“เด๋อนางเด๋อ นางเด๋อนางเด๋อ”🎵🎵
“เจิ๊ดอ้ายเจิ๊ด อ้ายเจิ๊ด อ้ายเจ็ด”🎵🎵
ตึ้งๆ!! พร้อมท่าทางการตบมือเข้าจังหวะกับเสียงเพลงที่กำลังร้อง
ทุกๆวันคนระแวกนี้จะได้ยินเสียงเพลงจาก บักหรรม!! ทุกวัน เขาไม่มีพิษมีภัยกับใคร เขาแค่คนสติไม่ดีคนหนึ่งเท่านั้น
บักหรรม!! เป็นคำที่สุภาพสำหรับคนทางภาคอิสาน ใช้เรียกลูกที่เป็นผู้ชาย
บักหรรมเป็นลูกคนที่สิบ เป็นลูกคนสุดท้อง คนสมัยก่อนไม่มีการคุมกำเนิด จึงไม่แปลกที่จะมีลูกสิบคน หรือมากกว่าสิบคน พ่อแม่และพี่ๆพากันตามใจมาก งานบ้านงานสวนไม่ให้ทำ ให้เรียนหนังสืออยู่บ้านอย่างเดียว เมื่อบักหรรมโตมาเพียงสิบขวบพ่อก็ตายจากเหลือแม่เพียงคนเดียว พี่ๆก็แยกออกไปมีครอบครัวตัวเองหมดแล้ว บักหรรมจึงอยู่บ้านกับแม่เพียงสองคน
เมื่อบักหรรมโตขึ้นสมัยนั้นคนส่วนมากส่งลูกเรียนแค่ ป.6 บักหรรมทำอะไรไม่เป็นเลย งานไร่ไถนาก็ทำไม่เป็น ไปรับจ้างทำงานในเมืองก็เข้าออกๆเพราะขี้เกรียจ
มีเมียกี่คนๆก็เลิกกันเพราะเขาทนความเอาแต่ใจ และความขี้เกรียจของบักหรรมไม่ได้ แม่ของบักหรรมไม่เคยว่าอะไรเลยยังโอ๋และเอาใจลูกชายเหมือนเดิม พี่ๆคนไหนด่าบักหรรมไม่ได้ แม่เป็นต้องออกตัวด่าแทน ทำให้บักหรรมยิ่งได้ใจ ทำตัวเกเรไม่กลัวพี่ๆ และที่ยังมีกินทุกวันนี้เพราะลูกๆคนอื่นๆช่วยเลี้ยงดู ส่งข้าวส่งน้ำ
เมื่ออยู่มาจนบักหรรมอายุยี่สิบปี แม่ของบักหรรมเสียชีวิตด้วยโรคชรา บักหรรมร้องไห้เสียใจมากเพราะจากนี้ไปใครจะหาข้าวหาน้ำให้เขากิน เขาจะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีแม่ บักหรรมนอนร้องไห้อยู่ในบ้านคนเดียวหลังจากที่เสร็จงานศพแม่แล้ว ไม่มีพี่ๆคนไหนเลยที่จะมาถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ของเขา ไม่มีใครเลย
บักหรรมไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียว เงินที่ชาวบ้านมาบริจาคช่วยงานศพแม่เขาก็ใช้จ่ายซื้อข้าวกินหมดแล้ว ต่อไปนี้เขาจะทำอย่างไร เดินไปขอข้าวบ้านพี่คนนู้นคนนี้เขาก็ด่าทอไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ทุกวันนี้บักหรรมไม่มีแม่คุ้มกะลาหัวแล้ว เขาเหลือทางเลือกสุดท้ายแล้วที่เขาจะมีชีวิตรอด ทางเลือกของเขาคือข้าววัด!! ใช่แล้วเขาต้องไปขอข้าวที่วัดกิน วัดที่เขาเลือกคือวัดที่อื่น ไม่ใช่วัดในหมู่บ้านที่เขาอยู่
เมื่อเขาขอข้าววัดกิน แต่บักหรรมไม่ช่วยเจ้าอาวาททำความสะอาดวัด หรือลุกเดินบิณฑบาตรเลย กินข้าวที่วัดแล้วก็กลับมานอนที่บ้านของตนเอง ทำให้คนในหมู่บ้านนั้นด่าบักหรรม เป็นคนสติดีแท้ๆไม่หาทำการทำงาน มาขอข้าววัดกินไปวันๆ ขี้เกรียจสันหลังยาว คำพูดเหล่านั้นก็ทำให้บักหรรมรู้สึกตัวและอายที่จะไปขอข้าวที่วัดนั้นอีก บักหรรมเริ่มรู้สึกหิวเขาจะทำยังไง เขาไม่มีเงินสักบาท ไปขอข้าวพี่ๆกินก็ไม่ได้ เขาคิดออกอยู่ทางเดียวคือ บ้า!! ต้องเป็นบ้า!!
จากนี้ไปบักหรรมจะเป็นบ้า เดินไปเรื่อย แต่งตัวเสื้อผ้าขาดๆ ร้องเพลงทั้งวัน เพื่อที่จะไปขอข้าววัดกิน แรกๆชาวบ้านระแวกนั้นก็งงว่าบักหรรมทำไมอยู่ๆถึงเป็นบ้า แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ มันเป็นบ้าก็ปล่อยมันไป แต่อย่ามาสร้างความเดือดร้อนก็แล้วกัน
“เด๋อนางเด๋อ นางเด๋อนางเด๋อ”🎵🎵
“เจิ๊ดอ้ายเจิ๊ด อ้ายเจิ๊ดอ้ายเจิ๊ด”🎵🎵
เมื่อได้ยินเสียเพลงนี้เด็กๆก็จะพากันหัวเราะ ชี้หน้าหัวเราะ โยนนั้นโยนนี้ใส่บักหรรม และพากันตะโกนเรียกบักหรรมมาแล้ว!! บักหรรมมาแล้ว!! ร้องเฮฮากันเหมือนกับจะบ้าไปกับบักหรรม บักหรรมไม่ทำร้ายเด็กๆ เล่นไปกับเด็กๆยิ่งสมจริงมากขึ้น ทำให้พี่ๆบักหรรมสมเพศปนสงสาร เอาข้าวเอาน้ำให้บักหรรมกิน นอกจากจะร้องเพลงทั้งวันแล้ว บักหรรมยังทำเป็นคุยคนเดียว ทำเป็นคุยกับแม่บ้าง กับพ่อบ้าง คุยแล้วหัวเราะร้องไห้สลับกันไป พอตอนกลางคืนบักหรรมก็กลับมานอนบ้าน มานอนร้องไห้กับการทำตัวเป็นบ้าของตัวเอง ร้องไห้หาพ่อกับแม่ คอยขอให้พ่อแม่มารับตัวเองไปอยู่ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นบักหรรมก็ไม่คิดฆ่าตัวตาย
เมื่อพี่ๆบักหรรมเห็นน้องอาการหนัก ก็คิดจะพาน้องไปรักษา บักหรรมรู้ว่าเขาจะพาตัวเองไปโรงบาลบ้าบักหรรมก็ทำตัวปกติ และก็กลับมาทำตัวบ้าอีก เพื่อหาข้าวหาน้ำกินประทังชีวิตไปวันๆ และดึกๆก็กลับมานอนบ้านตัวเองมานอนร้องไห้คิดถึงพ่อแม่แบบนี้ทุกวัน ได้เงินมายี่สิบสามสิบบาทจากพี่ๆก็เอาไปซื้อเหล้ากักกิน
ชีวิตการเป็นบ้าของบักหรรมไม่มีใครรู้เลยว่าบักหรรมแกล้งบ้า แม้กระทั้งพี่ๆของเขา บักหรรมมีพี่สาวคนโตคอยดูแลอยู่ด้วยความที่สงสารน้อง เห็นน้องเป็นบ้าแบบนี้จากที่เคยเกลียดตอนสติดี พอน้องเป็นแบบนี้ก็เกลียดไม่ลง คอยให้ข้าวให้น้ำน้องกินแต่ไม่ให้ร่วมวงกับข้าวด้วย บักหรรมไม่สนใจขอแค่มีข้าวมีน้ำกินไปวันๆก็พอ
เมื่อบักหรรมแก่ตัวขึ้น อายุได้ห้าสิบกว่าปีบักหรรมเริ่มมีโรคเข้ามารุมเร้าร่างกาย บักหรรมเป็นโรคเบาหวานมีความดันแทรกซ้อน เมื่อเป็นแผลก็จะหายช้า ทำให้เนื้อตัวบักหรรมยิ่งน่าขยะแขยง ไม่เพียงแต่คนอื่น ตัวบักหรรมเองก็รังเกลียดตัวเองเหมือนกัน โรคนี้ทำให้บักหรรมทุกข์ทรมานอยู่หลายปี โชคดีที่ทีพี่สาวคนโตคอยมาสอดส่องดูแลให้ข้าวให้น้ำแล้วก็ไป
เมื่อบักหรรมนอนป่วยอยู่ในบ้าน ไม่เปิดไฟ ไม่เปิดประตูหน้าต่าง เขาเห็นพ่อเห็นแม่ของเขาอยู่ในบ้าน บางครั้งก็เห็น บางครั้งก็ไม่เห็น บางครั้งก็ได้คุยกับพ่อกับแม่ บักหรรมคิดว่าตัวเองเป็นบ้าจริงๆแล้วหรือป่าว
เขาดีใจที่ได้เห็นแม่ เขาขอให้แม่พาเขาไปอยู่ด้วย เขาไม่อยากอยู่คนเดียว เขาทรมาน ไม่มีใครทำกับข้าวให้เขากิน ไม่มีใครให้เงินเขาใช้ เขาอยากไปอยู่กับพ่อกับแม่
เมื่อถึงวันที่บักหรรมจะสิ้นลมหายใจ บักหรรมรอพี่สาวคนโตมาส่งข้าว เมื่อเขาเห็นแสงสว่างของพระอาทิตย์ลอดเข้ามาภายในบ้าน เพราะมีคนเปิดประตูบ้าน เห็นคนเดินเข้ามาถือกล่องข้าวกับขวดน้ำปล่าวเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนพี่สาวเขาเอง พี่สาวเขากำลังจะป้อนข้าว เขาส่ายหัวไม่กิน เขาทำปากเหมือนจะคุยกับพี่สาว พี่สาวเขาเอาหูเข้าไปใกล้ๆแต่ไม่ใกล้มากเหมือนกลัวจะติดเชื้อจากน้องชาย
“เอื้อยข่อยบ่ได้บ้า ข่อยทำท่าสึๆ ที่เจ้ามู่เจ้าเห็นนะข่อยทำท่าสึๆ ข่อยไปอยู่กับพ่อแม่ก่อนเด้อ ข่อยเอิ้นหาเราให้มาฮับสุมื้อ มื้อนิเรามาฮับข่อยแล้ว”
พี่ผมไม่ได้บ้า ผมแกล้ง ที่คนอื่นที่พวกพี่ๆเห็นนะ ผมแกล้งทำ แกล้งบ้า ผมไปอยู่กับพ่อแม่ก่อนนะ ผมเรียกหาพ่อแม่ให้มารับผมไปอยู่ด้วยทุกวัน วันนี้พ่อแม่มารับผมแล้ว
บักหรรมสั่งลาพี่สาวคนโตแล้วก็หลับไปเหมือนคนนอนหลับไปนิ่งๆเฉยๆ ถึงอย่างไรพี่สาวบักหรรมก็สงสารน้อง ทำเอาพี่สาวบักหรรมร้องไห้เสียงดังกับการจากไปของน้องคนสุดท้อง
