ข้อคิดจากหนังอนิเมชั่นสัตว์เลี้ยงเรื่องนี้สื่อชัดเจนถึงการเลี้ยงดูเด็กแบบ 2 แบบ แบบไข่ในหิน กับแบบปล่อยให้เรียนรู้ลองผิดลองถูก
หนังเปรียบเทียบหมาเหมือนพ่อแม่ 🐕🤱ลูกของเจ้านายเปรียบเหมือนลูก 👶จับใจความมีข้อคิดต่างๆดังนี้

1. อย่ากังวลเกินเหตุ อย่าคิดแทนลูก

ในเรื่องหมาตัวเอกของเรื่องห่วงลูกของเจ้านาย วิกลจริตกลัวต่างๆนาๆ กลัวว่าจะเกิดอันตรายจนไม่อยากให้เด็กห่างตาหรือไปไหน เรียกหมาตัวเล็กละกัน ในขณะที่หมาตัวใหญ่มีนิสัยตรงข้ามและกล้าหาญกว่ามาก แนวคิดเลี้ยงลูกแบบสมัยใหม่เลยล่ะ
ความคิดของหมาเล็กจะกังวลแทนเด็กอยู่ตลอด
และไม่สบายใจเมื่อเด็กไม่อยู่ในสายตา
พอห่วงเด็กก็รู้สึกโลกรอบตัวอันตรายขึ้นมาทันที
"ฉันไม่ชอบเลยที่เขาไม่พาฉันไปด้วย" 
"เขามาแปลกที่ เขาคงกังวลมาก"
"โลกมันน่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"
แอบกังวลแม้แต่เรื่องเล็กน้อยๆ จนเครียดเอง

2. อย่าปกป้องเด็กเกินไป จงปล่อยให้เด็กเรียนรู้ถูกผิด

หมาใหญ่ : "นายรู้ไหมฉันกัดสายไฟไปกี่เส้น"
หมาเล็ก: "คงนับไม่ถ้วนสินะ"
หมาใหญ่: "ครั้งเดียว เจอช็อตครั้งเดียวก็ไม่กล้ากัดอีกเลย"

3. อย่าโกหกและสร้างโลกที่สวยงาม ให้ลูกเผชิญความโหดร้ายบ้าง

ตอนเล่านิทานหนูน้อยหมวกแดงให้เด็กฟัง ตอนอ่านไปถึงหน้าที่หมาป่ากินคุณยายและปลอมตัวเป็นคุณยายเพื่อจะกินหนูน้อยหมวกแดง
หมาเล็กรีบปิดหน้านั้นทันทีและโกหกเปลี่ยนเรื่องให้จบแบบสวยงาม จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ไม่มีใครตาย
หมาตัวใหญ่เห็นแล้วรู้สึกไม่พอใจ
หมาใหญ่ "เรื่องไม่ได้เป็นแบบนั้น! หมาป่ากินคุณยายไปแล้ว และแกล้งเป็นหมาป่า ต่างหากล่ะ"
หมาเล็ก "ทำไมนายเล่าเรื่องจริงที่โหดร้ายล่ะ!!"
หมาใหญ่ตอบ "เด็กไม่เห็นเป็นอะไรเลย มีแต่นายที่คิดมากไปเอง"

4. เมื่อก้าวผ่านความกลัว จะได้เจอกับคำว่ากล้าหาญ

หมาใหญ่: จุดเริ่มของการฝึกฝนที่จะไม่กลัว เราต้องทำตัวไม่กลัวเมื่อเผชิญความกลัว
5. โลกนี้เต็มไปด้วยอันตรายก็จริง แต่เราไม่ควรทิ้งโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งมหัศจรรย์เพียงเพราะความกลัว
6. เมื่อเราเรียนรู้ที่จะกล้าหาญ เราก็ควรสอนให้ลูกใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญเหมือนกัน