“โรคตุ่มน้ำพอง” ไม่ใช่โรคหายาก และรักษาได้

“โรคตุ่มน้ำพอง” ไม่ใช่โรคหายาก และรักษาได้


โรคตุ่มน้ำพองเกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้มีการสร้างแอนติบอดีมาทำลายการยึดเกาะของเซลล์ผิวหนัง ผิวหนังจึงหลุดลอกออกจากกันได้ง่าย ร่วมกับปัจจัยทางพันธุกรรม ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ก็มีส่วนกระตุ้นทำให้เกิดตุ่มน้ำพองที่ผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ ได้ ไม่ใช่โรคหายาก สามารถเกิดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง

สังเกตอย่างไรว่าเป็นโรคตุ่มน้ำพอง?
อาการจะเริ่มจากมีผื่นคันมาก่อนที่ผิวหนังแล้วกลายเป็นตุ่มพอง ตุ่มอาจรวมกันเป็นตุ่มใหญ่ หรือแตกเป็นแผลทำให้เกิดอาการปวดแสบมาก โดยแผลถลอกอาจปกคลุมด้วยสะเก็ดน้ำเหลือง ในระยะนี้หากมีการติดเชื้อ อาจทำให้แผลลุกลามและควบคุมได้ยาก โดยผู้ป่วยแต่ละคนจะมีความรุนแรงของโรคแตกต่างกัน โดยวินิจฉัยได้จากประวัติและอาการทางผิวหนัง ร่วมกับการตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา

รักษาหายได้จริงหรือ?
ถ้าเป็นไม่รุนแรงรักษาโดยการทายาสเตียรอยด์รับประทานยาปรับภูมิคุ้มกัน หรือถ้าเป็นรุนแรงอาจจะให้ยาสเตียรอยด์หรือยากดภูมิแบบรับประทาน เพื่อลดการอักเสบ ลดการเกิดตุ่มน้ำใหม่และเร่งการสมานแผลให้เร็วที่สุด แล้วค่อยๆ ปรับลดยาลงช้าๆ โดยใช้ยาที่น้อยที่สุดที่จะควบคุมโรคได้บางคนอาจเข้าสู่ระยะโรคสงบหลังรักษา 3 - 5 ปีโดยอาจมีอาการกำเริบและสงบสลับกันไป และในบางคนอาจต้องได้รับการรักษาต่อเนื่องเป็นเวลานาน


คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรค
1. ควรทำความสะอาดร่างกายอย่างสม่ำเสมอ บริเวณที่เป็นแผลให้ใช้น้ำเกลือทำความสะอาด ใช้แปรงขนอ่อนทำความสะอาดลิ้นและฟัน
2. ไม่แกะเกาผื่น เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
3. ผู้ป่วยมีภาวะภูมิต้านทานต่ำจากยาที่ใช้รักษา จึงควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคติดเชื้อ
4. ไม่ออกกำลังกายหนักๆ
5. ไม่ใส่เสื้อผ้ารัดหรือคับเกินไป เพื่อลดการถลอกที่ผิวหนัง
6. หลีกเลี่ยงแสงแดดและความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นโรคที่สำคัญ

โรคนี้พบได้ไม่บ่อยแต่จัดเป็นโรคผิวหนังที่มีความรุนแรง สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย ผู้ที่เป็นโรคนี้มักมีอายุเฉลี่ยที่50-60ปีไม่ใช่โรคติดต่อสามารถสัมผัสอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยและรักษาให้หายได้ ทั้งนี้ ผู้ป่วยต้องมารักษาต่อเนื่อง มาตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ลดหรือเพิ่มยาเอง การรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ และไม่มีรอยโรคใหม่เกิดเพิ่มขึ้น

หากใครสงสัยว่า มีอาการเข้าข่ายโรคตุ่มน้ำพองแนะนำให้พบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง และลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรค

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่