จากนั้นบักหรรมก็เหลือแค่ชื่อกับคำบอกเล่าถึงความขี้เกรียจของมัน นอกนั้นก็เห็นจะเป็นเพลง เด๋อนางเด๋อ นางเด๋อนางเด๋อ เจิ๊ดอ้ายเจิ๊ด อ้ายเจิ๊ดอ้ายเจิ๊ด ตึ้งๆของบักหรรมที่ร้องทุกๆวัน แม้กระทั้งมัชเอง มัชก็ร้องเพลงนี้ได้ บักหรรม หรือลุงหรรม เป็นญาติๆห่างๆของแม่มัชมีสักเป็นลุงของมัช เมื่อมัชร้องเพลงนี้ทีไรแม่มัชก็จะแซวมัช โอ้ยญาติบักหรรม!!! ทุกที เวลามัชทำอะไรที่โก๊ะๆซุ่มซ่าม ลืมหน้าลืมหลังมัชก็จะโดนว่าเป็นบ้าเหมือนบักหรรมแล้ว หลานบักหรรมแบบนี้ตลอด
แต่มัชไม่สนใจเพราะลุงหรรมเล่นกับมัช เป็นเพื่อนกับมัชกับเพื่อนๆของมัชตลอดเมื่อลุงหรรมกลับมาบ้าน พามัชร้องเพลงนี้จนติดปาก ลุงหรรมปกปล้องมัชจากพวกผู้ชายที่มันชอบแกล้งมัช แล้วพวกผู้ชายก็จะกลัวลุงหรรมไม่กล้ามายุ่งกับมัช ตอนที่ลุงหรรมเป็นบ้ามัชยังเด็กๆ มัชเป็นหัวหน้าลุงหรรมเป็นลูกน้อง คิดแล้วก็น่าสงสาร
มัชไม่กล้าขี้เกลียดเลย แม่บอกว่าถ้าใครเป็นคนขี้เกลียดจะเป็นเหมือนบักหรรม มัชไม่อยากเป็น มัชเลยต้องขยัน มัชขอตัวไปทำงานก่อนนะ บอสมัชมาแล้ว 😁😁😁
“เด๋อนางเด๋อ นางเด๋อนางเด๋อ”🎵🎵
“เจิ๊ดบอสเจิ๊ด บอสเจิ๊ดบอสเจิ๊ด”🎵🎵
ตึ้งๆ!!
คนบ้า
“เจิ๊ดอ้ายเจิ๊ด อ้ายเจิ๊ด อ้ายเจ็ด”🎵🎵
ตึ้งๆ!! พร้อมท่าทางการตบมือเข้าจังหวะกับเสียงเพลงที่กำลังร้อง
ทุกๆวันคนระแวกนี้จะได้ยินเสียงเพลงจาก บักหรรม!! ทุกวัน เขาไม่มีพิษมีภัยกับใคร เขาแค่คนสติไม่ดีคนหนึ่งเท่านั้น
บักหรรม!! เป็นคำที่สุภาพสำหรับคนทางภาคอิสาน ใช้เรียกลูกที่เป็นผู้ชาย
บักหรรมเป็นลูกคนที่สิบ เป็นลูกคนสุดท้อง คนสมัยก่อนไม่มีการคุมกำเนิด จึงไม่แปลกที่จะมีลูกสิบคน หรือมากกว่าสิบคน พ่อแม่และพี่ๆพากันตามใจมาก งานบ้านงานสวนไม่ให้ทำ ให้เรียนหนังสืออยู่บ้านอย่างเดียว เมื่อบักหรรมโตมาเพียงสิบขวบพ่อก็ตายจากเหลือแม่เพียงคนเดียว พี่ๆก็แยกออกไปมีครอบครัวตัวเองหมดแล้ว บักหรรมจึงอยู่บ้านกับแม่เพียงสองคน
เมื่อบักหรรมโตขึ้นสมัยนั้นคนส่วนมากส่งลูกเรียนแค่ ป.6 บักหรรมทำอะไรไม่เป็นเลย งานไร่ไถนาก็ทำไม่เป็น ไปรับจ้างทำงานในเมืองก็เข้าออกๆเพราะขี้เกรียจ
