน่อย ทั้งตัวพระเอกและนางเอก จะไม่สุดโต่งเกินไป และตัวละครนางเอก "จะดูฉลาดขึ้นมาก"
คือมันผิดตั้งแต่คุณเริ่มแล้ว พอคุณมาเสริมด้วยการให้สองคนมาสู้ มันก็รู้ผลตั้งแต่แรกแล้วป่าวว่าใครสมควรที่จะชนะ แต่คุณกลับยกเคสตัวอย่างคู่รักมาแบบที่สมควรจะเลิกกันแบบนี้ มันคือการเอนเอียงให้ไปเลือกฝั่งพระเอกเลยนะ หนังที่มันจะมีสองฝ่ายมาสู้กันเนี่ย โจทย์ที่ทำให้ทั้งสองมาประชันความคิดและฝีมือกัน มันควรจะมีความเป็นกลางและคิดได้สองด้านมากกว่านี้ หรือจะพูดให้ง่ายอีกก็คือ ปล่อยให้คนดูได้คิดเองบ้าง แต่นี่คือคุณทำให้มันมองได้แค่ด้านเดียว และไม่ว่าจะมองยังไงพระเอกก็เป็นฝ่ายถูกอ่ะ คือมันดูไม่ค่อยฉลาด จนทำให้บทของนางเอกเป็นพวกปัญญาอ่อนด้านความคิดและสุดโต่งเกินไปมาก
ถ้าคุณนึกไม่ออกคุณลองนึกถึง เอาบัวขาวที่เปิดโหมดจริงจังไปต่อยกับนักมวยประถมสมัครเล่นสิ มันก็รู้อยู่แล้วป่าวว่าใครจะชนะ
อีกทั้งในด้านอารมณ์ของหนัง มันจะตลกก็ไม่สุด มีแต่มุขแป้กๆ ทั้งเรื่องผมขำแค่ไม่กี่มุข จบด้วยสูตรหนังรอมคอมสำเร็จรูป คือยัดเรื่องความรักมาใส่ตอนท้ายๆเยอะๆและก็มีประเด็นดราม่า ในฐานะที่ผมเป็นคนที่ชอบดูหนังรักโรแมนติก ผมไม่โอเคกับจุดนี้มากๆ คือถ้าคุณจะชงให้ทั้งสองมารักกันตอนท้ายมันก็ควรปูพื้นมาพร้อมๆกับประเด็นหนังตั้งแต่ตอนต้นเรื่องแล้ว แต่คุณมาเร่งเอาตอนกลางๆ องค์2จะเข้าองค์3ของเรื่อง จนทำให้ผมรู้สึกงงกับมันว่า "พวกเอ็งเอาเรื่องอะไรมารักกันวะ"
ก็นั่นแหละ สิ่งที่ดีที่สุดในหนังเรื่องนี้จริงๆก็คือ "ปั้นจั่น" ที่แสดงออกมาได้ดีมาก คุณดูดีมากจริงๆในทุกมุม เป็นเดอะแบกของเรื่องเลยก็ว่าได้
แต่ที่เหลือก็ตามที่สับไป ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
คะแนน4/10