มีเมียกี่คนๆก็เลิกกันเพราะเขาทนความเอาแต่ใจ และความขี้เกรียจของบักหรรมไม่ได้ แม่ของบักหรรมไม่เคยว่าอะไรเลยยังโอ๋และเอาใจลูกชายเหมือนเดิม พี่ๆคนไหนด่าบักหรรมไม่ได้ แม่เป็นต้องออกตัวด่าแทน ทำให้บักหรรมยิ่งได้ใจ ทำตัวเกเรไม่กลัวพี่ๆ และที่ยังมีกินทุกวันนี้เพราะลูกๆคนอื่นๆช่วยเลี้ยงดู ส่งข้าวส่งน้ำ
เมื่ออยู่มาจนบักหรรมอายุยี่สิบปี แม่ของบักหรรมเสียชีวิตด้วยโรคชรา บักหรรมร้องไห้เสียใจมากเพราะจากนี้ไปใครจะหาข้าวหาน้ำให้เขากิน เขาจะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีแม่ บักหรรมนอนร้องไห้อยู่ในบ้านคนเดียวหลังจากที่เสร็จงานศพแม่แล้ว ไม่มีพี่ๆคนไหนเลยที่จะมาถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ของเขา ไม่มีใครเลย
บักหรรมไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียว เงินที่ชาวบ้านมาบริจาคช่วยงานศพแม่เขาก็ใช้จ่ายซื้อข้าวกินหมดแล้ว ต่อไปนี้เขาจะทำอย่างไร เดินไปขอข้าวบ้านพี่คนนู้นคนนี้เขาก็ด่าทอไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ทุกวันนี้บักหรรมไม่มีแม่คุ้มกะลาหัวแล้ว เขาเหลือทางเลือกสุดท้ายแล้วที่เขาจะมีชีวิตรอด ทางเลือกของเขาคือข้าววัด!! ใช่แล้วเขาต้องไปขอข้าวที่วัดกิน วัดที่เขาเลือกคือวัดที่อื่น ไม่ใช่วัดในหมู่บ้านที่เขาอยู่
เมื่อเขาขอข้าววัดกิน แต่บักหรรมไม่ช่วยเจ้าอาวาททำความสะอาดวัด หรือลุกเดินบิณฑบาตรเลย กินข้าวที่วัดแล้วก็กลับมานอนที่บ้านของตนเอง ทำให้คนในหมู่บ้านนั้นด่าบักหรรม เป็นคนสติดีแท้ๆไม่หาทำการทำงาน มาขอข้าววัดกินไปวันๆ ขี้เกรียจสันหลังยาว คำพูดเหล่านั้นก็ทำให้บักหรรมรู้สึกตัวและอายที่จะไปขอข้าวที่วัดนั้นอีก บักหรรมเริ่มรู้สึกหิวเขาจะทำยังไง เขาไม่มีเงินสักบาท ไปขอข้าวพี่ๆกินก็ไม่ได้ เขาคิดออกอยู่ทางเดียวคือ บ้า!! ต้องเป็นบ้า!!
จากนี้ไปบักหรรมจะเป็นบ้า เดินไปเรื่อย แต่งตัวเสื้อผ้าขาดๆ ร้องเพลงทั้งวัน เพื่อที่จะไปขอข้าววัดกิน แรกๆชาวบ้านระแวกนั้นก็งงว่าบักหรรมทำไมอยู่ๆถึงเป็นบ้า แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ มันเป็นบ้าก็ปล่อยมันไป แต่อย่ามาสร้างความเดือดร้อนก็แล้วกัน
“เด๋อนางเด๋อ นางเด๋อนางเด๋อ”🎵🎵
“เจิ๊ดอ้ายเจิ๊ด อ้ายเจิ๊ดอ้ายเจิ๊ด”🎵🎵
เมื่อได้ยินเสียเพลงนี้เด็กๆก็จะพากันหัวเราะ ชี้หน้าหัวเราะ โยนนั้นโยนนี้ใส่บักหรรม และพากันตะโกนเรียกบักหรรมมาแล้ว!! บักหรรมมาแล้ว!! ร้องเฮฮากันเหมือนกับจะบ้าไปกับบักหรรม บักหรรมไม่ทำร้ายเด็กๆ เล่นไปกับเด็กๆยิ่งสมจริงมากขึ้น ทำให้พี่ๆบักหรรมสมเพศปนสงสาร เอาข้าวเอาน้ำให้บักหรรมกิน นอกจากจะร้องเพลงทั้งวันแล้ว บักหรรมยังทำเป็นคุยคนเดียว ทำเป็นคุยกับแม่บ้าง กับพ่อบ้าง คุยแล้วหัวเราะร้องไห้สลับกันไป พอตอนกลางคืนบักหรรมก็กลับมานอนบ้าน มานอนร้องไห้กับการทำตัวเป็นบ้าของตัวเอง ร้องไห้หาพ่อกับแม่ คอยขอให้พ่อแม่มารับตัวเองไปอยู่ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นบักหรรมก็ไม่คิดฆ่าตัวตาย
เมื่อพี่ๆบักหรรมเห็นน้องอาการหนัก ก็คิดจะพาน้องไปรักษา บักหรรมรู้ว่าเขาจะพาตัวเองไปโรงบาลบ้าบักหรรมก็ทำตัวปกติ และก็กลับมาทำตัวบ้าอีก เพื่อหาข้าวหาน้ำกินประทังชีวิตไปวันๆ และดึกๆก็กลับมานอนบ้านตัวเองมานอนร้องไห้คิดถึงพ่อแม่แบบนี้ทุกวัน ได้เงินมายี่สิบสามสิบบาทจากพี่ๆก็เอาไปซื้อเหล้ากักกิน
ชีวิตการเป็นบ้าของบักหรรมไม่มีใครรู้เลยว่าบักหรรมแกล้งบ้า แม้กระทั้งพี่ๆของเขา บักหรรมมีพี่สาวคนโตคอยดูแลอยู่ด้วยความที่สงสารน้อง เห็นน้องเป็นบ้าแบบนี้จากที่เคยเกลียดตอนสติดี พอน้องเป็นแบบนี้ก็เกลียดไม่ลง คอยให้ข้าวให้น้ำน้องกินแต่ไม่ให้ร่วมวงกับข้าวด้วย บักหรรมไม่สนใจขอแค่มีข้าวมีน้ำกินไปวันๆก็พอ
เมื่อบักหรรมแก่ตัวขึ้น อายุได้ห้าสิบกว่าปีบักหรรมเริ่มมีโรคเข้ามารุมเร้าร่างกาย บักหรรมเป็นโรคเบาหวานมีความดันแทรกซ้อน เมื่อเป็นแผลก็จะหายช้า ทำให้เนื้อตัวบักหรรมยิ่งน่าขยะแขยง ไม่เพียงแต่คนอื่น ตัวบักหรรมเองก็รังเกลียดตัวเองเหมือนกัน โรคนี้ทำให้บักหรรมทุกข์ทรมานอยู่หลายปี โชคดีที่ทีพี่สาวคนโตคอยมาสอดส่องดูแลให้ข้าวให้น้ำแล้วก็ไป
เมื่อบักหรรมนอนป่วยอยู่ในบ้าน ไม่เปิดไฟ ไม่เปิดประตูหน้าต่าง เขาเห็นพ่อเห็นแม่ของเขาอยู่ในบ้าน บางครั้งก็เห็น บางครั้งก็ไม่เห็น บางครั้งก็ได้คุยกับพ่อกับแม่ บักหรรมคิดว่าตัวเองเป็นบ้าจริงๆแล้วหรือป่าว
เขาดีใจที่ได้เห็นแม่ เขาขอให้แม่พาเขาไปอยู่ด้วย เขาไม่อยากอยู่คนเดียว เขาทรมาน ไม่มีใครทำกับข้าวให้เขากิน ไม่มีใครให้เงินเขาใช้ เขาอยากไปอยู่กับพ่อกับแม่
เมื่อถึงวันที่บักหรรมจะสิ้นลมหายใจ บักหรรมรอพี่สาวคนโตมาส่งข้าว เมื่อเขาเห็นแสงสว่างของพระอาทิตย์ลอดเข้ามาภายในบ้าน เพราะมีคนเปิดประตูบ้าน เห็นคนเดินเข้ามาถือกล่องข้าวกับขวดน้ำปล่าวเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนพี่สาวเขาเอง พี่สาวเขากำลังจะป้อนข้าว เขาส่ายหัวไม่กิน เขาทำปากเหมือนจะคุยกับพี่สาว พี่สาวเขาเอาหูเข้าไปใกล้ๆแต่ไม่ใกล้มากเหมือนกลัวจะติดเชื้อจากน้องชาย
“เอื้อยข่อยบ่ได้บ้า ข่อยทำท่าสึๆ ที่เจ้ามู่เจ้าเห็นนะข่อยทำท่าสึๆ ข่อยไปอยู่กับพ่อแม่ก่อนเด้อ ข่อยเอิ้นหาเราให้มาฮับสุมื้อ มื้อนิเรามาฮับข่อยแล้ว”
พี่ผมไม่ได้บ้า ผมแกล้ง ที่คนอื่นที่พวกพี่ๆเห็นนะ ผมแกล้งทำ แกล้งบ้า ผมไปอยู่กับพ่อแม่ก่อนนะ ผมเรียกหาพ่อแม่ให้มารับผมไปอยู่ด้วยทุกวัน วันนี้พ่อแม่มารับผมแล้ว
บักหรรมสั่งลาพี่สาวคนโตแล้วก็หลับไปเหมือนคนนอนหลับไปนิ่งๆเฉยๆ ถึงอย่างไรพี่สาวบักหรรมก็สงสารน้อง ทำเอาพี่สาวบักหรรมร้องไห้เสียงดังกับการจากไปของน้องคนสุดท้อง
จากนั้นบักหรรมก็เหลือแค่ชื่อกับคำบอกเล่าถึงความขี้เกรียจของมัน นอกนั้นก็เห็นจะเป็นเพลง เด๋อนางเด๋อ นางเด๋อนางเด๋อ เจิ๊ดอ้ายเจิ๊ด อ้ายเจิ๊ดอ้ายเจิ๊ด ตึ้งๆของบักหรรมที่ร้องทุกๆวัน แม้กระทั้งมัชเอง มัชก็ร้องเพลงนี้ได้ บักหรรม หรือลุงหรรม เป็นญาติๆห่างๆของแม่มัชมีสักเป็นลุงของมัช เมื่อมัชร้องเพลงนี้ทีไรแม่มัชก็จะแซวมัช โอ้ยญาติบักหรรม!!! ทุกที เวลามัชทำอะไรที่โก๊ะๆซุ่มซ่าม ลืมหน้าลืมหลังมัชก็จะโดนว่าเป็นบ้าเหมือนบักหรรมแล้ว หลานบักหรรมแบบนี้ตลอด
แต่มัชไม่สนใจเพราะลุงหรรมเล่นกับมัช เป็นเพื่อนกับมัชกับเพื่อนๆของมัชตลอดเมื่อลุงหรรมกลับมาบ้าน พามัชร้องเพลงนี้จนติดปาก ลุงหรรมปกปล้องมัชจากพวกผู้ชายที่มันชอบแกล้งมัช แล้วพวกผู้ชายก็จะกลัวลุงหรรมไม่กล้ามายุ่งกับมัช ตอนที่ลุงหรรมเป็นบ้ามัชยังเด็กๆ มัชเป็นหัวหน้าลุงหรรมเป็นลูกน้อง คิดแล้วก็น่าสงสาร
มัชไม่กล้าขี้เกลียดเลย แม่บอกว่าถ้าใครเป็นคนขี้เกลียดจะเป็นเหมือนบักหรรม มัชไม่อยากเป็น มัชเลยต้องขยัน มัชขอตัวไปทำงานก่อนนะ บอสมัชมาแล้ว 😁😁😁
“เด๋อนางเด๋อ นางเด๋อนางเด๋อ”🎵🎵
“เจิ๊ดบอสเจิ๊ด บอสเจิ๊ดบอสเจิ๊ด”🎵🎵
ตึ้งๆ!!